บทที่ 3 แบล็คเมล์

2720 Words
บทที่ 3 แบล็คเมล์ ฉันนั่งรออยู่ที่ห้องรับรองของบริษัทพีเจสปอร์ตเพียงลำพัง เนื่องจากวันนี้เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ทำให้พนักงานและคนอื่นก็หยุดไปด้วย แต่ยกเว้นฉัน! คุณภาคินนัดฉันให้มาสัมภาษณ์เขาวันนี้เขาให้เหตุผลว่าวันอื่นไม่มีคิวว่างแล้ว และที่สำคัญเตอร์เพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของฉันไม่มาด้วยนี่สิ เตอร์มีนัดกับครอบครัวทำให้เลี่ยงไม่ได้ แต่ก็ไม่เป็นไรหรอก ฉันต้องทำได้ ต้องทำให้ได้! แกร๊ก! เสียงประตูเปิดออกทำให้ฉันหันไปยังต้นเสียงก็พบว่าเป็นพี่ผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามา พร้อมกับภูรินักแข่งชื่อดังซึ่งเขาเองก็เป็นเพื่อนของคุณภาคินเช่นกัน “อ้าว เธอนักศึกษาฝึกงานไม่ใช่เหรอ” ผู้หญิงคนนั้นที่ว่าเขาก็คือรุ่นพี่ที่ทำงานของฉันเอง เขาชื่อพี่ปิ่นทำงานในสายกีฬาเหมือนกัน แล้วที่สำคัญเขาก็คือคนที่ดูถูกฉันกับเตอร์ด้วย “สวัสดีค่ะพี่ปิ่น พี่มีสัมภาษณ์คุณภูริเหรอคะ” “เห็นแล้วยังจะถามอีก” ฉันเงียบและก้มหน้าลงเพราะไม่รู้จะตอบอะไร “ไอ้คินมันให้สัมภาษณ์คนอื่นอยู่ แต่น่าจะเสร็จแล้วมั้ง เธอลองเดินไปดูที่ห้องมันสิ เดินตรงไปเลี้ยวขวา” “ละ...แล้วห้องนี้ล่ะคะ” ฉันถามเสียงตะกุกตะกัก ถ้าจะบอกว่าฉันไม่ไว้ใจก็ได้คนอย่างเขาน่าไว้ใจที่ไหนล่ะ “ทีมงานจองห้องนี้ไว้ให้ฉัน ส่วนไอ้คินไปที่ห้องมัน” เขาตอบด้วยเสียงเรียบนิ่ง “จะถามอะไรนักหนา! รีบ ๆ ออกไปได้แล้ว ฉันจะสัมภาษณ์คุณภูริ!” พี่ปิ่นพูดเสียงดังทำให้ฉันรีบเก็บของและอุปกรณ์อื่น ๆ ก่อนจะเดินออกจากห้องรับรองไป ฉันกระชับสิ่งของไว้ที่อ้อมแขนและสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อเตรียมรับมือกับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้ ยังไงแล้วฉันต้องทำให้มันสำเร็จให้ได้! ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก! ฉันเคาะประตูห้องส่วนตัวของคุณภาคินหลังจากที่หยุดยืนทำใจนานสองนาน มันเป็นห้องพักสำหรับนักแข่งรถโดยเฉพาะซึ่งจะมีป้ายชื่อของแต่ละคนติดไว้ที่ประตู เงียบ... ไม่มีเสียงตอบรับอะไรกลับมา... แกร๊ก! แต่ทว่าประตูก็เปิดออกตามด้วยผู้หญิงใบหน้าสวยเดินออกมาจากห้องด้วยสภาพที่ยังจัดการเสื้อผ้าไม่ดีนัก กระดุมสองเม็ดบนถูกปลดออกและทรงผมที่เจ้าตัวกำลังจัดลวก ๆ เธอมองฉันด้วยสายตาหงุดหงิดก่อนจะเดินผ่านออกไปในที่สุด ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเหตุการณ์ก่อนหน้านั้นเกิดอะไรขึ้น ฉันไม่ได้โลกสวยหรือใสซื่อเกินที่จะไม่รู้ว่าเขาทำอะไรกัน แล้วข่าวคราวเรื่องของนักแข่งที่ชื่อภาคินนั้น พี่จอยก็บอกฉันมาเยอะเหมือนกันว่าเขาชอบ ‘แอบกิน’ นักข่าวอยู่บ่อย ๆ “เข้ามา” เสียงเข้มด้านในห้องตะโกนออกมาทำให้ฉันสะดุ้งหลุดจากภวังค์ ฉันถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ก่อนจะตัดสินใจเดินเข้าไปในห้องนั้น แม้ว่าจะกลัวแค่ไหนแต่ยังไงฉันก็จะไม่ยอมแพ้ แล้วที่สำคัญฉันไม่มีทางทำเรื่องแบบนั้นเด็ดขาด! “สวัสดีค่ะคุณภาคิน” ฉันยกมือไหว้คนตรงหน้าตามมารยาทซึ่งเขาเองก็พยักหน้ากลับมานิ่ง ๆ เขาในตอนนี้อยู่ในสภาพที่เปลือยท่อนบนทั้งยังมีร่องรอยขีดข่วนบนตัวของเขาอีก เหอะ! “ฉันขอเวลาเพียงแค่ยี่สิบนาทีเท่านั้นค่ะ เป็นคำถามเกี่ยวกับการลงแข่งในแมตช์สำคัญที่จะถึงนี้ รบกวนคุณภาคินติดไมค์ด้วยนะคะ” ฉันนั่งลงที่ฝั่งตรงข้ามเขาก่อนจะเริ่มทำการอธิบายเกี่ยวกับการสัมภาษณ์ในครั้งนี้พร้อมกับส่งไมค์ให้เขาไป “ฉันไม่ทำ” เขาตอบกลับมาพร้อมกับจ้องหน้าฉันนิ่ง “คะ?” ฉันทวนอีกครั้ง เมื่อกี้เขาว่ายังไงนะ? “ฉันบอกว่าฉันจะไม่ให้เธอสัมภาษณ์” เขากอดอกมองหน้าฉันอย่างไม่ลดละ “ทำไมล่ะคะ เมื่อวานที่สนามแข่งคุณบอกให้ฉันมาสัมภาษณ์คุณวันนี้ไม่ใช่เหรอคะ” ฉันพยายามปรับอารมณ์ไม่ให้ความโมโหครอบงำ “มันต้องมีข้อแลกเปลี่ยน” “ทางบริษัทฉันติดต่อเรื่องเรทค่าตัวการให้สัมภาษณ์และโอนเงินเรียบร้อยแล้วค่ะ คุณได้เงินส่วนบริษัทฉันได้งาน นี่คือข้อแลกเปลี่ยนไม่ใช่เหรอคะ” “พี่จอยโทรมาบอกฉันว่าเธอกับเพื่อนกำลังทำผลงานอยู่ไม่ใช่เหรอ ถ้าเธอทำสำเร็จก็จะไม่มีใครหน้าไหนมาดูถูกเธอได้” ฉันกำมือแน่นนี่เขารู้เรื่องพวกนี้ได้ยังไง! “พะ...พี่จอย...พี่จอยบอกคุณเหรอคะ” “เขาโทรมาขอร้องให้ฉันให้ความร่วมมือกับเด็กฝึกงานอย่างเธอ พี่จอยนี่เอ็นดูเธอใช่ย่อยนะ” พี่จอยคอยช่วยเหลือฉันกับเตอร์ทุกอย่าง แถมยังมอบหมายงานให้ฉันทำตลอดแล้วนี่เขายังโทรมาขอร้องภาคินให้อีก “ถ้าอยากได้ผลงาน ก็ต้องมีข้อแลกเปลี่ยน” “อะ...อะไร” ฉันมองคนตรงหน้าอย่างไม่ไว้ใจ “ถอดเสื้อผ้าออกสิ” รอยยิ้มร้ายผุดขึ้นพร้อมกับส่งสายตาเจ้าเล่ห์มาทางฉัน นี่เขาจะทำเรื่องแบบนั้นกับฉันจริงๆ! “เลว!” ฉันไม่มีคำไหนที่จะด่าเขาได้เท่าคำนี้อีกแล้ว “เธอว่าไงนะ?” สายตาแข็งกร้าวเงยหน้ามองฉันพร้อมกับลุกขึ้นเดินเข้ามาหาฉัน “สารเลว!” ฉันตอกกลับไปอย่างไม่ลดละ คนอย่างเขามันเลวจริงๆ หมับ! มือหนาตรงเข้ามากระชากร่างของฉันให้ลุกขึ้นพร้อมกับบีบที่ไหล่ของฉันอย่างแรง ในตอนนี้ใบหน้าของฉันอยู่ห่างเขาใบหน้าเขาเพียงแค่คืบเดียวเท่านั้น “อ๊ะ! ปล่อยฉันนะคุณภาคิน!” “อย่าเยอะ มันน่ารำคาญ!” “คุณพูดอะไร ฉันไม่เข้าใจ!” “อย่าโง่หน่อยเลย คิดว่าเข้ามาในห้องผู้ชายแบบนี้มันจะเกิดอะไรขึ้น” “ฉันมาทำงาน! ปล่อยฉันนะ!” ฉันพยายามผลักเขาออกแต่ก็ไม่เป็นผล เนื่องจากแรงอันน้อยนิดของฉันสู้อะไรกับตัวเขาไม่ได้เลย “เธอก็เห็นแล้วนี่ว่าคนเมื่อกี้ทำยังไง” “แต่ฉันไม่ใช่เขา! ฉันมาทำงานไม่ได้มาทำเรื่องอย่างว่ากับคุณ!” ฉันตะคอกกลับไปอย่างเหลืออด ฉันว่าวันนี้คงคุยกับเขาไม่รู้เรื่องแล้วล่ะ “อยากได้งานก็ต้องมีข้อแลกเปลี่ยน ถ้าไม่ยอมขึ้นเตียงก็กลับไป!” “ตะ...แต่ ฉันมาสัมภาษณ์คุณนะ! ไม่ได้มาทำเรื่องแบบนั้น!” “งั้นก็กลับไป แล้วอย่าหวังว่าฉันจะให้สัมภาษณ์กับบริษัทเธออีก!!” “ฉันไม่คิดเลยว่าคนอย่างคุณมันจะเลวได้ขนาดนี้! ฉันไม่เหมือนคนก่อน ๆ ที่คุณเจอ ฉันเป็นนักศึกษา ฉันมาทำงาน!” หมับ! “อ๊ะ...ฉะ...ฉันเจ็บนะ!” คนตรงหน้าออกแรงบีบที่ไหล่ฉันอย่างแรงจนฉันเบ้หน้าด้วยความเจ็บ “อวดดี! จองหอง!” “ปะ...ปล่อยฉัน!” พลั่ก! ร่างสูงผลักฉันให้ล้มลงที่โซฟาก่อนจะหันหน้าหนี เขาหยิบบุหรี่ขึ้นมาสูบก่อนจะเดินไปสวมเสื้อผ้าและหยิบกุญแจรถไว้ในมือ “นี่คุณจะไม่ให้ฉันสัมภาษณ์จริง ๆ ใช่ไหม!” “ถ้าอยากได้งานก็แก้ผ้าแล้วขึ้นไปบนเตียง!” “เลิกพูดเรื่องไร้สาระสักที ฉันรู้ว่าคุณกระหายเซ็กซ์แต่ช่วยเว้นฉันคนหนึ่งไม่ได้เหรอคะ” ฉันพยายามเอ่ยด้วยน้ำเสียงใจเย็นและหว่านล้อมเขาให้ได้มากที่สุด งานนี้สำคัญกับฉันจริง ๆ ถ้าฉันทำมันไม่สำเร็จการฝึกงานของฉันจบเห่แน่! “...” เขาไม่ตอบอะไรได้แต่ยืนจ้องหน้าฉันอยู่แบบนั้น “ไม่เป็นไรค่ะ ถ้าคุณยังยืนยันที่จะทำเรื่องแบบนั้นฉันก็คงต้องขอตัวก่อน” ฉันเบือนหน้าหนีก่อนจะก้มลงเก็บของทั้งหมด “ฉันให้เวลาแค่ยี่สิบนาที จะถามอะไรก็ถามมา” คนตัวโตผ่อนลมหายใจออกมาพร้อมกับนั่งลงที่โซฟาฝั่งตรงข้ามฉัน แปลว่าเขายอมให้ฉันสัมภาษณ์แล้วใช่ไหม!?! “ดะ...ได้ค่ะ! ยี่สิบนาทีไม่เกินแน่นอนค่ะ!” ใช้เวลาเพียงแค่สิบห้านาทีในการสัมภาษณ์คนตรงหน้าซึ่งเขาเองก็ทำหน้าที่ตอบคำถามได้อย่างเป็นมืออาชีพมาก ๆ และที่สำคัญฉันก็จัดการเวลาได้ดีไม่เกินตามเวลาที่กำหนดไว้ “ขอบคุณมากนะคะที่สละเวลาให้สัมภาษณ์แองเจลเบลนิวส์” ฉันเอ่ยขอบคุณพลางเก็บของเข้ากระเป๋าเป้คู่ใจไปด้วย อย่างน้อยเขาก็รู้จักเก็บอารมณ์หื่นไว้ได้ เขาจะเจ้าชู้หรือมั่วเรื่องผู้หญิงแค่ไหนฉันไม่สนใจหรอก ขอแค่งานราบรื่นก็พอแล้ว “เดี๋ยว” เสียงเข้มเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นว่าฉันกำลังลุกขึ้นจากโซฟาเพื่อออกจากห้องไป ฉันหันไปตามเสียงเรียกด้วยความงุนงง คนตัวโตลุกขึ้นเดินสาวเท้าก้าวเข้ามาหาฉันช้า ๆ พร้อมกับมองหน้าฉันนิ่ง เมื่อเห็นแบบนั้นฉันจึงถอยหลังเล็กน้อยจนกระทั่งแผ่นหลังของฉันชนกับผนังห้อง “อะ...อะไร” ฉันกอดกระเป๋าไว้ด้านหน้าแน่นเมื่อคนตัวโตประชิดร่างของฉันพร้อมกับยันผนังไว้ไม่ให้ฉันหนีไปได้ “เธอได้งานแล้วแต่ฉันยังไม่ได้อะไรเลย” เสียงเข้มเอ่ยพร่าที่ข้างหูพร้อมกับถือวิสาสะจับที่ต้นขาของฉัน “จะทำอะไร! ออกไปนะ!” ฉันผลักอกของเขาออกแต่ก็ไม่เป็นผลไม่ว่าฉันจะผลักหรือทุบตีเขาเท่าไหร่เจ้าตัวก็ยิ่งขยับเข้ามาใกล้ฉันมากเท่านั้น “อยู่เฉย ๆ” “คุณทำแบบนี้กับฉันไม่ได้นะ! คุณมันบ้ากาม! ไอ้โรคจิต! ไอ้...อื้อ...!!” ใบหน้าหล่อเหลาโน้มลงมาพร้อมกับประกบริมฝีปากของฉันเอาไว้อย่างหนักหน่วง อีกทั้งมือหนายังจับล็อกข้อมือฉันไว้เหนือหัว “อื้อ! อื้อออ!!” สัมผัสที่รุนแรงและดิบเถื่อนของเขาทำให้ฉันพยายามเบือนหน้าหนี ฉันเม้มปากแน่นเมื่อถูกลิ้นร้ายเข้ารุกล้ำ “อ๊ะ!” ฉันร้องขึ้นมือฟันคมกัดที่ริมฝีปากล่างของฉันจนได้กลิ่นและรสชาติคาวเลือดจนทำให้ฉันต้องยอมเผยอปากออก ซึ่งนั่นจึงเป็นโอกาสที่ทำให้ลิ้นของเขาเข้ามากวาดไล่ต้อนในโพรงปากนุ่มของฉันได้ “อืม” เสียงครางทุ้มต่ำเอ่ยในลำคออย่างพึงพอใจก่อนจะที่มือของเขาจะไล่ต่ำมาจับที่เอวบางของฉัน “อื้อออ!” ไม่ว่าฉันจะร้องประท้วงหรือต่อต้านยังไงเขาก็ไม่มีทีท่าทีจะปล่อยฉันเลยสักนิด รสสัมผัสและกลิ่นบุหรี่ราคาแพงยังคงคละคลุ้งอยู่ในโพรงปากของฉัน สติของฉันในตอนนี้เริ่มเลือนรางแขนขาและเรี่ยวแรงทั้งหมดราวกับโดนซาตานอย่างเขาค่อย ๆ ดูดพรากมันไปทีละนิด อึก... ฉันเกาะไหล่ของคนตัวโตเอาไว้เพื่อยึดหลักซึ่งแน่นอนว่าตอนนี้ฉันไม่มีเรี่ยวแรงพอที่จะต่อกรกับคนร้ายกาจอย่างเขาได้เลย หากฉันเป็นอิสระร่างกายของฉันก็คงจะต้องกองไปกับพื้นเนื่องจากถูกเขาพรากวิญญาณของฉันไปจนหมด ริมฝีปากหนาค่อย ๆ ผละออกจากริมฝีปากฉันอย่างอ้อยอิ่ง สายตาคมช้อนมองมาที่ฉันซึ่งยากจะคาดเดา ส่วนฉันได้แต่ก้มหน้าลงเพราะไม่กล้าที่จะต่อกรกับเขาอีกแล้ว แค่นี้ฉันก็กลัวและอยากจะหนีไปให้พ้นจากตรงนี้เสียที “จูบของฉันทำเธอหมดแรงเลยเหรอ” น้ำเสียงเย้ยหยันเอ่ยขึ้นพร้อมกับยกยิ้มที่มุมปาก ซึ่งฉันได้แต่เม้มปากแน่นหากฉันเอ่ยอะไรออกไปที่ไม่เข้าหูเขาต้องทำมันอีกครั้งแน่ ๆ “ปะ...ปล่อยฉันได้รึยัง” เสียงแหบแห้งพร้อมกับสติที่เลือนรางของฉันเป็นตัวบ่งชี้ได้อย่างชัดเจนเลยว่าฉันกลัวเขามาก ฉันไม่คิดเลยว่านักแข่งชื่อดังที่มีพร้อมทั้งหน้าตาและฐานะแบบเขาจะเอาเปรียบและรังแกนักศึกษาฝึกงานตัวเล็ก ๆ อย่างฉันได้ เขาอาจจะเจอคนอื่นที่พร้อมจะขึ้นเตียงกับเขาแต่มันไม่ใช่กับฉันแน่นอน การที่ฉันเข้ามาหาเขาที่ในห้องก็เป็นเพราะฉันตั้งใจมาทำงานเพื่อให้งานที่ได้รับมอบหมายนั้นสำเร็จแต่ไม่คิดเลยว่าผู้ชายคนนี้เขาจะร้ายกาจและเจ้าเล่ห์ได้มากขนาดนี้ “ยังพูดได้แปลว่าฉันจูบเบาไป” เขาก้มหน้าลงมาหมายจะจูบฉันอีกครั้งแต่ว่าฉันเบนหน้าหนี อยู่ ๆ ขอบตาก็ร้อนผ่าวตามด้วยหยาดน้ำตาที่ค่อย ๆ ไหลรินอาบแก้มใส “พอได้แล้ว ฮึก...พอสักที” ฉันหลับตาแน่นเมื่อเห็นว่าคนตรงหน้ากำลังก้มลงมาใกล้ฉันอีกครั้ง ฉันไม่รู้ว่าที่เขาทำแบบนี้เพราะอะไร เขามีผู้หญิงมากมายที่พร้อมเสนอตัวและปรนเปรอความสุขให้เขาแต่ทำไมถึงต้องมารังแกฉันแบบนี้ด้วย “จะร้องไห้ทำไม” “...” ฉันไม่ตอบอะไรได้แต่หันหน้าหนีและปาดน้ำตาออกลวก ๆ “ฉันถาม” “การที่ฉันถูกคุกคาม ฉันควรหัวเราะมากกว่าร้องไห้เหรอคะ” ฉันถามกลับพร้อมกับจ้องหน้าเขาอย่างเอาคำตอบ ใครจะมองว่าฉันอ่อนแอหรือไม่สู้คนก็คงไม่แปลกใจ แต่ถ้าโดนทำร้ายมาก ๆ ฉันก็ร้ายเป็นเหมือนกัน “...” “ปล่อยฉันได้รึยังคะ” คนตัวโตผละออกทำให้ฉันเป็นอิสระจากการเกาะกุม ฉันจึงหยิบกระเป๋าขึ้นมาถือและทำท่าจะเดินออกไป แต่ทว่า... “ถ้าภาพที่เธอกับฉันจูบกันหลุดออกไปมันจะเป็นยังไงนะ” เสียงเข้มเอ่ยด้วยรอยยิ้มร้ายพร้อมกับหันไปที่กล้องซึ่งวางไว้อยู่บนชั้นหนังสือไม่ไกลจากตัวฉันมากนัก “นี่คุณ!!!” “ทำไมทำหน้าอย่างนั้นล่ะ เธอควรจะดีใจนะที่ฉันยอมจูบกับเธอ” คนตัวโตเลิกคิ้วและกอดอกมองฉันด้วยท่าทางกวน ๆ “ลบมันเดี๋ยวนี้นะ!” “ถ้าฉันลบก็คงโง่เต็มทน” “คุณต้องการอะไร! ทำแบบนี้ทำไม!” “ก็อยากจะรู้ว่านักข่าวอย่างเธอเวลาเป็นข่าวเองบ้างจะทำยังไง” “อย่านะ! คุณกำลังแบล็คเมล์ฉันอยู่! ลบมันออกเดี๋ยวนี้!” ฉันพูดออกไปอย่างเหลืออด ถ้าเกิดภาพนั้นมันหลุดออกไปชีวิตฉันพังแน่ ๆ “แล้วทำไมฉันต้องลบ” “แล้วคุณจะเก็บมันไว้ทำไม! ถ้าภาพนี้หลุดออกไปคนที่เสียหายที่สุดก็คือคุณไม่ใช่ฉัน!” เขาเป็นถึงคนดังมีชื่อเสียงถ้าคนที่จะเสียหายมากที่สุดก็คือเขา ผู้หญิงบ้าน ๆ โนเนมไม่มีหน้ามีตาทางสังคมแบบฉันจะไปเดือดร้อนอะไร “งั้นก็แปลว่าถ้ามันหลุดออกไปเธอก็คงไม่เดือดร้อนใช่ไหม” “หยุดคิดอะไรบ้า ๆ นะ!” “ถ้าอยากให้ลบก็ต้องมีข้อแลกเปลี่ยน” นี่เขาจะวกเข้าเรื่องเซ็กซ์อีกแล้วใช่ไหม!?! “อย่ามาตั้งแง่กับฉัน ลบมันเดี๋ยวนี้ คุณกำลังทำฉันเดือดร้อนนะ” “นั่นมันปัญหาของเธอไม่ใช่ฉัน” “...” ฉันกำมือแน่นพร้อมกับถอนหายใจออกมาเพื่อระบายอารมณ์โกรธ ตอนนี้ฉันอยากจะร้องไห้มากที่สุด ฉันรู้สึกเหมือนอยู่ใต้อำนาจของเขาโดยที่ฉันต่อสู้อะไรกับมันไม่ได้เลย ทำไมโชคชะตาถึงได้เล่นตลกกับชีวิตของฉันแบบนี้นะ... “วันศุกร์หน้ามาหาฉันที่สนามแข่ง ถ้าไม่มาเตรียมตัวเป็นคนดังได้เลย!”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD