ตอนที่ ๑๐ คุณหญิงก้อย! (๗๐%)

1254 Words
เห็นท้ายรถคนหนึ่งที่จอดเทียบตรงหน้ามุขตึกใหญ่ ทำเอาหม่อมหลวงหนุ่มขยับตัวอย่างอึดอัดขึ้นมาทันที ขณะขับรถเข้ามาเทียบท่าจอดอยู่ใกล้ ๆ กับ โรลด์รอยพาหนะคันงามประจำตัวของหม่อมราชวงศ์หญิงโชติกา หรือใคร ๆ ต่างก็เรียกว่า คุณหญิงก้อย ทันทีที่เขาจอดรถอยู่ตรงหน้ามุขของตึกแล้ว หม่อมหลวงหนุ่มจึงหันไปบอกหญิงสาวและหนูปลาให้ลงจากรถก่อน เพราะตนนำรถเข้าไปจอดที่โรงรถอีกที เมื่อลงจากรถแล้ว ปานยิหวาจึงจูงมือหนูปลาเดินเข้าไปในตึกใหญ่ ระหว่างที่จะเดินผ่านห้องโถงเพื่อมุ่งทิศทางไปยังบันไดหินอ่อนนั้น หญิงสาวจึงได้เห็นสตรีสามคนกำลังนั่งอยู่ที่โซฟาใหญ่อยู่ภายในห้องโถง ทั้งหมดได้หันมามองปานยิหวาและหนูปลาเป็นตาเดียว และสองในสามที่หล่อนเห็นและรู้จักดีก็มีคุณระตีและบุตรสาวคนเล็กเพียงเดือนนั่นเอง แต่อีกหนึงคนปานยิหวาไม่รู้จักและไม่เคยพบหน้ามาก่อน จากกระแสสายตาที่มองมาด้วยความไม่ค่อยจะเป็นมิตรสักเท่าไหร่ของคนทั้งสามที่ส่งมายังปานยิหวาและหนูปลา ทำให้หล่อนตัดสินใจรีบพาหนูปลาเดินขึ้นไปบนตึกโดยไวเสียจะดีกว่า ทว่าระหว่างที่กำลังเดินเร็ว ๆ กันนั้น ร่างของสตรีผู้หญิงหนึ่งที่ปานยิหวาไม่รู้จักได้ผุดลุกขึ้น  แล้วรีบเดินมาหาทางหล่อนด้วยความรวดเร็ว  ก่อนจะส่งเสียงเรียกชื่อหล่อนออกมาอีกด้วย "อ้อ!  หล่อนนี่เอง  ที่ชื่อปานยิหวา" ปานยิหวาชะงัก ก่อนจะค่อย ๆ หมุนตัวมาเผชิญหน้ากับอีกฝ่ายช้า ๆ ไม่ใช่สายตาและใบหน้าสวยหรือแม้แต่เครื่องแต่งกายอย่างงดงามด้วยชุดกระโปรงบานที่ได้รับการตัดเย็บมาอย่างดี พร้อมเครื่องเพชรชนิดกระจุ๋มกระจิ๋มตามนิ้วมือ ข้อแขนหรือแม้แต่สร้อยคอที่มีจี้เพชรเม็ดงามกำลังส่งประกายพราวระยับอยู่บนลำคออันเชิดตรงของสตรีตรงหน้า  ที่ทำให้ปานยิหวาสะดุดใจตั้งแต่แรกพบ หากแต่เป็นน้ำเสียงที่แสนจะคุ้นหูยามที่ได้เรียกชื่อหล่อนออกมาเมื่อครู่นี้ต่างหาก ที่ทำหญิงสาวเริ่มค้นหาว่า สตรีร่างระหงท่าทางการยืน และกระแสสายตาที่ดูไว้เนื้อไว้ตัวนี้คือใคร น้ำเสียงนี้คุ้น ๆ คล้ายได้ยินจากที่ไหนมาก่อน อะ หรือว่า... *คุณหญิงก้อย หม่อมราชวงศ์หญิงโชติกา!* ที่เราได้ยินน้ำเสียงนี้มาจากที่ร้านเสื้อของอรจิรา ปานยิหวาอุทานอยู่ในใจ  และสตรีผู้นี้ก็รีบแนะนำตัวมาทันทีเช่นกัน "ฉันหม่อมราชวงศ์หญิงโชติกา หรือหญิงก้อย คู่หมายของพี่ช้าง!  หล่อนคงเข้าใจคำว่า 'คู่หมาย' ได้อยู่หรอกนะ  ฉันจะได้ไม่ต้องเสียเวลาบอกซ้ำ ๆ ว่าฉันและพี่ช้างเราเกี่ยวข้องกันอย่างไร!" ปานยิหวากลั้นขำเอาไว้... หรือนี่คือวิธีแนะนำตัวของหญิงสาวยุคนี้ ที่ต้องรีบป่าวประกาศความสัมพันธ์ระหว่างตัวเองและชายหนุ่มคนหนึ่งตบท้ายการแนะนำทั้งชื่อจริง และชื่อเล่นเช่นนี้ อ้อ จริงสิ หล่อนคือป้าจรุงจิตนี่นา นี่เราคงต้องหัดเรียนรู้ เข้าใจวิถีชีวิตของหญิงสาวยุคใหม่เสียแล้วล่ะสิ "อ้าว! ยืนบื้ออยู่ได้ มือไม้ไม่มีหรือหล่อน ยกขึ้นมาสวัสดีคุณหญิงก้อยเธอสิ!" เสียงที่ดังต่อมาจะเป็นใครเสียไม่ได้ ถ้าไม่ใช่บุตรสาวคนเล็กของคุณระตี ที่รีบมายืนเคียงข้างหม่อมราชวงศ์สาวผู้นี้ด้วย ปานยิหวาตวัดสายตามองเพียงเดือนเล็กน้อย ก่อนจะดึงสายตากลับ และนึกในใจขึ้นมาอีก แหม ...ช่างช่วยเหลือกันดี สมกับเป็นเพื่อนรักกันจริง ๆ  นี่...ขนาดนางร้ายในนวนิยายของหล่อน ยังไม่มีกิริยา วาจา และจริตจกร้านเท่าสองคนนี้เลย "นี่คุณหญิงก้อย ธิดาของท่านชายดิเรก หรือหม่อมเจ้าดิเรก ..." "อ้อ ที่ยืนบื้ออยู่นี่เพราะคงไม่รู้จักหรอกว่าราชสกุลของท่านชายมีความเป็นมาอย่างไร  " ระตีเดินเข้ามาสมทบอีกคน ตอนนี้ทั้งสามคนจึงกำลังยืนรายล้อมตัวหล่อนและหนูปลาอยู่ ระตีเอ่ยพลางมองหล่อนด้วยหางตา ขณะเดียวกันก็ตวัดพัดขนนกสีขาวขึ้นมากระพือพัดที่ใบหน้า  พร้อมกับกล่าวเสริมว่า "จริง ๆ หญิงก้อยก็ไม่ควรถือสาคนพวกนี้หรอกนะ เพราะคนมาจากบ้านป่า บ้านนอกก็อย่างนี้ มารยาทจึงไม่ได้รับการอบรมมาเท่าที่ควร" คำพูดนี้ของระตีก็พอจะทำให้ใบหน้างามของหม่อมราชวงศ์สาวคลายความบึ้งตึงลงบ้าง "คุณน้าบอกมาอย่างนี้  หญิงก็พอใจเข้าใจแล้วล่ะค่ะ อย่างนี้คุณน้าจึงต้องนำมาหัด มาอบรมกันใหม่...อีกมากกกก" จากนั้นดวงตาเฉี่ยวคู่นี้ได้หลุบมองเด็กน้อยที่ปานยิหวากำลังจูงมืออยู่  พร้อมกับก้มตัวใช้ปลายนิ้วมือเรียวแตะคางเล็ก ๆ ของหนูปลาให้เงยขึ้นมามองหน้าตนเล็กน้อย พลางเอ่ยไปอีก "อ้อ นี่คงเป็นหลานรักของพี่ช้างน่ะสิคะ  เด็กคนนี้ หญิงยินดีที่จะมาช่วยอบรมสั่งสอน ขัดเกลามารยาทให้งามขึ้นนะคะคุณน้า เพราะจะให้คนบางคนมาทำงานเช่นนี้ หญิงดูแล้วคงไม่มีความสามารถเพียงพอหรอกค่ะ" กล่าวแล้วละมือจากคางเล็ก พร้อมช้อนสายตามองปานยิหวาอย่างดูแคลนประกอบ ปานยิหวาไม่ได้โกรธหรือไม่พอใจที่โดนรุมด่าว่าหล่อนเป็นพวกไม่มีมารยาท ไม่มีการศึกษา หล่อนควบคุมอารมณ์ได้ดีจึงยิ้มให้กับสตรีทั้งสามตรงหน้าเล็กน้อย แล้วกล่าวกลับไปบ้างว่า "เพิ่งรู้ว่าสตรีที่บอกว่าตัวเองสูงศักดิ์ เวลาแนะนำตัวก็ต้องคอยป่าวประกาศว่าตัวเองเป็นเจ้าเข้าเจ้าของผู้ชายคนนั้นคนนี้ให้กับคนที่เพิ่งเจอหน้ากันเพียงครั้งแรกได้รับทราบด้วย...  พอดี เรื่องเช่นนี้คุณพ่อคุณแม่ของฉันที่บ้านป่า บ้านนอกท่านไม่ได้สั่งสอนมาเพื่อให้กระทำต่อหน้าใคร ๆ เสียด้วย... ดังนั้น นอกจากเรื่องมารยาทแล้ว นี่ก็คงเป็นอีกเรื่องที่ฉันคงต้องหัดเรียนรู้จากพวกคุณให้มากจริง ๆ แล้วล่ะค่ะ..." ปานยิหวากราดดวงตามองใบหน้าที่เริ่มแดงก่ำของหญืงรูปงามทั้งสาม ก่อนจะตัดบทอย่างรวดเร็ว "ขอตัวนะคะ หนูปลาแกเหนื่อยแล้ว จะต้องพาแกขึ้นไปพักก่อน" จากนั้นก็เดินผ่านร่างสตรีทั้งสามที่ต่างกำลังอ้าปากค้าง เนื้อตัวเริ่มสั่นระริกกัน เนื่องจากไม่มีใครจะคาดคิดว่าหญิงสาวบ้านป่า บ้านนอกคนนี้จะมีไหวพริบที่ดี จนสามารถโต้ตอบพวกตนกลับมาอย่างเผ็ดร้อนเช่นนี้! "คุณแม่ขา! "คุณน้าขา!" "เห็นมั้ย นังผู้หญิงคนนี้มันร้าย!" ทั้งหม่อมราชวงศ์หญิงโชติกาและเพียงเดือนได้ประสานเสียงฟ้องระตีที่ยังหน้าชาอยู่อย่างพร้อมเพรียงกัน ปานยิหวาก็ได้แต่ลอบยิ้มขณะเดินขึ้นบันได หล่อนไม่ยอมเหลียวหลังกลับไปอีกเลย  จึงไม่รู้ว่า ตอนนี้กำลังมีสตรีผู้สูงศักดิ์คนหนึ่งได้ยืนกระทืบเท้าเร่า ๆ ให้กับวาจาของหล่อนอยู่!
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD