รถเก๋งสีขาวสัญญาติญี่ปุ่นแล่นเข้ามาในรั้วบ้าน เมื่อรถจอดสนิทแล้วก็ดับเครื่อง พลันเด็กหญิงตัวน้อยจึงเปิดประตูลงมาจากรถพร้อมกับผู้เป็นแม่ ‘เนเน่’ เด็กหญิงผู้มีความสดใสร่าเริงวัยห้าขวบ เป็นที่รักของผู้คนที่พบเห็น ใบหน้าของเขาถอดแบบมาจากผู้เป็นพ่อไม่ผิดเพี้ยน จนหลายคนที่พบเจอต่างก็ทักเป็นเสียงเดียวกัน แต่พู่กันก็ได้แต่ยิ้มรับทำเป็นเรื่องตลกขบขันทุกครั้งไป
“ระวังด้วยนะลูกเดี๋ยวก็หกล้มกันพอดี” เขากล่าวกับลูกสาวตัวน้อย ขณะยืนถือของพะรุงพะรังอยู่ข้างรถ ดวงหน้าสวยเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่เปี่ยมสุข
“ค่ะคุณแม่” เจ้าตัวน้อยตอบรับเสียงดัง แล้ววิ่งเข้าไปหาผู้เป็นยายในบ้าน
เข้ามาในบ้านแล้วเนเน่ก็ตะโกนเรียกผู้เป็นยายดังกึกก้อง ‘กัลยา’ จึงละสายตาจากกระทะที่อยู่บนเตา หันไปมองประตูก็เห็นหลานสาวสุดที่รัก ซึ่งมัดผมจุกสองข้าง ฉีกยิ้มตาตี่อย่างน่าเอ็นดู
“คุณยายยยย….”
“กลับมาแล้วเหรอหลานรักของยาย มาให้กอดหน่อยสิ” ผู้เป็นยายวางตะหลิวไว้ชั่วคราว หันมาอ้าแขนรอรับอ้อมกอดจากหลานสาว
เนเน่รีบวิ่งเข้ามาสวมกอดผู้เป็นยายโดยเร็ว จากนั้นหน้าผากน้อย ๆ ถูกจุมพิตตามด้วยแก้มนุ่มทั้งสองข้าง
ฟอดด…
“น่ารักที่สุดเลยหลานยาย”
“วันนี้คุณยายทำอะไรให้เนเน่กินคะ หอมจังเลย”
“วันนี้ยายทำกุ้งอบวุ้นเส้นแล้วก็ไข่พะโล้จ้า ของโปรดเนเน่ทั้งนั้นเลยนะ”
“ว้าว! เนเน่รักคุณยายที่สุดเลยค่ะ”
“ยายก็รักหนูที่สุดในโลกเหมือนกัน”
ในระหว่างนั้นพู่กันก็เดินตามมาถึงครัว เห็นยายหลานกอดกันแน่น จึงยิ้มน้อย ๆ อย่างมีความสุข เห็นอย่างนี้แล้วก็ทำให้ความเครียดเมื่อช่วงบ่ายหายเป็นปลิดทิ้ง
“มาอ้อนอะไรคุณยายอีกคะลูกสาว”
“เนเน่เปล่าสักหน่อย แค่คิดถึงคุณยายเท่านั้นเอง อีกอย่างก็หิวมากด้วย วันนี้กับข้าวที่โรงเรียนไม่อร่อยเลย”
“อย่างนี้เขาเรียกว่าอ้อน ให้ยายทำกับข้าวก่อน หนูขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนสิคะ ค่อยลงมาทานข้าว”
“ค่ะคุณแม่”
“โอเคแล้วก็รีบไปเลย”
“เดี๋ยวหนูจะรีบลงมานะคะคุณยาย”
“โอเคจ้ะหลานรักของยาย”
เจ้าหญิงตัวน้อยของบ้านรีบเดินขึ้นไปเปลี่ยนชุดชั้นบน จึงเหลือเพียงสองแม่อยู่ลูกในครัวตามลำพัง พู่กันตั้งใจจะเล่าเรื่องที่เจอมาในวันนี้ให้ผู้เป็นแม่ฟัง เผื่อว่าจะได้ระวังตัวมากขึ้น เขากลัวว่าดินแดนจะไม่หยุดอยู่แค่การเจอกันในวันนี้
“กับข้าวใกล้เสร็จหรือยังครับแม่”
“ใกล้แล้วล่ะจ้ะ มาเหนื่อย ๆ ไปนั่งพักก่อนดีกว่า”
“แม่ครับ…” เจ้าตัวเอ่ยเรียกแล้วหยุดชะงักเพื่อคิดอะไรบางอย่าง ถอนหายใจเสียงดัง บ่งบอกว่ากำลังมีเรื่องไม่สบายใจ
“ว่าไงลูก มีเรื่องอะไรไม่สบายใจงั้นเหรอ”
“วันนี้ผมเจอเขาครับ”
“เขา?” กัลยาเลิกคิ้วตั้งคำถาม พลางคิดไปด้วยว่าเขาที่ลูกชายพูดถึงคือใครกันแน่
“นายดินแดน”
“คุณพระ! เป็นไปได้ยังไงลูก คนระดับเขาจะมาเจอกับเราได้ยังไงกัน” กัลยายกมือขึ้นทาบอกเมื่อรู้ความจริง เธอเป็นห่วงความรู้สึกของลูกชายมาก เพราะรู้ดีว่าต้องเจอกับอะไรมาบ้าง ในตอนนั้นพู่กันมีอาการซึมเศร้าจนต้องเข้าพบจิตแพทย์ช่วงหนึ่ง ยังดีที่ทุกอย่างผ่านมาได้
“เขาเป็นนายแบบของงานวันนี้ครับ ผมกลัวครับแม่ กลัวว่าเขาจะมาแย่งเนเน่ไป” เขากล่าวเสียงสั่น ดวงตาคู่สวยแดงก่ำคลอเคล้าไปด้วยหยาดน้ำใส
กัลยาเดินเข้ามาสวมกอดลูกชายเพื่อให้กำลังใจ ยกมือขึ้นลูบเรือนผมอย่างช้า ๆ
“ไม่ต้องกลัวนะลูก เนเน่ไม่เคยมีพ่อตั้งแต่เกิดแล้ว เราจะช่วยกันปกป้องเนเน่ไม่ให้ใครหน้าไหนแย่งไปได้นะ อีกอย่างเขาไม่รู้นี่นาว่าลูกท้องได้ ฉะนั้นไม่ต้องกังวลอะไรทั้งนั้น มันไม่มีทางเกิดขึ้นแน่นอน”
“ผมก็ขอให้มันเป็นอย่างนั้นครับแม่”
“เสร็จแล้วค้า!!”
เสียงเด็กหญิงตะโกนดังแทรกเข้ามา ทำให้คนทั้งสองผละออกจากกันโดยเร็ว พู่กันรีบปาดน้ำตาออกจากแก้มขาวเพื่อไม่ให้ลูกสาวสงสัย
“เสร็จเร็วจังเลย สงสัยวันนี้จะหิวหนักน่าดู”
“หิวมาก ๆ เลยค่ะ” เจ้าตัวเล็กกล่าวพร้อมทั้งลูบท้องไปด้วย แสดงความน่ารักออกมาให้ผู้ใหญ่ทั้งสองมีรอยยิ้ม
“งั้นเรามาช่วยกันตั้งโต๊ะดีกว่าจ้ะ”
“เย้!!”
เนเน่เป็นเด็กน้อยที่ชอบมีส่วนร่วมทุกกิจกรรม ชอบอาสาช่วยเหลือแม่กับยายทำงานบ้านอยู่บ่อย ๆ เป็นเด็กที่สดใสร่าเริงเกินกว่าพู่กันคาดเอาไว้ เพราะเธอไม่ได้มีพ่อเหมือนเด็กคนอื่น ๆ หลังจากได้บอกกับลูกสาวว่าพ่อแท้ ๆ เสียชีวิตไปอยู่บนสวรรค์แล้ว เจ้าตัวน้อยก็ไม่เคยถามอะไรให้เขารำคาญใจอีกเลย
ตั้งโต๊ะเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทั้งสามชีวิตก็นั่งล้อมวงทานข้าวอย่างพร้อมหน้า เป็นเช่นนี้ทุกวันไม่เคยขาดหากพู่กันไม่มีงานในช่วงเย็น ส่วนกัลยานั้นเพิ่งจะเกษียณราชการมาไม่ถึงปี เธอรับราชการครูมาเกือบทั้งชีวิต เป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวมาตั้งแต่พู่กันอายุได้สิบขวบ เนื่องจากสามีที่รับราชการครูด้วยกันเกิดอุบัติจนเสียชีวิตคาที่ นั่นทำให้ภาระหน้าที่เลี้ยงดูลูกตกเป็นของเธอนับตั้งแต่นั้นมา
“อร่อยไหมเจ้าหญิงของยาย”
“อร่อยสุด ๆ เลยค่ะ กินข้าวที่ไหนก็ไม่อร่อยเท่าที่บ้าน” เด็กหญิงกล่าวแล้วตักข้าวคำใหญ่เข้าปาก เคี้ยวตุ้ย ๆ อย่างเอร็ดอร่อย
“ปากหวานซะจริง ๆ นะเราอ่ะ” เธอมองหน้าหลานสาวด้วยรอยยิ้ม จากนั้นหันไปเอ่ยกับลูกชายที่นั่งอยู่อีกฝั่ง “พรุ่งนี้วันหยุดจะพาลูกไปเที่ยวไหนล่ะ”
“ยังไม่ได้ถามเจ้าตัวเลยครับว่าอยากจะไปไหน”
“เนเน่อยากไปเที่ยวสวนสนุกค่ะ คุณแม่ไม่ได้พาไปนานแล้วนะคะ”
“จริงสินะ แม่มัวแต่ทำงานเลยไม่ได้พาหนูไปซะนานเลย ถ้างั้นพรุ่งนี้เราไปกันตั้งแต่เช้าเลยดีไหม”
“เย้!! ดีใจจังงั้นหนูชวนกีตาร์ไปด้วยได้ไหมคะ”
“จะดีเหรอลูก คุณพ่อของกีตาร์จะว่างเหรอ”
“ดีสิคะเนเน่จะได้มีเพื่อนเล่นยังไงล่ะ”
“งั้นกินข้าวเสร็จแล้วแม่จะลองโทรไปชวนละกัน แต่ถ้าคุณพ่อของกีตาร์ไม่ว่างเราก็ไปกันสามคนเนอะ”
“ไปกันสองคนเถอะแม่ขอตัวดีกว่า แม่ไม่ค่อยชอบที่คนเยอะ ๆ ลูกก็รู้”
“แต่เนเน่อยากให้คุณยายไปด้วยนี่คะ”
“คุณยายไม่ค่อยสบายน่ะลูก เราไปกันสองคนก็ได้เนอะ”
“อ้าว! คุณยายไม่สบายหรอกเหรอคะ ถ้างั้นคุณยายต้องนอนพักผ่อนให้มาก ๆ นะคะ”
“จ้ะหลานรักของยาย”
แม้ครอบครัวนี้จะไม่สมบูรณ์แบบเหมือนครอบครัวอื่น แต่กลับเต็มไปด้วยความรักและความอบอุ่น ไม่มีวินาทีไหนที่ทั้งสามจะไม่มีความสุขเลยสักครั้ง