'อรจิรา'
เป็นร้านตัดเสื้อผ้าที่มีชื่อที่สุดในตอนนี้แล้ว ด้วยเพราะต้นตระกูลของเพื่อนสนิทหล่อนเอง เป็นแขกที่นำเข้าเสื้อผ้ารายใหญ่มาตั้งแต่รุ่นคุณปู่ทวด คุณย่าทวดนั่นเชียว
อรจิราจึงเป็นหญิงสาวที่มีลักษณะสวยคมขำ ด้วยมีผิวสีแทนเกลี้ยงเกลา ใบหน้าก็เรียวที่เล็กรับกันดีกับจมูกโด่งเป็นสัน แถมมีดวงตากลมดำขลับ อีกทั้งก็รูปร่างสูงโปร่งอีกด้วย
พูดถึงต้นตระกูลของอรจิราที่ค้าขายผ้ามาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ห้า จึงไม่แปลกใจหรอกว่า จะเป็นตระกูลที่จัดอยู่ในขั้นมหาเศรษฐีผู้หนึ่ง แถมไม่มีใครหรอกในแวดวงของคนชั้นสูงที่คนตระกูลนี้จะไม่รู้จัก เนื่องจากบางทีก็การค้าขายก็ต้องติดต่อคนในระดับนี้อยู่แล้ว
ขณะที่อุ้มหลานสาวนั่งลงกับเก้าอี้รับแขกภายในร้านตัดเสื้อที่กว้างโอ่อ่าแห่งราชวัตร ปานยิหวาก็นึกถึงวันแรก ที่ได้รู้จักกับอรจิรา ก็คือปีแรกของการเรียนต่อมหาวิทยาลัย ในคณะอักษรศาสตร์ นึกแล้วก็แปลกใจต่ออรจิราอยู่ไม่น้อย ที่ตอนเรียนกลับเลือกที่จะเรียนคณะอักษรศาสตร์ แต่จบพอแล้ว กลับมาเปิดร้านตัดเย็บเสื้อผ้าเองเสียนี่ ซึ่งหล่อนยังเคยแซวเพื่อนสนิทคนนี้ว่าตอนเรียนน่าจะเลือกด้านพวกแฟชั่นมากกว่าเรียนอักษรฯ
ทว่า อรจิราก็บอกว่า เรื่องเกี่ยวกับเสื้อผ้าหล่อนได้เรียนรู้มาตั้งแต่เป็นเด็กเล็ก ๆ แล้ว จึงไม่จำเป็นจะต้องเรียนในระดับมหาวิทยาลัยอีก ที่เจ้าตัวอยากเรียนรู้จริง ๆ คืออักษรศาสตร์มากกว่า เพราะหล่อนเป็นคนที่ชอบขีดเขียน อ่านหนังสือเหมือนอย่างปานยิหวามาตั้งแต่สมัยเด็กเช่นกัน
ขณะที่นั่งรอให้อรจิราว่างกับการดูแลลูกค้าภายในร้าน ปานยิหวาก็สังเกตว่ามีสตรีที่มีมาดผู้ดีเดินเข้าออกร้านอยู่ตลอด จึงทำให้อรจิรายังไม่ว่างมาหาหล่อนและหนูปลาที่นั่งรออยู่ตรงมุมรับแขกของร้านได้ง่าย ๆ
รอจนกระทั่งสตรีกลุ่มหนึ่งเดินนวยนาดมาเปิดประตูออกจากร้านไป อรจิราจึงผละมาหาหล่อนและหลานสาวตัวน้อยได้
"โอ๊ย เหนื่อย เรื่องก็มากจริงคนพวกนี้ จะให้แก้นั่นแก้นี่ไม่หยุด สองอาทิตย์ก่อนมาวัดตัวตัดเสื้อก็ขนาดหนึ่ง พอมารับเสื้อไปใส่ ไม่ควบคุมน้ำหนักก็หาว่าเราตัดไม่ได้ขนาดที่วัด เอาใจยากชะมัด" อรจิราบ่นขณะเข้ามานั่ง แล้วถามปานยิหวาขึ้น
"แล้วเรื่องของหวา ตกลงเป็นยังไงมายังไงนี่"
"เรื่องมันยาว เราไปคุยกันหลังร้านเถอะ เดี๋ยวมีใครมา เกิดเสียงดังรบกวนลูกค้าคนอื่น ๆ ของอร"
"ได้" อรจิรารับคำ จากนั้นก็ลุกขึ้น หมุนกายระหงเดินไปสั่งงานเด็กในร้าน และสั่งให้แม่บ้านของร้านหาขนมน้ำมาให้หนูปลาด้วย
หลังจากได้ที่นั่ง ที่เหมาะสมแล้วปานยิหวาจึงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้อรจิราฟังทุกเรื่องนับตั้งแต่หม่อมหลวงหนุ่มผู้นั้นไปเยือนถึงบ้านหล่อน จนกระทั่งเป็นเหตุให้หล่อนตกกระไดพลอยโจน ย้ายมาอยู่ที่นี่กับหนูปลาจนได้
และไม่ลืมจะเล่าเหตุการณ์ตอนเช้าที่โดนระตีและเพียงเดือนว่าจนหน้าซาอีก
"เรารู้จัก ทั้งคุณระตีและลูกสาวดี"
อรจิราเอ่ยเสียงขรึม ๆ
"เห็นมั้ย ว่าแล้วเชียว"
"เพราะคุณระตีและลูกสาวมักจะมาให้ที่ร้านเราตัดชุดสวย ๆ เอาไว้ใส่กรีดกรายตามสมาคมและงานเลี้ยงหรูหราต่าง ๆ"
"เราอยากรู้ว่าเรื่องราวความเป็นมาของวังเหมวัฒน์เป็นอย่างไร"
"เดี๋ยวนะ...วังเหมวัฒน์! หวาลืมใครคนหนึ่งไปได้อย่างไร"
"ใคร?" ปานยิหวาพยายามนึก
ในขณะที่อรจิราเริ่มมองใบหน้าหวานของเพื่อนแล้วนึกอย่างอยากจะตำหนิอีกฝ่ายขึ้นมา "หวา จำไม่ได้จริง ๆ หรือนั่น"
หล่อนส่ายหน้า นึกอย่างไรก็นึกไม่ออก
"โธ่ถัง! ก็ท่านหญิงกฤตติกา เหมวัฒน์ ที่ท่านเคยเป็นอาจารย์พิเศษของคณะที่เราเรียนปีแรก เทอมแรกอย่างไร เอาอย่างนี้หวารู้จักนักเขียนที่นามปากกาว่า
อักษราภัค
ไหม"
"อ้อ!"
"นั่นล่ะท่านหญิง เป็นนักเขียนเหมือนหวาด้วย แต่ตอนนี้ท่านไม่อยู่ เสด็จไปสวิสฯ เพื่อเขียนนวนิยายเรื่องใหม่ที่นั่น"
ปานยิหวาเริ่มจำภาพของสตรีที่สง่างามทั้งรูปกาย และกิริยามารยาทขึ้นมาได้อย่างลาง ๆ แล้ว ที่หล่อนเคยเรียนด้วยตั้งแต่ปีหนึ่งเทอมแรก ท่านทั้งพระทัยดี ขณะเดียวกันก็ทรงดุ และกวดขันพวกลูกศิษย์ของท่านอยู่ไม่น้อย
"ท่านหญิงกฤตติกา หรือหม่อมเจ้ากฤตติกา ท่านเป็นเจ้าของวังเหมวัฒน์" อรจิราเอ่ยนามของท่านผู้นี้อีกครั้ง แล้วอธิบายต่อไปว่า "เอาอย่างนี้ บิดาของคุณชายอลงกรณ์นั้นเป็นน้องชายของท่านหญิง หม่อมเจ้าชนาเทพ เหมวัฒ์ที่ท่านหญิงทรงรักอนุชาคนนี้มาก แต่ท่านชายชนาเทพก็สิ้นไปเมื่อสมัยหนุ่ม ๆ ท่านหญิงจึงทรงเลี้ยงดูคุณชายอลงกรณ์แทน จากนั้นท่านหญิงทรงยกวังนั้นให้คุณชาย ตัวท่านหญิงก็ซื้อเคหาสถานเล็ก ๆ ไว้อาศัยเพื่อทำงานเขียนของท่านและมีบ่าวตามไปดูแลไม่กี่คน"
"อ้อ" ปานยิหวาพยักหน้าทราบ พลางถามถึงเรื่องราวลึก ๆ ที่เกิดขึ้นภายในวังเหมวัฒน์ต่อ "แต่เรื่องราวภายในนั้นล่ะ อรพอจะรู้อะไรอีกมั้ย"
"ถ้าอยากจะรู้แบบลึก ๆ เราต้องกลับบ้านไปถามคุณพ่อ คุณแม่เย็นนี้ เพราะท่านทั้งสองมีความสนิทสนมกับคุณชายอยู่ สมัยที่คุณชายยังไม่สิ้นยังเคยมารับประทานข้าวที่บ้านบ่อย ๆ"
"คุณชายมีภรรยาอยู่สองคน หนึ่งคือคุณระตีและสองก็ คุณแม่ของคุณช้าง" ปานยิหวาถาม
อรจิราพยักหน้า "ใช่ แต่คุณแม่คุณช้างก็เหมือนจะเสียไปแล้วนะ นานมากแล้วด้วย"
"คุณอรคะ คุณเดือนมาค่ะ"
ขณะที่คุยกันถึงเรื่องราวภายในวังเหมวัฒน์อยู่ เด็กรับใช้ภายในร้านก็ได้เข้ามารายงานให้อรจิราทราบถึงแขกที่เพิ่งมาถึง
"แล้วคุณเดือนไหนล่ะจ๊ะ"
"คุณเพียงเดือนค่ะ เธอมากับเพื่อนอีกหนึ่งคน คุณเดือนอยากพบคุณอรค่ะ"
อรจิราเบือนสายตากับมาสบกับปานยิหวาทันควัน "เห็นมั้ย เพิ่งพูดถึงอยู่หยก ๆ ก็มาแล้ว"
ปานยิหวาจึงพยักหน้ารับทราบ พร้อมกับบอกให้อรจิราไปต้อนรับแขกผู้นั้นเถอะ ก่อนจะผละออกไปทำงาน อรจิราก็สำทับว่าให้หล่อนและหลานสาวอยู่ร่วมทานข้าวเที่ยงกับหล่อนที่ร้านก่อน เพราะหล่อนได้ให้แม่บ้านของร้านออกไปซื้ออาหารจากร้านอาหารแถว ๆ นี้มาแล้ว