พู่กันที่เพิ่งกลับมาจากคุยโทรศัพท์เรื่องงาน เห็นผู้คนกำลังมุงดูอะไรบางอย่าง จึงรีบเดินเร็วเข้าไปด้วยหัวใจเต้นระส่ำ เพราะตรงนั้นเป็นจุดที่ลูกสาวของเขาและลูกชายของธารากำลังเล่นน้ำอยู่นั่นเอง เดินฝ่าผู้คนเข้าไปจนพบว่าลูกสาวกำลังร้องไห้อยู่ในอ้อมกอดชายแปลกหน้า จึงรีบวิ่งกรูเข้าไปหาทันที
“เนเน่ลูกแม่! ลูกเป็นอะไรทำไมร้องไห้อย่างนี้” พู่กันรีบแย่งตัวลูกสาวเข้ามากอดไว้เสียเอง โดยยังไม่รู้ว่าชายแปลกหน้าคนนั้นคือดินแดน ที่แย่ไปกว่านั้นคือเขาคิดว่าอีกฝ่ายทำร้ายลูกสาวของตัวเอง
“ฮือ…แม่จ๋าเนเน่กลัว”
“ไม่ร้องนะลูก แม่อยู่นี่แล้ว” ปลอบลูกสาวแล้วเงยขึ้นไปด่าชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้าง ๆ “คุณทำอะไรลูกสาวผม”
เมื่อทั้งสองสบตากันต่างก็เบิกตากว้างด้วยความตกใจ ไม่นึกฝันว่าโลกจะกลมถึงเพียงนี้
“นี่นาย!”
“นี่คุณ!”
ทำไมเขาจะต้องรู้สึกผิดหวังเมื่อรู้ว่าเด็กหญิงที่เพิ่งช่วยชีวิตไว้คือลูกสาวของพู่กัน ไม่ได้เจอกันเสียนานอีกฝ่ายแต่งงานมีครอบครัวไปแล้วหรือ แสดงว่าความหวังที่จะกลับมาแอ้มคนนี้อีกครั้งคงถึงทางตันเสียแล้ว
แต่เอ๊ะ! ทำไมเรียกว่าแม่!!!!!!
“เลี้ยงลูกประสาอะไรปล่อยให้จมน้ำ” เขาต่อว่าด้วยน้ำเสียงจริงจัง ลืมตัวไปว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับสองแม่ลูกนี้เลยสักนิด
“แสดงว่าคุณ…ช่วยชีวิตลูกสาวผมไว้งั้นเหรอ”
“ก็ใช่น่ะสิ นายคงมองฉันในแง่ร้ายตลอดเวลาสินะถึงได้คิดอกุศลอย่างนี้”
“ก็ผมไม่รู้นี่นาว่าเกิดอะไรขึ้น”
“รู้อย่างนี้แล้วไม่คิดจะเอ่ยคำขอบคุณเลยเหรอ”
“ขอบคุณละกัน” กล่าวอย่างส่ง ๆ แล้วอุ้มลูกสาวขึ้นเตรียมจะพาไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลอีกครั้ง “กีตาร์เราไปกันเถอะลูก”
“เดี๋ยว!”
เดินไปได้แค่สองก้าวต้องชะงักฝีเท้า หันกลับมามองเขาอีกครั้ง
“มีอะไรอีกงั้นเหรอ”
“นายแต่งงานตอนไหน แล้วทำไม...ลูกเรียกนายว่าแม่” ดินแดนไม่เข้าใจว่าทำไมต้องถามเรื่องบ้าบอนี้ เขาควรจะปล่อยไปตั้งแต่รู้ว่าอีกฝ่ายมีลูกสาวแล้วไม่ใช่หรือ
“ไม่ใช่เรื่องของคุณ”
เขาตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา จากนั้นอุ้มลูกสาวเดินออกไปจากตรงนั้นพร้อมกับเด็กชายที่ตั้งใจชวนมาเป็นเพื่อนลูกสาว ธาราไม่ว่างจึงฝากให้ลูกชายมาด้วยเสร็จธุระแล้วถึงจะตามมา
ดินแดนรู้สึกราวกับว่าโลกทั้งใบแตกเป็นเสี่ยง ๆ ไม่ต่างจากการอกหักเพราะรักแรก ทั้งที่เจ้าตัวมั่นใจว่าไม่ได้รักผู้ชายคนนี้ เขาแค่ต้องการหยอกล้อเล่นเพื่อความสนุกเหมือนเมื่อก่อน แต่ความรู้สึกมันกลับไม่ใช่อย่างนั้นเสียแล้ว
“ขอโทษนะคะ ขอทางเข้าไปหน่อย” ปราด้าที่ยืนดูเหตุการณ์ตลอดเวลา แทรกตัวเข้าไปหาซูเปอร์สตาร์หนุ่มเพื่อดึงตัวออกจากวงล้อมของฝูงชน นั่นเพราะตอนนี้อีกฝ่ายยืนนิ่งเหมือนกำลังตกอยู่ในห้วงความคิดอะไรบางอย่าง
“เรามีเรื่องต้องคุยกันยาว”
ปราด้าดึงแขนดินแดนฝ่าฝูงชนออกมาจนสำเร็จ เปลี่ยนแผนจากห้องอาบน้ำไปยังรถที่จอดรออยู่ สิ่งที่เธอได้ยินได้ฟังมาชัดเจนว่าซูเปอร์สตาร์หนุ่มและพู่กันเคยรู้จักกันมาก่อน และน่าจะไม่ใช่แค่รู้จักกันธรรมดาอีกด้วย
“ปล่อยผมได้แล้วพี่”
“บอกมาก่อนว่าแกกับคุณพู่กันเคยรู้จักกันมาก่อนใช่ไหม”
“ใช่” เขาตอบอย่างไม่คิดอะไรมาก เพราะไม่เคยมีความลับกับผู้จัดการส่วนตัวอยู่แล้ว
“ตั้งแต่ตอนไหน”
“ช่วงเรียนมหาลัย”
“แล้วทำไมคุณพู่กันทำเหมือนไม่รู้จักแกล่ะ”
“ก็…” เจ้าตัวเริ่มคิดหนักเพราะหากเล่าสาเหตุที่แท้จริงให้ฟัง มีหวังโดนอีกฝ่ายด่ายับแน่นอน จึงหรี่ตามองอย่างชั่งใจ นั่นทำให้ปราด้ารู้ทันทีว่าอีกฝ่ายคิดจะโกหกตนเป็นแน่
“อย่าแม้แต่จะคิด เพราะถึงยังไงฉันก็ต้องเป็นคนแก้ข่าวให้แกอยู่แล้ว วันนี้คนที่อยู่ในเหตุการณ์คงสงสัยเหมือนอย่างที่ฉันสงสัย พรุ่งนี้ต้องเป็นข่าวดังแน่ ๆ”
ได้ยินอย่างนั้นเจ้าตัวก็เริ่มคิดหนักทันที ในตอนนั้นเขาคิดแค่ว่าอยากรู้ความจริงจากปากพู่กัน จนลืมไปว่าตัวเองไม่ใช่คนธรรมดา
“ผมขอโทษ ตอนนั้นมันลืมตัวไป” น้ำเสียงอ่อย ๆ บ่งบอกว่ากำลังรู้สึกผิด
“สรุปว่า…”
“สมัยเรียนมหาลัยผมเคย …หลอกฟันพู่กันแล้วทิ้งไปมีผู้หญิงอื่น” ประโยคหลังเจ้าตัวเอ่ยเบาเสียง
“เฮ้อ…ฉันไม่คิดเลยว่าพฤติกรรมแกมันจะแย่มาตั้งแต่ช่วงมหาลัย ถ้าฉันเป็นคุณพู่กันคงจะต่อยหน้าแกตั้งแต่เจอกันวันนั้นแล้ว ผู้ชายอย่างแกเคยมีความคิดดี ๆ บ้างไหมแดน” ปราด้ายืนเท้าสะเอวต่อว่าอย่างเหลืออด ถอนหายใจเสียงดังด้วยความเหนื่อยหน่ายกับปัญหาที่เด็กในสังกัดสร้างไว้ให้แก้
“ทำไมต้องด่ากันขนาดนี้ด้วยเนี่ย มันเกิดขึ้นแล้วจะแก้ไขอะไรได้ล่ะ” เจ้าตัวก้มหน้างุดรู้สึกผิดกับเรื่องที่เกิดขึ้น ทำให้ผู้จัดการต้องปวดหัวตลอดเวลา
“ทำไมจะแก้ไขไม่ได้ล่ะถ้าแกคิดจะทำ หาเวลาไปขอโทษคุณพู่กันซะ ก่อนที่เรื่องชั่วช้าในอดีตของแกมันจะถึงหูนักข่าวจากปากคุณพู่กันเอง ถ้าทำไม่ได้ฉันจะไม่ช่วยเหลืออะไรแกอีกแล้ว หากเรื่องที่แกเคยมีอะไรกับผู้ชายด้วยกันเป็นข่าวไป มีหวังเรทติ้งตกและโดนยกเลิกงานแน่ ๆ”
“โธ่…ทำไมใจร้ายอย่างนี้อ่ะพี่ด้า”
“ฉันขอใจร้ายบ้าง ฉันเคลียร์งานให้แกเสร็จพอดี เวลาว่างหนึ่งอาทิตย์ช่วยไปจัดการให้เรียบร้อยด้วย ส่วนเรื่องนักข่าวฉันจะพยายามถ่วงเวลาเอาไว้ให้”
“โอเคครับ” ชายหนุ่มจำต้องยอมรับปากแต่โดยดี เขาไม่รู้ว่าจะสู้หน้าอีกฝ่ายยังไงดี เพราะเข้าใจว่าพู่กันแต่งงานแล้ว หากจะเข้าไปอย่างผลีผลามเหมือนตอนแรกคงจะยากขึ้นเสียแล้ว ถึงแม้ว่าดินแดนจะเจ้าชู้ก็จริงแต่เขาก็ไม่เคยเล่นหูเล่นตากับคนที่มีคู่ครองแล้ว
*-*-*-*-*-*-*-*
ออกมาจากสวนน้ำแล้วพู่กันก็พาลูกสาวไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลอีกครั้ง เจ้าตัวโทรฯให้ธารามารับลูกชายที่บ้านแทนที่จะเป็นสวนสนุก เมื่อคุณหมอแจ้งว่าเนเน่ไม่จำเป็นจะต้องนอนดูอาการที่โรงพยาบาล นั่นเพราะได้รับการปฐมพยาบาลมาอย่างถูกวิธี จึงทำให้เจ้าตัวน้อยแทบไม่มีอาการผิดปกติใด ๆ เลย
“ขวัญเอ๊ยขวัญมา เป็นยังไงบ้างหลานยาย”
“เนเน่ไม่เป็นไรแล้วค่ะคุณยาย”
“ยายใจหายใจคว่ำจนเกือบจะเป็นลม ยังดีที่คุณพระคุณเจ้าคุ้มครอง พรุ่งนี้ต้องไปทำบุญที่วัดกับยายแล้วล่ะ” เธอกล่าวอย่างโล่งใจ น้ำตาซึมเมื่อเห็นหลานสาวยังสามารถพูดคุย ยิ้มแย้มเป็นปกติ
“สวัสดีครับคุณป้า” ธารารอให้กัลยาได้พูดคุยกับหลานสาวก่อน เมื่อได้จังหวะจึงยกมือไหว้ทักทาย แล้วก้มลงไปบอกลูกชายด้วยอีกคน “กีตาร์ไหว้คุณยายสิครับลูก”
“สวัสดีครับคุณยาย”
“สวัสดีค่ะคุณธารา แล้วก็สวัสดีหนุ่มน้อยของยายด้วยนะครับ” เธอหันมาส่งยิ้มให้แขกทั้งสองคน
“วันนี้ผมชวนคุณธารากับกีตาร์มาทานข้าวที่บ้านด้วยครับแม่”
“ดีเลยจ้ะวันนี้บ้านเราจะได้คึกคัก เนเน่จะได้มีเพื่อนเล่น” กัลยากล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ผมกับลูกชายขอฝากท้องด้วยนะครับคุณป้า”
“ยินดีเลยค่ะ ถ้ายังไงป้าขอตัวไปทำกับข้าวก่อนนะ”
“เดี๋ยวผมไปช่วยแม่นะครับ”
“ไม่เป็นไรลูกอยู่เป็นเพื่อนคุณธาราเถอะ” ว่าแล้วก็ก้มลงเอ่ยกับหลานสาว “เดี๋ยวยายไปทำกับข้าวก่อนนะ”
“ค่ะคุณยาย”
กัลยาลุกจากโซฟาแล้วเดินตรงไปที่ครัว ปล่อยให้ลูกและหลานสาวอยู่กับแขกที่คุ้นหน้ากันเป็นอย่างดี ธารามักจะพาลูกชายมาฝากท้องที่นี่อยู่บ่อย ๆ จนสามารถเข้านอกออกในได้ไม่ต่างจากคนในบ้าน
“เด็ก ๆ อยากดูการ์ตูนกันไหมครับ”
“อยากครับ / ค่ะ”
เด็กน้อยทั้งสองยกมือขึ้นพร้อมกันด้วยความตื่นเต้นดีใจ การได้มาบ้านหลังเล็ก ๆ นี้ทำให้ลูกชายสุดที่รักของธารามีเสียงหัวเราะและรอยยิ้มตลอดเวลา เขาจึงชอบพามาที่นี่เพราะอยากให้ลูกชายมีความสุข และหากจะดีกว่านั้นเขาเองก็อยากจะครอบครองหัวใจพู่กันให้ได้ จะได้กลายเป็นครอบครัวเดียวกันเสียที
“ถ้าอย่างนั้นก็ช่วยกันเลือกมาหนึ่งเรื่องนะครับ เลือกแล้วมาหาแม่ที่นี่นะ”
“โอเคค่ะ กีตาร์เราไปช่วยกันเลือกหนังดีกว่า”
“อื้ม ๆ”
เด็กทั้งสองรีบจูงมือกันไปนั่งเปิดแท็บเล็ตเลือกการ์ตูนที่ชอบ ผู้ใหญ่ทั้งสองต่างก็มองดูเด็ก ๆ ด้วยรอยยิ้ม จากนั้นธาราก็ละสายตาจากลูกชายมองไปยังดวงหน้าสวย รอยยิ้มของพู่กันทำให้หัวใจเขาพองโตได้ทุกครั้ง คนนี้เหมาะสมที่สุดที่จะเป็นภรรยาและแม่เลี้ยงของลูกชายสุดที่รัก
ตี๊ด ตี๊ด
เสียงข้อความเข้าจากมือถือของพู่กัน ทำให้ชายหนุ่มรีบละสายตาไปไว้ที่อื่น ในขณะที่เจ้าของมือถือรีบหยิบเจ้าเครื่องมือสื่อสารออกมาจากกระเป๋า เมื่อรู้ว่าใครเป็นคนส่งข้อความมาคิ้วโก่งก็ขมวดเข้าหากันทันที
“มีอะไรหรือเปล่าครับ”
“เอ่อ…พอดีเป็นเรื่องงานน่ะครับ ขอตัวสักครู่นะครับ”
“ครับ”
พู่กันลุกขึ้นแล้วรีบเดินออกมาหน้าบ้าน เพราะไม่อยากให้ใครเห็นสีหน้าตอนได้อ่านข้อความ เขารู้ว่านายนั่นคงจะส่งข้อความมาหาเรื่องกันอย่างแน่นอน
“คุณจะตามจองเวรจองกรรมผมไปถึงไหนนะ” บ่นแล้วตัดสินใจเปิดข้อความทันที
กวาดสายตาอ่านตัวหนังสือที่อยู่ในจออย่างตั้งใจ ประโยคที่ผ่านตาทำให้รู้สึกแปลกใจเป็นอย่างมาก ดินแดนไม่ได้กวนประสาทเหมือนอย่างที่คิดไว้
‘ฉันรู้ว่าสิ่งที่เคยทำกับนายไว้มันร้ายแรงเกินกว่าจะให้อภัย แต่ฉันอยากจะพูดคำว่าขอโทษต่อหน้านายสักครั้ง พรุ่งนี้ตอนเที่ยงเจอกันที่ร้าน XXX ได้ไหม ฉันจะรอนายอยู่ที่นั่นนะ’
ได้อ่านแล้วก็เงยหน้าขึ้นมาถอนหายใจยาว ๆ ลังเลใจว่ามันเป็นแผนหรืออีกฝ่ายต้องการอยากขอโทษจริง ๆ หลังจากครุ่นคิดอยู่นานเจ้าตัวก็มีคำตอบในใจ เขาจะลองเสี่ยงดูอีกครั้งเพราะหากดินแดนคิดได้จริง ๆ ก็ไม่ต้องใช้ชีวิตอยู่อย่างหวาดระแวงอย่างเช่นทุกวันนี้อีกแล้ว