เช้าตรู่หลังจากตื่นนอน เก็บที่นอนเรียบร้อยแล้ว ปานยิหวาก็พาหนูปลาไปล้างหน้าล้างตา จากนั้นก็พาไปทานข้าวต้มปลาที่คุณยายได้ตื่นขึ้นมาทำให้ตั้งแต่เช้ามืด
ปานยิหวารู้สึกขอบคุณผู้อาวุโสทั้งสองมาก แม้ยังไม่อยากให้กลับ แต่ความจำเป็นต้องทำให้หล่อนต้องกลับภายในวันนี้ให้ได้ ดังนั้นหล่อนจึงสัญญากับท่านว่า จะพาหนูปลากลับมาเยี่ยมท่านอีกแน่นอน
เมื่อทานข้าวต้มเรียบร้อย หญิงสาวได้ขึ้นไปเก็บเสื้อผ้าของตัวเองและหนูปลาพับใส่ถุงเอาไว้ เพราะคุณยายท่านอนุญาตใหหล่อนใส่เสื้อผ้ามารดาของหม่อมหลวงหนุ่มกลับ และพร้อมกันนั้นขณะคุณยายก็ยังให้หล่อนสวมรองเท้าแตะคู่นั้นกลับอีกด้วย เนื่องจากฝนที่ตกเมื่อวานคงทำให้หล่อนเดินกลับไปที่รถลำบากน่าดูหากจะต้องสวมรองเท้าคู่ที่หล่อนใส่มาเมือวานนั่นเอง
ครั้นเก็บเสื้อผ้าเรียบร้อย หล่อนก็ไม่ลืมสิ่งที่สำคัญที่สุด นั่นก็คือ ไม่ลืมที่จะหยิบสมุดเล่มนั้นใส่ลงไปพร้อมกันด้วย
ก่อนจะกลับไปที่รถปานยิหวายกมือไหว้ขอบคุณคุณยายของชายหนุ่ม ผู้สูงวัยเองก็เดินมาโอบลำตัวหล่อน พลางลูบหลังอย่างรักใคร่ ทำราวกับหล่อนเป็นลูกหลานของท่านอีกคน จากนั้นท่านก็ย่อตัวลงไปลูบศีรษะหนูปลาพร้อมกับหอมแก้มอีกหนึ่งที
"อย่าลืมพากันกลับมาหาตาและยายนะ" คุณตาเอ่ยสำทับ ก่อนพลั้งปากพูดออกมาว่า "เพราะตาไม่อยากไปหาที่วังนั่นหรอก!" พลางทำท่าทางขึงขังประกอบ ทำให้คุณยายรีบสะกิดเตือนให้รู้ตัว เนื่องจากกลัวคชาธารจะรู้สึกไม่ดี
ปานยิหวารีบหันไปมองใบหน้าหม่อมหลวงหนุ่มแวบ เห็นเขามีใบหน้าเรียบเฉยเท่านั้น แล้วชายหนุ่มก็เอ่ยตัดบทว่า
"ถ้าอย่างนั้นพวกผมต้องกลับก่อน คุณตา คุณยายก็อย่าลืมดูแลตัวเองด้วยล่ะครับ"
"ผลไม้ที่เก็บไปฝากคนที่นั่น ตาให้เจ้าเชิดยกไปให้ที่รถรอแล้วนะ"
"ครับคุณตา"
จากนั้นคนทั้งสามจึงพากันยกมือไหว้ลาผู้สูงวัยทั้งคู่ เมื่อร่ำลาและให้สัญญาว่าจะพาหนูปลามาหาท่านทั้งสองให้บ่อยขึ้น
เท่านี้...ก็เห็นรอยยิ้มอย่างมีชีวิตชีวาอยู่บนใบหน้าเหี่ยวกร้านตามเวลาของผู้สูงวัยทั้งสองแล้ว
.
ระหว่างทางที่เดินกลับไปที่รถ จู่ ๆ หม่อมหลวงหนุ่มก็กลับไปพูดถึงเรื่องเมื่อครู่ขึ้นมา
"คุณตาท่านไม่ค่อยชอบคุณพ่อ ไม่ชอบวังเหมวัฒน์ เพราะแม้จะเป็นชาวสวน แต่ท่านก็มีความทรนงในตัวเองอยู่ไม่น้อย จึงไม่ชอบให้ใครมาดูถูกว่าให้ลูกสาวจับจ้องแต่คนรวย คนมีศักดิ์..." เขาเล่าเรื่องราวในอดีตพลางหันกลับมามองใบหน้าหวานของหญิงสาวที่กำลังมีแววอยากรู้เกิดขึ้นในดวงตาทั้งสอง "...แต่แม้จะไม่ค่อยชอบคุณพ่อ ในเมื่อลูกสาวท่านรัก...ท่านก็ว่าอะไรลูกสาวไม่ได้ จึงปล่อยเลยตามเลย ด้วยความที่ท่านไม่อยากได้ลูกเขยบรรดาศักดิ์ตั้งแต่แรก ครั้งหนึ่งที่ท่านไปเยี่ยมคุณแม่ที่วัง แต่ไม่ได้พบคุณแม่หรอก เพราะถูกกีดกัน แถมคนที่กีดกันท่านก็ได้แสดงกิริยาดูถูกท่านด้วย ตั้งแต่นั้นคุณตาผมจึงไม่ไปหาพวกผมที่นั่นอีกเลย ก็มีแต่พวกผมเท่านั้นที่จะมาหาท่านที่นี่แทน"
"คนที่กีดกัดคนนั้นคง..." หญิงสาวลองเดาดูเล่น ๆ และก็เป็นจริง เมื่อเสียงทุ้มของเขาที่เอ่ยตอบรับ
"คุณเดาไม่ผิดหรอก คุณน้าระตีเอง"
"ค่ะ" หล่อนตอบรับก่อนจะถามถึงคุณแม่ของเขาต่อว่า "แล้วคุณแม่ของคุณท่านเสียด้วย..."
"ตอนที่ผมยังเด็ก วันหนึ่งได้ไปซื้อของกับท่าน เราสามคนแม่ลูกกำลังจะข้ามถนนเพื่อมาขึ้นรถของคุณพ่อที่จอดรออีกด้าน ขณะนั้นก็มีรถยนต์คันหนึ่งวิ่งตรงมายังพวกเรา คุณแม่ท่านเห็น ท่านจึงได้เสียสละตัวเองโดยการผลักผมและนกยูงไปให้พ้นรถคันนั่้น..." เสียงทุ้มของเขาเขาถูกกลืนหายลงไปในลำคอชั่วขณะ ...แต่แม้ขณะเดียวก็ทำให้หล่อนใจหายตาม เขาคงต้องทำใจมากที่จะเล่าเหตุการณ์ต่อจากนี้
"คุณแม่ผม...จึงถูกรถชน ท่านเสีย ณ ที่ตรงนั้นเลย" เขาเล่าด่วยน้ำเสียงเศร้าซึมกว่าเดิม
ปานยิหวาสัมผัสความเศร้าอาลัยในน้ำเสียงของเขา หล่อนจึงเรียกเขาเบา ๆ "คุณช้างคะ คุณ..." แต่เขา่ก็ฝืนยิ้มให้กับหล่อน ซึ่งเป็นรอยยิ้มที่ทำให้ปานยิหวาดีใจที่ได้เห็น จากนั้นเขาก็เปลี่ยนเรื่องที่คุยกันอยู่อย่างรวดเร็ว
"แล้ว... คุณพ่อคุณท่านชอบลูกเขยแบบไหน"
ในเมื่อไม่อยากให้เขาจมจ่อมอยู่กับเรื่องเจ็บปวดในอดีต เพราะการเห็นมารดาตัวเองจากไปอย่างกะทันหันต่อหน้าต่อตาก็สร้างบาดแผลให้กับจิตใจของเขาพอแล้ว ปานยิหวาจึงเผลอตอบกลับอย่างเร็วเช่นกัน
"ท่านเคยบอกว่าขอให้เป็นคนดี..." หล่อนเพิ่งนึกได้ว่ากำลังหลงกลคนเจ้าเล่ห์อีกแล้ว ครั้นหันไปหาเขา จึงเห็นหม่อมหลวงหนุ่มยิ้มเผล่รออยู่แล้ว แล้วก็พูดต่ออีกว่า
"ผมไม่เล่นการพนัน ไม่ชอบเที่ยวเตร่ ประกอบสัมมาอาชีพไม่เบียดเบียนใคร เหล้านั้นก็แตะต้องนิดหน่อย แต่นาน ๆ ครั้งถึงจะดื่ม ผมเป็นคนดีพอมะ..."
"คุณช้าง!"
หล่อนเอ็ดเขาพร้อมกับส่ายหน้า จากนั้นปานยิหวาจึงได้เสียงหัวเราะอิอิของเจ้าตัวเล็กที่เดินอยู่ตรงกลางระหว่างหล่อนและเขาดังแทรกขึ้น หญิงสาวจึงแกล้งลงก้มไปปิดหูทั้งสองของหลานรัก พลางสำทับว่า
"หนูปลาอย่าฟังคนพล่ามให้เยอะมากนะลูก ป่ะ เราไปกันเถอะ" แล้วจึงรีบจูงมือหลาสาวตัวน้อยเดินนำชายหนุ่มไป เมื่อเห็นท้ายรถเขาที่จอดอยู่ใกล้เพิงหลังนั้นตรงหน้าแล้ว
ทันทีที่หล่อนเดินไปแล้ว คชาธารก็ลดฝีเท้าลง พลางก็ล้วงกระเป๋ากางเกงเพื่อมองตามหญิงสาว ใบหน้าหล่อเหลาที่แสดงอารมณ์ดีเมื่อครู่ได้กลายมาเป็นอีกอารมณ์หนึ่ง ที่ดูเคร่งขรึมลง
เพราะ...ที่ผ่านมา เขาได้แสดงทั้งคำพูดและการกระทำต่อหล่อนแล้ว ต่อให้บ้าใบ้หูหนวกอย่างไรปานยิหวาก็คงรู้ว่าเขาคิดอย่างไรกับหล่อน ทว่า...หญิงสาวกลับพยายามนำตัวออกห่างเขา พยายามเว้นที่ว่างเอาไว้ ไม่ตอบรับหรือแบ่งสู้ อันเป็นสิ่งที่ทำให้จิตใจของเขาเกิดความระส่ำหวาดกลัว กลัวว่าหล่อนอาจจะมีคนรักรออยู่แล้ว...
คิดเพียงเท่านี้ใบหน้าหล่อเหลาก็เศร้าลง ก่อนจะรีบปัดความหน่วงในใจชายออก เพื่อรีบเดินตามหล่อนและหลานปลาไปที่รถอีกคน
.....