ตอนที่ 8 อยากขอโทษ

1859 Words
          พู่กันที่เพิ่งกลับมาจากคุยโทรศัพท์เรื่องงาน เห็นผู้คนกำลังมุงดูอะไรบางอย่าง จึงรีบเดินเร็วเข้าไปด้วยหัวใจเต้นระส่ำ เพราะตรงนั้นเป็นจุดที่ลูกสาวของเขาและลูกชายของธารากำลังเล่นน้ำอยู่นั่นเอง เดินฝ่าผู้คนเข้าไปจนพบว่าลูกสาวกำลังร้องไห้อยู่ในอ้อมกอดชายแปลกหน้า จึงรีบวิ่งกรูเข้าไปหาทันที             “เนเน่ลูกแม่! ลูกเป็นอะไรทำไมร้องไห้อย่างนี้” พู่กันรีบแย่งตัวลูกสาวเข้ามากอดไว้เสียเอง โดยยังไม่รู้ว่าชายแปลกหน้าคนนั้นคือดินแดน ที่แย่ไปกว่านั้นคือเขาคิดว่าอีกฝ่ายทำร้ายลูกสาวของตัวเอง             “ฮือ…แม่จ๋าเนเน่กลัว”             “ไม่ร้องนะลูก แม่อยู่นี่แล้ว” ปลอบลูกสาวแล้วเงยขึ้นไปด่าชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้าง ๆ “คุณทำอะไรลูกสาวผม” เมื่อทั้งสองสบตากันต่างก็เบิกตากว้างด้วยความตกใจ ไม่นึกฝันว่าโลกจะกลมถึงเพียงนี้             “นี่นาย!”             “นี่คุณ!”             ทำไมเขาจะต้องรู้สึกผิดหวังเมื่อรู้ว่าเด็กหญิงที่เพิ่งช่วยชีวิตไว้คือลูกสาวของพู่กัน ไม่ได้เจอกันเสียนานอีกฝ่ายแต่งงานมีครอบครัวไปแล้วหรือ แสดงว่าความหวังที่จะกลับมาแอ้มคนนี้อีกครั้งคงถึงทางตันเสียแล้ว แต่เอ๊ะ! ทำไมเรียกว่าแม่!!!!!!             “เลี้ยงลูกประสาอะไรปล่อยให้จมน้ำ” เขาต่อว่าด้วยน้ำเสียงจริงจัง ลืมตัวไปว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับสองแม่ลูกนี้เลยสักนิด             “แสดงว่าคุณ…ช่วยชีวิตลูกสาวผมไว้งั้นเหรอ”             “ก็ใช่น่ะสิ นายคงมองฉันในแง่ร้ายตลอดเวลาสินะถึงได้คิดอกุศลอย่างนี้”             “ก็ผมไม่รู้นี่นาว่าเกิดอะไรขึ้น”             “รู้อย่างนี้แล้วไม่คิดจะเอ่ยคำขอบคุณเลยเหรอ”             “ขอบคุณละกัน” กล่าวอย่างส่ง ๆ แล้วอุ้มลูกสาวขึ้นเตรียมจะพาไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลอีกครั้ง “กีตาร์เราไปกันเถอะลูก”             “เดี๋ยว!”             เดินไปได้แค่สองก้าวต้องชะงักฝีเท้า หันกลับมามองเขาอีกครั้ง             “มีอะไรอีกงั้นเหรอ”             “นายแต่งงานตอนไหน แล้วทำไม...ลูกเรียกนายว่าแม่” ดินแดนไม่เข้าใจว่าทำไมต้องถามเรื่องบ้าบอนี้ เขาควรจะปล่อยไปตั้งแต่รู้ว่าอีกฝ่ายมีลูกสาวแล้วไม่ใช่หรือ             “ไม่ใช่เรื่องของคุณ”             เขาตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา จากนั้นอุ้มลูกสาวเดินออกไปจากตรงนั้นพร้อมกับเด็กชายที่ตั้งใจชวนมาเป็นเพื่อนลูกสาว ธาราไม่ว่างจึงฝากให้ลูกชายมาด้วยเสร็จธุระแล้วถึงจะตามมา             ดินแดนรู้สึกราวกับว่าโลกทั้งใบแตกเป็นเสี่ยง ๆ ไม่ต่างจากการอกหักเพราะรักแรก ทั้งที่เจ้าตัวมั่นใจว่าไม่ได้รักผู้ชายคนนี้ เขาแค่ต้องการหยอกล้อเล่นเพื่อความสนุกเหมือนเมื่อก่อน แต่ความรู้สึกมันกลับไม่ใช่อย่างนั้นเสียแล้ว             “ขอโทษนะคะ ขอทางเข้าไปหน่อย” ปราด้าที่ยืนดูเหตุการณ์ตลอดเวลา แทรกตัวเข้าไปหาซูเปอร์สตาร์หนุ่มเพื่อดึงตัวออกจากวงล้อมของฝูงชน นั่นเพราะตอนนี้อีกฝ่ายยืนนิ่งเหมือนกำลังตกอยู่ในห้วงความคิดอะไรบางอย่าง             “เรามีเรื่องต้องคุยกันยาว”             ปราด้าดึงแขนดินแดนฝ่าฝูงชนออกมาจนสำเร็จ เปลี่ยนแผนจากห้องอาบน้ำไปยังรถที่จอดรออยู่ สิ่งที่เธอได้ยินได้ฟังมาชัดเจนว่าซูเปอร์สตาร์หนุ่มและพู่กันเคยรู้จักกันมาก่อน และน่าจะไม่ใช่แค่รู้จักกันธรรมดาอีกด้วย             “ปล่อยผมได้แล้วพี่”             “บอกมาก่อนว่าแกกับคุณพู่กันเคยรู้จักกันมาก่อนใช่ไหม”             “ใช่” เขาตอบอย่างไม่คิดอะไรมาก เพราะไม่เคยมีความลับกับผู้จัดการส่วนตัวอยู่แล้ว             “ตั้งแต่ตอนไหน”             “ช่วงเรียนมหาลัย”             “แล้วทำไมคุณพู่กันทำเหมือนไม่รู้จักแกล่ะ”                         “ก็…” เจ้าตัวเริ่มคิดหนักเพราะหากเล่าสาเหตุที่แท้จริงให้ฟัง มีหวังโดนอีกฝ่ายด่ายับแน่นอน จึงหรี่ตามองอย่างชั่งใจ นั่นทำให้ปราด้ารู้ทันทีว่าอีกฝ่ายคิดจะโกหกตนเป็นแน่             “อย่าแม้แต่จะคิด เพราะถึงยังไงฉันก็ต้องเป็นคนแก้ข่าวให้แกอยู่แล้ว วันนี้คนที่อยู่ในเหตุการณ์คงสงสัยเหมือนอย่างที่ฉันสงสัย พรุ่งนี้ต้องเป็นข่าวดังแน่ ๆ”             ได้ยินอย่างนั้นเจ้าตัวก็เริ่มคิดหนักทันที ในตอนนั้นเขาคิดแค่ว่าอยากรู้ความจริงจากปากพู่กัน จนลืมไปว่าตัวเองไม่ใช่คนธรรมดา             “ผมขอโทษ ตอนนั้นมันลืมตัวไป” น้ำเสียงอ่อย ๆ บ่งบอกว่ากำลังรู้สึกผิด             “สรุปว่า…”             “สมัยเรียนมหาลัยผมเคย …หลอกฟันพู่กันแล้วทิ้งไปมีผู้หญิงอื่น” ประโยคหลังเจ้าตัวเอ่ยเบาเสียง             “เฮ้อ…ฉันไม่คิดเลยว่าพฤติกรรมแกมันจะแย่มาตั้งแต่ช่วงมหาลัย ถ้าฉันเป็นคุณพู่กันคงจะต่อยหน้าแกตั้งแต่เจอกันวันนั้นแล้ว ผู้ชายอย่างแกเคยมีความคิดดี ๆ บ้างไหมแดน” ปราด้ายืนเท้าสะเอวต่อว่าอย่างเหลืออด ถอนหายใจเสียงดังด้วยความเหนื่อยหน่ายกับปัญหาที่เด็กในสังกัดสร้างไว้ให้แก้             “ทำไมต้องด่ากันขนาดนี้ด้วยเนี่ย มันเกิดขึ้นแล้วจะแก้ไขอะไรได้ล่ะ” เจ้าตัวก้มหน้างุดรู้สึกผิดกับเรื่องที่เกิดขึ้น ทำให้ผู้จัดการต้องปวดหัวตลอดเวลา             “ทำไมจะแก้ไขไม่ได้ล่ะถ้าแกคิดจะทำ หาเวลาไปขอโทษคุณพู่กันซะ ก่อนที่เรื่องชั่วช้าในอดีตของแกมันจะถึงหูนักข่าวจากปากคุณพู่กันเอง ถ้าทำไม่ได้ฉันจะไม่ช่วยเหลืออะไรแกอีกแล้ว หากเรื่องที่แกเคยมีอะไรกับผู้ชายด้วยกันเป็นข่าวไป มีหวังเรทติ้งตกและโดนยกเลิกงานแน่ ๆ”             “โธ่…ทำไมใจร้ายอย่างนี้อ่ะพี่ด้า”             “ฉันขอใจร้ายบ้าง ฉันเคลียร์งานให้แกเสร็จพอดี เวลาว่างหนึ่งอาทิตย์ช่วยไปจัดการให้เรียบร้อยด้วย ส่วนเรื่องนักข่าวฉันจะพยายามถ่วงเวลาเอาไว้ให้”             “โอเคครับ” ชายหนุ่มจำต้องยอมรับปากแต่โดยดี เขาไม่รู้ว่าจะสู้หน้าอีกฝ่ายยังไงดี เพราะเข้าใจว่าพู่กันแต่งงานแล้ว หากจะเข้าไปอย่างผลีผลามเหมือนตอนแรกคงจะยากขึ้นเสียแล้ว ถึงแม้ว่าดินแดนจะเจ้าชู้ก็จริงแต่เขาก็ไม่เคยเล่นหูเล่นตากับคนที่มีคู่ครองแล้ว *-*-*-*-*-*-*-*             ออกมาจากสวนน้ำแล้วพู่กันก็พาลูกสาวไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลอีกครั้ง เจ้าตัวโทรฯให้ธารามารับลูกชายที่บ้านแทนที่จะเป็นสวนสนุก เมื่อคุณหมอแจ้งว่าเนเน่ไม่จำเป็นจะต้องนอนดูอาการที่โรงพยาบาล นั่นเพราะได้รับการปฐมพยาบาลมาอย่างถูกวิธี จึงทำให้เจ้าตัวน้อยแทบไม่มีอาการผิดปกติใด ๆ เลย             “ขวัญเอ๊ยขวัญมา เป็นยังไงบ้างหลานยาย”             “เนเน่ไม่เป็นไรแล้วค่ะคุณยาย”             “ยายใจหายใจคว่ำจนเกือบจะเป็นลม ยังดีที่คุณพระคุณเจ้าคุ้มครอง พรุ่งนี้ต้องไปทำบุญที่วัดกับยายแล้วล่ะ” เธอกล่าวอย่างโล่งใจ น้ำตาซึมเมื่อเห็นหลานสาวยังสามารถพูดคุย ยิ้มแย้มเป็นปกติ             “สวัสดีครับคุณป้า” ธารารอให้กัลยาได้พูดคุยกับหลานสาวก่อน เมื่อได้จังหวะจึงยกมือไหว้ทักทาย แล้วก้มลงไปบอกลูกชายด้วยอีกคน “กีตาร์ไหว้คุณยายสิครับลูก”             “สวัสดีครับคุณยาย”             “สวัสดีค่ะคุณธารา แล้วก็สวัสดีหนุ่มน้อยของยายด้วยนะครับ” เธอหันมาส่งยิ้มให้แขกทั้งสองคน             “วันนี้ผมชวนคุณธารากับกีตาร์มาทานข้าวที่บ้านด้วยครับแม่”             “ดีเลยจ้ะวันนี้บ้านเราจะได้คึกคัก เนเน่จะได้มีเพื่อนเล่น” กัลยากล่าวด้วยรอยยิ้ม             “ผมกับลูกชายขอฝากท้องด้วยนะครับคุณป้า”             “ยินดีเลยค่ะ ถ้ายังไงป้าขอตัวไปทำกับข้าวก่อนนะ”             “เดี๋ยวผมไปช่วยแม่นะครับ”             “ไม่เป็นไรลูกอยู่เป็นเพื่อนคุณธาราเถอะ” ว่าแล้วก็ก้มลงเอ่ยกับหลานสาว “เดี๋ยวยายไปทำกับข้าวก่อนนะ”             “ค่ะคุณยาย”             กัลยาลุกจากโซฟาแล้วเดินตรงไปที่ครัว ปล่อยให้ลูกและหลานสาวอยู่กับแขกที่คุ้นหน้ากันเป็นอย่างดี ธารามักจะพาลูกชายมาฝากท้องที่นี่อยู่บ่อย ๆ จนสามารถเข้านอกออกในได้ไม่ต่างจากคนในบ้าน             “เด็ก ๆ อยากดูการ์ตูนกันไหมครับ”             “อยากครับ / ค่ะ”             เด็กน้อยทั้งสองยกมือขึ้นพร้อมกันด้วยความตื่นเต้นดีใจ การได้มาบ้านหลังเล็ก ๆ นี้ทำให้ลูกชายสุดที่รักของธารามีเสียงหัวเราะและรอยยิ้มตลอดเวลา เขาจึงชอบพามาที่นี่เพราะอยากให้ลูกชายมีความสุข และหากจะดีกว่านั้นเขาเองก็อยากจะครอบครองหัวใจพู่กันให้ได้ จะได้กลายเป็นครอบครัวเดียวกันเสียที             “ถ้าอย่างนั้นก็ช่วยกันเลือกมาหนึ่งเรื่องนะครับ เลือกแล้วมาหาแม่ที่นี่นะ”             “โอเคค่ะ กีตาร์เราไปช่วยกันเลือกหนังดีกว่า”             “อื้ม ๆ”             เด็กทั้งสองรีบจูงมือกันไปนั่งเปิดแท็บเล็ตเลือกการ์ตูนที่ชอบ ผู้ใหญ่ทั้งสองต่างก็มองดูเด็ก ๆ ด้วยรอยยิ้ม จากนั้นธาราก็ละสายตาจากลูกชายมองไปยังดวงหน้าสวย รอยยิ้มของพู่กันทำให้หัวใจเขาพองโตได้ทุกครั้ง คนนี้เหมาะสมที่สุดที่จะเป็นภรรยาและแม่เลี้ยงของลูกชายสุดที่รัก             ตี๊ด ตี๊ด             เสียงข้อความเข้าจากมือถือของพู่กัน ทำให้ชายหนุ่มรีบละสายตาไปไว้ที่อื่น ในขณะที่เจ้าของมือถือรีบหยิบเจ้าเครื่องมือสื่อสารออกมาจากกระเป๋า เมื่อรู้ว่าใครเป็นคนส่งข้อความมาคิ้วโก่งก็ขมวดเข้าหากันทันที             “มีอะไรหรือเปล่าครับ”             “เอ่อ…พอดีเป็นเรื่องงานน่ะครับ ขอตัวสักครู่นะครับ”             “ครับ”             พู่กันลุกขึ้นแล้วรีบเดินออกมาหน้าบ้าน เพราะไม่อยากให้ใครเห็นสีหน้าตอนได้อ่านข้อความ เขารู้ว่านายนั่นคงจะส่งข้อความมาหาเรื่องกันอย่างแน่นอน             “คุณจะตามจองเวรจองกรรมผมไปถึงไหนนะ” บ่นแล้วตัดสินใจเปิดข้อความทันที             กวาดสายตาอ่านตัวหนังสือที่อยู่ในจออย่างตั้งใจ ประโยคที่ผ่านตาทำให้รู้สึกแปลกใจเป็นอย่างมาก ดินแดนไม่ได้กวนประสาทเหมือนอย่างที่คิดไว้             ‘ฉันรู้ว่าสิ่งที่เคยทำกับนายไว้มันร้ายแรงเกินกว่าจะให้อภัย แต่ฉันอยากจะพูดคำว่าขอโทษต่อหน้านายสักครั้ง พรุ่งนี้ตอนเที่ยงเจอกันที่ร้าน XXX ได้ไหม ฉันจะรอนายอยู่ที่นั่นนะ’             ได้อ่านแล้วก็เงยหน้าขึ้นมาถอนหายใจยาว ๆ ลังเลใจว่ามันเป็นแผนหรืออีกฝ่ายต้องการอยากขอโทษจริง ๆ หลังจากครุ่นคิดอยู่นานเจ้าตัวก็มีคำตอบในใจ เขาจะลองเสี่ยงดูอีกครั้งเพราะหากดินแดนคิดได้จริง ๆ ก็ไม่ต้องใช้ชีวิตอยู่อย่างหวาดระแวงอย่างเช่นทุกวันนี้อีกแล้ว
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD