บทที่ 2
ลำบากใจ
ภายในสนามแข่งรถใจกลางเมืองที่มีเสียงเพลงบีทหนักและแสงไฟจากสปอตไลต์สาดส่องตามจังหวะเพลง ล้อมด้วยผู้คนมากหน้าหลายตาที่อยู่บนอัฒจันทร์ เพื่อรอชมการแข่งขันแมตช์สำคัญ โดยอีกฝั่งจะเป็นอัฒจันทร์สำหรับนักแข่งรถและผู้ที่เกี่ยวข้องเท่านั้นที่สามารถเข้าไปได้
“ใครกับใครวะ” ภูผาที่เพิ่งเดินเข้ามาเอ่ยถามพร้อมกับโยนกระป๋องเบียร์ให้กับเพื่อนสนิททั้งสองคน
“ไอ้นิลกับไอ้ไมค์” ภาคินตอบกลับไปนิ่ง ๆ ก่อนจะเปิดกระป๋องเบียร์และกระดกขึ้นดื่ม
“ของเดิมพันคืออะไร” ภูผาหย่อนกายลงนั่งที่อัฒจันทร์ชั้นถัดจากภาคินและภูริ สายตาคมกวาดมองที่สนามด้วยความสนใจอยู่ไม่น้อย เนื่องจากแมตช์สำคัญในวันนี้เป็นคนที่เขารู้จักทั้งคู่
แล้วที่สำคัญของเดิมพันต้องน่าสนใจแน่นอน…
“เงินสดสิบล้าน” ภูริเอ่ยออกมาด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง ทำเอาทั้งภาคินและภูผามองตาโตกับจำนวนเงินที่เดิมพันในการแข่งขันครั้งนี้
“เชี่ยแม่ง! แข่งรถครั้งเดียวก็ได้สิบล้าน รู้งี้กูลงแข่งบ้างดีกว่า” ภาคินบอกด้วยความสนใจ หากรู้ว่าแข่งลงแข่งให้ชนะแล้วได้เงินจำนวนมากขนาดนี้ เขาคงลงไปนานแล้ว
“เดี๋ยวก็โดนเฮียด่า เดือนหน้ามึงก็ต้องแข่งระดับประเทศแล้วเก็บตัวซ้อมเหอะว่ะ” ภูผาส่ายหน้าเบา ๆ
“เออ ถ้ามึงชนะระดับประเทศมึงได้เงินมากกว่าสิบล้านอีก” ภูริพูดเสริม
คนตัวโตไม่ได้ตอบอะไรกลับไปเขาหยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองขึ้นมาเช็กข่าวสารในโซเชียลมีเดีย ที่เขาเพิ่งได้อัปรูปลงในอินสตาร์แกรมไปเมื่อสองชั่วโมงก่อน ก็พบว่าได้รับความสนใจและมียอดถูกใจมากถึงสามแสน
และแน่นอนว่าการอัปเดตข่าวสารผ่านโซเชียลแบบนี้เขาไม่ได้ทำเอง แต่ถูกผู้จัดการสั่งให้ลงเพื่อเรียกกระแสความสนใจ
“เฮ้ยนั่นมันยัยเด็กฝึกงานที่มาสัมภาษณ์เราเมื่อสองวันก่อนใช่ปะวะ” ภูผาหรี่ตาเมื่อเห็นร่างบางในชุดทำงาน พร้อมด้วยเพื่อนสนิทที่ยืนอยู่ข้าง ๆ กัน กำลังทำหน้าที่เก็บภาพบรรยากาศรอบ ๆ สนามแข่ง
ภาคินเงยหน้าขึ้นมองไปตามที่ภูผาบอก ซึ่งใช่เธอจริง ๆ รอยยิ้มร้ายผุดขึ้นเมื่อเขานึกเรื่องสนุกได้บางอย่าง เขาจำได้ว่าการเจอกันครั้งแรกก็ทำให้คนตัวเล็กเกลียดขี้หน้าไปเสียแล้ว หากจะเข้าไปก่อกวนอีกสักครั้งก็คงไม่เสียหาย
“หยุดความคิดมึง” ภูริเอ่ยแทรกเมื่อรับรู้ว่าเพื่อนสนิทจะทำอะไร
“อะไรของมึง” ภาคินทำหน้าไม่พอใจเมื่อถูกขัด
“ที่มึงทำกับเขาครั้งนั้นมันยังไม่พอ?”
“ทำอะไรวะ” ภูผาหันไปถามด้วยความสงสัย
“เสือกจริงเลยพวกมึงเนี่ย เบื่อพวกมึงว่ะ” ภาคินลุกขึ้นด้วยสีหน้าหงุดหงิดก่อนจะเดินออกไป โดยมีสายตาของเพื่อนสนิททั้งสองมองตามไปจนสุดสายตา
ภาคินเดินตรงไปยังเป้าหมายที่อยู่ขอบสนามฝั่งตรงข้ามทันที หญิงสาวใบหน้าหวานจิ้มลิ้มที่เห็นครั้งแรกก็ถูกใจเข้าอย่างจัง แต่ทว่าเจ้าหล่อนกลับหยิ่งยโสและทำท่ารังเกียจเขาอย่างกับว่าเขาเป็นตัวประหลาด
“ไง ไอ้เพื่อนรัก” แต่ไม่ทันที่ภาคินจะเดินไปถึงตัวหญิงสาวกลับมีเสียงเข้มเอ่ยเรียกเขาเสียก่อน ใบหน้าหล่อเหลาหันไปตามเสียงเรียกก็พบว่าเป็นคนคุ้นเคยที่เขาไม่อยากจะเสียเวลาพูดคุยด้วยเลยสักนิด
“อะไร” ภาคินเอ่ยด้วยน้ำเสียงรำคาญ
“สักแมตช์กับกูไหม”
“คนอย่างกูไม่ลดตัวไปแข่งกับมึงหรอก” ภาคินแสยะยิ้ม
เขาไม่คิดจะแข่งกับคู่อริอย่าง ‘เลย์’ อยู่แล้ว พวกเขาทั้งสองมีปัญหากันมาก่อนเรื่องการแข่งขันซึ่งในอดีตทั้งสองคนนี้เคยเป็นผู้เข้าแข่งขันด้วยกันในการแข่งระดับประเทศ เลย์ทุจริตเล่นสกปรกทำให้ภาคินได้รับบาดเจ็บระหว่างแข่งขัน โดยจุดประสงค์เพื่อหวังชัยชนะทำให้ทั้งสองคนนั้นเป็นคู่ปรับกันมาโดยตลอด
แต่ในจังหวะนั้นเป็นจังหวะที่เนปจูนกับเพื่อนสนิทเดินผ่านมาทางนี้พอดี ทำให้ทั้งภาคินและเลย์ต่างก็หันไปมองร่างบางเป็นสายตาเดียวกัน เมื่อรู้สึกว่าถูกจับจ้องเจ้าตัวก็เงยหน้าขึ้นไปมองที่สายตาสองคู่นั้นก่อนจะชะงักไป
“พี่เลย์...” เสียงเล็กเอ่ยแผ่วเมื่อเห็นร่างสูงตรงหน้า เพราะเขาคนนั้นเป็นแฟนเก่าของเธอ ที่เลิกรากันไปได้สองปีที่แล้ว
ภาคินเลิกคิ้วแปลกใจเมื่อเด็กฝึกงานคนนี้กลับรู้จักคนร้ายกาจอย่างเลย์ได้ แถมดูท่าทางแล้วก็น่าจะสนิทกันอยู่ไม่น้อย
“ไง ไม่เจอกันนานเลยนะจูน” เลย์เดินเข้าไปหาร่างบางพร้อมกับวางมือลงบนศีรษะของเธอเบา ๆ
“ค่ะ ไม่เจอกันนานเลย...” เนปจูนมีสีหน้ากังวลใจอย่างเห็นได้ชัด
“ยังคบกับไอ้เพื่อนคนนี้อยู่อีกเหรอ” เลย์ปรายสายตาไปทางเตอร์ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ
“แล้วพี่ยุ่งไรด้วยวะ”
“มึงจะทำไม!”
“อย่าเตอร์!” ร่างบางเข้าไปห้ามเพื่อนสนิทเมื่อเห็นว่าทั้งคู่กำลังมีปากเสียงกัน
ระหว่างเนปจูนและเลย์เคยเป็นแฟนกันแต่ก็ต้องจบความสัมพันธ์ลง เนื่องจากเลย์ให้เหตุผลว่าเขาเบื่อเธอแล้ว ในช่วงชีวิตวัยรุ่นในรั้วมหาวิทยาลัยของเนปจูนพังทลายลง เนื่องจากเขาเป็นแฟนคนแรกของเธอ แต่เธอก็ยอมรับในการตัดสินใจของเลย์ โดยมีเตอร์คอยให้กำลังใจอยู่ตลอด
“มาดูแข่งรถกันเหรอ” เลย์ปรับสีหน้าให้เป็นปกติและเอ่ยถามคนตัวเล็กด้วยรอยยิ้ม
“จูนมาทำงานค่ะ มาเก็บภาพบรรยากาศรอบสนาม”
“แมตช์ต่อไปพี่ลงแข่ง อย่าลืมเชียร์พี่ด้วยนะ”
“จูนจะกลับแล้วค่ะ คงอยู่เชียร์ไม่ได้”
“ไปเหอะว่ะ อย่าเสียเวลาคุยกับคนแบบนี้เลย” เตอร์เอ่ยและจับที่ข้อมือของเพื่อนสนิทเพื่อตัดบทสนทนา
“เดี๋ยว” ภาคินแทรกขึ้นหลังจากที่เขายืนมองสถานการณ์อยู่นานเขาเองก็พอจะจับใจความได้ว่าคนตัวเล็กและเลย์เคยคบกันมาก่อน แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างทำให้เลิกกัน และแน่นอนว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่จบไม่สวย
คนตัวเล็กเงยหน้ามองคนที่เรียกด้วยความแปลกใจ ทำให้เตอร์หยุดเดินและมองไปที่ภาคินอีกคน
“ฉันขอเลื่อนนัดสัมภาษณ์ที่พวกเธอนัดมาเป็นวันพรุ่งนี้แทน”
“ทำไมล่ะครับ” เตอร์เป็นฝ่ายถามแทน
“วันอื่นฉันไม่ว่างแล้ว” เนปจูนเม้มปากแน่นเธอรู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก ทั้งเจอแฟนเก่าและคนที่เธอเกลียดขี้หน้าตั้งแต่แรกเจอในเวลาเดียวกัน แถมวันถัดไปเธอต้องไปทำงานร่วมกับเขาอีก
“แต่พรุ่งนี้เป็นวันหยุดของพวกเรา” เนื่องจากพรุ่งนี้เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ ทำให้ทางครอบครัวของเธอนัดไปเที่ยวพักผ่อนที่ต่างจังหวัด
ภาคินเลิกคิ้วพร้อมกับดุนลิ้นข้างแก้มถ้าหากเด็กสองคนนี้ไม่ตอบตกลงเขาก็จะไม่ให้สัมภาษณ์ใด ๆ อีกเลย
“งั้นก็น่าเสียดายที่เดือนนี้ฉันไม่มีคิวว่างแล้ว” ร่างบางกำมือแน่นเมื่อถูกไล่ต้อนจนมุมเธอไม่มีทางเลือกแล้ว เพราะงานนี้สำคัญกับเธอมาก เหมือนเป็นตัวชี้วัดการฝึกงานของเธอเลยทีเดียว
“ฉันว่างค่ะ เป็นพรุ่งนี้ก็ได้” เนปจูนเอ่ยออกไปเมื่อตัดสินใจเด็ดขาดคนเดียว เธอสามารถทำงานคนเดียวได้หากไม่มีเตอร์ เพราะเธอเองก็อยากให้งานมันเสร็จสมบูรณ์เสียที เธอจะได้ไม่ต้องมาเจอกับเขาอีก
“ไอ้จูน! แกบ้าปะวะ! แกจะไปคนเดียวรึไง”
“อืม ฉันไปคนเดียวได้” เนปจูนพยักหน้าตอบด้วยสีหน้ามุ่งมั่น แม้ว่าในใจเธอจะไม่อยากเข้าใกล้เขาแค่ไหน แต่ในเมื่อเป็นงานเธอก็ต้องทำให้สำเร็จ
“ก็ดี” ภาคินแสยะยิ้มเมื่อได้รับคำตอบที่พึงพอใจ ก่อนจะหันไปยังร่างสูงอีกคนที่ยืนมองพวกเขาอยู่เงียบ ๆ
“ไปกันเถอะเตอร์”
“อย่าเพิ่งรีบกลับสิจูน ไม่เก็บภาพตอนที่พี่แข่งหน่อยเหรอแมตช์สำคัญเลยนะพี่ว่าหัวหน้าเราต้องชอบแน่ ๆ” เลย์เดินมาหยุดที่ด้านหน้าของเนปจูนเพื่อขวางไม่ให้เธอเดินออกไป ซึ่งทำให้เตอร์เข้ามากันเพื่อนสนิทให้ออกห่างให้มากที่สุด
“อย่ามายุ่งกับเพื่อนผม!”
“มึงนี่เสือกดีจริง ๆ เลยนะ!”
“พอเถอะค่ะพี่เลย์!” เนปจูนเหลืออดแล้วเอ่ยออกไปพร้อมกับถอนหายใจออกมา แค่เธอเห็นหน้าเขาในวันนี้มันก็ทำให้เธออึดอัดอย่างบอกไม่ถูกมากพอแล้ว
“ถ้าอยากให้พี่เลิกยุ่งงั้นก็อยู่ดูพี่แข่งจนจบก่อน โอเคไหม” ไม่ว่าเปล่ามือหนาลูบที่เรือนผมของเนปจูนเบา ๆ ทำให้เธอรีบขยับตัวออก
“อย่าทำแบบนี้ค่ะ”
“ทำไมล่ะจูน เมื่อก่อนจูนชอบให้พี่ลูบหัวบ่อย ๆ ไม่ใช่เหรอ”
“นั่นมันเมื่อก่อนค่ะ แต่ตอนนี้เราไม่ได้เป็นอะไรกันแล้ว เราเลิกกันมาสองปีแล้วนะคะพี่เลย์” ร่างบางเงยหน้ามองคนตัวโตอย่างไม่ลดละ
เธอลำบากใจที่ต้องเห็นเขาทำดีกับเธอแบบนี้ตลอด ทั้ง ๆ ที่เขาเป็นฝ่ายไปจากเธอด้วยเหตุผลแค่คำว่า ‘เบื่อ’ เธอยอมรับว่าเธอยังไม่ลืมเขาเพราะเขาเป็นแฟนคนแรกของเธอ แต่มันไม่มีทางกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้อีกแน่นอนเธอมั่นใจ
เลย์ยังคงทักมาหาเธออยู่เป็นครั้งคราบ้างก็ขอนัดเจอแต่เธอก็ขอเลี่ยงในทุกครั้ง เธอรู้ดีว่าเขาแค่เหงาหรือแค่อยากให้ความหวังเด็กน้อยไร้เดียงสาเรื่องความรักอย่างเธอเท่านั้นไม่ได้คิดจริงจัง เธอเลยเลือกที่จะเมินเฉยกับข้อความของเขาตลอด
แต่พอในวันนี้กลับมาเจอเขาต่อหน้าเธอกลับรู้สึกอึดอัดและลำบากใจอย่างบอกไม่ถูก เธอไม่รู้ว่าจะทำตัวเช่นไรในเมื่อเขายังคงทำตัวปกติกับเธอแบบนี้
“เรายังโกรธพี่อยู่อีกเหรอ พี่ก็แค่เป็นห่วงในฐานะพี่ชายเท่านั้น” น้ำเสียงอ่อนโยนคำนั้นทำให้คนตัวเล็กสั่นไหว
หมับ!
อยู่ ๆ ภาคินก็ต้องเข้าไปกระชากข้อมือของเนปจูนเข้ามาที่ข้างกายของเขาโดยไม่ทันตั้งตัว ก่อนที่เขาจะผลักเลย์ให้ออกห่าง
“ก็เห็นอยู่ว่าเขาลำบากใจที่เห็นหน้ามึงก็ยังจะหน้าด้านอยู่ได้!”
“แล้วมึงเสือกอะไรวะ!” เลย์เข้ามาผลักอกของภาคินอย่างแรงทำให้ผู้คนรอบ ๆ เริ่มให้ความสนใจกับพวกเขาทั้งสอง
“ปะ...ปล่อยนะ” คนตัวเล็กพยายามแกะมือออกแต่ก็ไม่เป็นผล ยิ่งเธอผลักไสเขาก็ยิ่งบีบข้อมือเธอแรงมากขึ้นเท่านั้น
“อยากกลับไปหาแฟนเก่าอย่างมันนักรึไง!” ภาคินเค้นเสียงลอดไรฟัน เมื่อเห็นท่าทีของคนตัวเล็กที่พยายามแกะมือออกจากเขาอย่างนึกรังเกียจราวกับเป็นตัวประหลาด
ไม่ว่าเธอจะหันไปทางไหนมันก็เหมือนปากเหวทั้งคู่ นี่รึเปล่าที่เขาเรียกว่า...หนีเสือปะจระเข้!
“รบกวนปล่อยเพื่อนผมด้วยครับคุณภาคิน”
“เฮ้ยไอ้คิน มีเรื่องอะไรกันวะ” ภูผาและภูริเดินเข้ามาเมื่อเขาเห็นสถานการณ์เริ่มย่ำแย่ เพราะในตอนนี้พวกเขาต่างเป็นจุดสนใจของคนในสนาม แล้วเขาก็เป็นถึงนักแข่งชื่อดังที่กำลังเป็นที่จับตาของสื่อแล้วด้วย อาจจะส่งผลต่อภาพลักษณ์ได้
“จูนจะไปกับมันเหรอ” เลย์เอ่ยถามเสียงเรียบ
“ไม่!”
“เธอจะกลับไปหาไอ้แฟนเก่าของเธอรึไง!”
“ปล่อยฉันสักที! ฉันจะกลับบ้าน!”
“นี่เธอไปกับพวกเราก่อนเถอะ ดีกว่าไปอยู่กับพวกไอ้เลย์นะ” ภูผาเอ่ยเพื่อให้สถานการณ์คลี่คลายไปได้ด้วยดี
“ทำไมเพื่อนผมต้องไปกับพวกคุณด้วย พวกเราจะกลับ!”
“แล้วคิดว่ามันจะให้กลับง่าย ๆ รึไงวะ”
“เชื่อฉันเถอะ มากับฉันก่อน” ภูผาพยายามโน้มน้าวทั้งสองคน
พรึ่บ!
“ตามมา!” ไม่ทันที่คนตัวเล็กจะเอ่ยอะไรภาคินก็ออกแรงกระชากข้อมือเล็กให้เดินตามเข้าไปที่อัฒจันทร์ส่วนตัวของพวกเขา โดยมีเตอร์เพื่อนสนิทเดินตามมาติด ๆ ด้วยความเป็นห่วง
พลั่ก!
ร่างสูงเหวี่ยงคนตัวเล็กให้นั่งลงด้วยความหงุดหงิดก่อนจะปล่อยข้อมือเธอให้เป็นอิสระ
“ฉันจะกลับ!”
“เออ อยากกลับก็กลับไปเลยไป! คนอุตส่าห์ช่วย”
“แต่ฉันไม่ได้ขอ!”
“Damn!!!” ภาคินสบถออกมาเมื่อคนตัวเล็กยังคงเถียงเขาไม่เลิก
“ใจเย็น” ภูริเอ่ยขึ้นแทรกเมื่อเห็นท่าทีของเพื่อนสนิท
“ไปเถอะเตอร์เราเสียเวลามามากแล้ว!”
“อืม กลับกันเถอะ”
“กลับก่อนนะคะ” เนปจูนเอ่ยลากับภูผาและภูริด้วยรอยยิ้มกว้าง ก่อนจะเดินออกไปโดยมีสายตาของภาคินมองตามเธอจนสุดสายตา
เขาถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่เมื่อคนตัวเล็กพยศใส่เขาไม่เลิก เขาตั้งใจจะช่วยเธอจากแฟนเก่าแท้ ๆ แต่เธอมีท่าทีเหมือนรังเกียจเขายิ่งกว่าตุ๊กแกที่เธอเกลียดที่สุดเสียอีก
“มึงหงุดหงิดอะไรวะ”
“มึงไม่เห็นยัยนั่นเหรอวะ แม่งมองกูเหมือนเป็นตัวประหลาด”
“ไม่แปลกปะวะก็มึงน่ากลัวขนาดนั้น”
“ก็ไม่เท่าไอ้เชี่ยเลย์ปะวะ!”
“กูถึงถามเนี่ยว่ามึงหงุดหงิดอะไร แค่น้องเขาไม่อยากอยู่ใกล้มึงอะนะ?”
“แล้วทำไมถึงไม่อยากอยู่ใกล้กู!” ภาคินหันขวับเมื่อได้ยินคำนั้น
“แล้วมึงจะหัวร้อนทำไม ไปเสือกอะไรเรื่องของเขา”
“วันนั้นมันจูบน้องเขา” ภูริเอ่ยขึ้นเนื่องจากเขาเห็นสถานการณ์ทุกอย่าง
“ไอ้คิน! ไอ้เพื่อนเวร! กูก็ว่าทำไมน้องเขากลัวมึง”
“...” ภาคินเงียบไม่ได้ตอบอะไรกลับไปเขาหยิบกระป๋องขึ้นมาดื่มอย่างนึกรำคาญ
เขาไม่ปฏิเสธว่าเด็กฝึกงานคนนั้นหน้าตาน่ารักและน่าสนใจไม่น้อย แต่พอเขาเห็นความเล่นตัวและความใสซื่อของเธอมันทำให้เขารู้สึกหงุดหงิด เขาแปลกใจมากเพราะผู้หญิงทุกคนที่สัมภาษณ์กับเขาแล้วล้วนแต่ต้องการที่จะขึ้นเตียงกับเขาทั้งนั้น แต่นี่เธอกลับกลัวและไม่อยากอยู่ใกล้เขาจนออกอาการทำยังมีท่าทีเมินเฉยใส่เขาอีก
แล้ววันนี้เขารู้ว่าเธอกับคู่อริของเขารู้จักดันเขาก็ยิ่งอยากเอาชนะ แต่เธอกลับต่อต้านและพยายามออกห่างเขามันยิ่งทำเขาโมโหกับการกระทำของเธอ
เขาอยากจะเอาชนะผู้หญิงหยิ่งยโสอย่างเธอให้หลาบจำว่าคนอย่างภาคินอยากได้อะไรก็ต้องได้!