...
วันหยุดเสาร์อาทิตย์ผ่านไปอย่างรวดเร็วเพราะกว่าเธอจะขุดตัวเองออกจากที่นอนก็ได้ครึ่งค่อนวัน สภาพร่างกายร้าวรานเหมือนคนออกรบเจอสงครามมาร่วมปีทั้งที่มันแค่สองคืน แต่เป็นสองคืนติด และยังเป็นสองคืนที่กินเวลาไปหลายชั่วโมง
เธอแบกร่างหนักอึ้งที่ผ่านการทำธุระส่วนตัวเรียบร้อยอย่างยากลำบากออกจากห้อง เจอกับตัวต้นเหตุที่เปิดประตูระเบียงใหญ่ไว้แล้วนั่งสูบบุหรี่อยู่ที่โซฟากลางห้อง และน่าหมั่นไส้ที่เขาปรายตามองเธอเล็กน้อยไม่สนใจอะไรเลย
ตุบ! มิ้งทิ้งตัวนั่งข้างกายน้ำเหนืออย่างแนบชิด เอนหัวซบไหล่แกร่งกอดร่างสูงเอาไว้ราวกับความสัมพันธ์ของเธอกับเขามันดีเหมือนคู่รักซะอย่างนั้น
“หิวข้าว” เธอบอกเขาออกมาเสียงอ่อน
“หากินเอง” น้ำเหนือแกะมือเธอออกแล้วพูดขึ้นอย่างไร้เยื่อใย
“มิ้งจะตายแล้วนะเหนือ ทำกับมิ้งขนาดนี้ดูแลกันหน่อยไม่ได้หรอ” เธอพูดอย่างน้อยใจ มองหน้าเขาอย่างไม่สบอารมณ์
“กูไม่เคยดูแลผู้หญิงที่เอาจากความเ****น” น้ำเหนือไม่หนีสายตาเธอ ย้อนกลับอย่างไม่ใส่ใจ
“ตอนเอาไม่พูดแบบนี้” เธอว่าให้เขาอย่างที่เป็น “มิ้งบอกพอแต่เหนือก็ยังอยากเอา”
“ก็เ****นไง”
“กับคนอื่นแบบนี้ไหมล่ะ!” เธอว่าขึ้นอย่างประชดประชัน
“ไม่ต่างเลยสักอย่าง”
"น้ำเหนือ!”
“หนวกหู ไปไกลๆ ไป” น้ำเหนือว่าออกมาอย่างไม่แยแส สูดบุหรี่เข้าปอดแล้วหันมาพ่นควันใส่หน้าเธออย่างจงใจแกล้ง
“ดูแลกันบ้างเหนือ ถึงยังไงมิ้งก็เป็นคู่หมั้นนะ” เธอเบือนหน้าหนีควันพวกนั้นก่อนจะหันมาพูดกับเขาอย่างเหนื่อยใจ
“หวังอะไรวะมิ้ง ก็ไม่ได้รัก ไม่ได้อยากได้ไง” เขาว่าอย่างเบื่อหน่าย “ส่วนที่เอาแค่เงี่ยน อยู่ตรงหน้า ก็เลยเอา”
“ทำไมเอาแต่พูดจาแย่ๆ ใส่กันแบบนี้วะ” มิ้งว่าอย่างเริ่มทนไม่ไหว แต่ทำไมคนเราจะมีใครสักคนที่ต้องยอมและเป็นฝ่ายตามแบบนี้ตลอด
ทั้งที่เมื่อก่อนมันเป็นฝ่ายยอมเธอแท้ๆ แต่ดูตอนนี้สิ
“ถ้าไม่อยากฟังก็กลับไปอยู่คอนโดตัวเอง หรือไม่ก็ย้ายไปนอนอีกห้อง” น้ำเหนือยังไม่แยแสเหมือนเดิม ห้องเขามีสองห้องนอน กว้างขวางสะดวกสบายมาก ถ้าเธออยากอยู่ที่นี่ก็อยู่ไป ถ้าทนไม่ไหวก็ไปนอนอีกห้อง
“เอาแบบนั้นก็ได้น้ำเหนือ ในเมื่อนายไม่ชอบให้ฉันมองนายเป็นคู่หมั้น งั้นระหว่างเราก็เป็นเรื่องของธุรกิจผู้ใหญ่ก็ได้” แม้จะรู้ดีว่าประชด แต่เธอก็จะประชดให้สุดต่อไป
ถ้าทนไม่ไหวและเขาไม่สนใจจริงๆ ก็ค่อยหาทางเรียกร้องความสนใจใหม่ แต่ถ้าสุดท้ายเขาหันกลับมาสนใจ นั่นแหละถือว่าสำเร็จ
“ตามสบาย” น้ำเหนือว่าออกมาด้วยท่าทีปกติ ทำให้มิ้งได้แต่มองหน้าเขานิ่งทั้งที่ในใจมันตัดพ้อน้อยใจอย่างมาก
สุดท้ายก็ต้องลุกไปหาอะไรรองท้องในครัว พาตัวเองกลับไปในห้องนอนย้ายเสื้อผ้าของใช้บางส่วนจากห้องนอนของเขาไปห้องข้างๆ กัน
ถ้าหวังให้เธอกลับไปอยู่คอนโดตัวเองนั้นเลิกคิดไปเลย อยู่ใกล้กันแบบนี้แหละถึงจะมีผลต่อจิตใจและความรู้สึกบ้าง คนที่มันยังไม่มีใจแล้วแยกกันอยู่ นั่นเรียกว่าเปิดทางให้อีกฝ่ายอย่างเสียโอกาสตัวเองที่สุด
ส่วนน้ำเหนือก็ได้แต่มองคนย้ายของโดยไม่ได้พูดอะไร ปล่อยให้เธอทำทุกอย่างต่อไปอย่างไม่ให้อะไรมาส่งผลกระทบต่อเขาแม้แต่น้อย
แล้วมาดูกันว่าสุดท้ายใครจะทนกับความสัมพันธ์แบบนี้ไม่ไหวก่อนกัน
.
ชีวิตในมหาลัยก็เหมือนทุกๆ วันที่ไม่ได้มีอะไรน่าตื่นเต้นหรือแปลกใหม่เลย และมันยิ่งน่าเบื่อที่ผ่านมาหนึ่งอาทิตย์แล้วที่น้ำเหนือปล่อยให้เธอนอนอีกห้องอย่างไม่คิดเข้าหาวอแวกับเธอ ในแต่ละวันกว่าเราจะได้เจอกันมันยากมาก เรียนไม่ตรงกัน เลิกไม่ตรงกัน แล้วเขายังมีที่ไปที่อยู่อย่างคลับนั่นอีก ยิ่งทำให้เธอเสียโอกาสมากมายที่จะกระตุ้นเขา
“คืนนี้เอาไง” พราวถามขึ้นหลังจากนั่งมองหน้าเพื่อนที่ดูจะเซ็งและเบื่อโลกมาก
“ไปสิ รออะไร” มิ้งตอบ
“ชวนไหม” พราวถามต่อ
“ชวน” มิ้งตอบอย่างไม่เสียเวลาคิด “ให้ไปรับกูด้วย”
“เค งั้นเจอกันเวลาเดิม”
“ไม่แหกใช่ไหม” มีนาถามอย่างเป็นห่วงกลัวว่าเพื่อนจะทำให้อีกคนหัวร้อนจนบอบช้ำเหมือนต้นอาทิตย์ที่พวกเธอเห็นสภาพ
“กลัวหรอ” มิ้งพูดขึ้นต่างกับเวลาจริง “อีกอย่างกล้าก็ลองดู”
แต่ก็เห็นเขากล้ามาตลอด ไม่รู้ครั้งนี้จะคิดหรือรู้สึกยังไง
“อย่าไปกลัวหญิง มันกล้าเมินเรา เราก็ทำเมินมันคืน” พราวยุยงเพื่อนอย่างเห็นดีเห็นงาม
หลังจากนั่งคุยกันต่ออีกหน่อยทุกคนก็พากันแยกย้าย มิ้งกลับคอนโดของน้ำเหนือเหมือนทุกวัน กลับไปไม่เจอกับเจ้าของห้องเหมือนทุกรอบ
“ให้มันได้แบบนี้สิ” จากประชดเขากลายเป็นอยู่ไม่สุขเอง จากหวังว่าเขาจะดีดดิ้นบ้างกลับไม่เห็นทุกข์ร้อนใดๆ “ไอ้บ้าเอ้ย!”
ทีตอนเอาบอกให้พอไม่เคยฟัง แล้วทำไมแบบนี้ถึงไม่สนใจได้ ไม่อยากยุ่งไม่อยากได้ไม่อยากใกล้อีกหรือไง ไอ้ตัวบ้าคลั่งเวลาอยู่บนเตียงหายไปไหนกันนะ
“เดี๋ยวแม่จะทำให้น้ำตาเช็ดหัวเข่าซ้ำสองเลย!” เธอสบถว่าออกมาอย่างหัวเสีย ปรับอารมณ์ของตัวเองก่อนจะไปนั่งกินข้าวที่สั่งมาก่อนหน้านี้คนเดียว
พอกินอิ่มก็ทิ้งตัวนั่งโซฟารอย่อยสักพัก นั่งไถโทรศัพท์ไปส่องหน้าฟีดของคู่หมั้นเฮงซวย จากที่หัวร้อนอยู่แล้วกลับหัวร้อนหนักกว่าเดิมเมื่อเจอแท็กจากผู้หญิงคนหนึ่งพร้อมกับรูปคู่
“ไอ้เวรน้ำเหนือ!” ก็ว่าทำไมหายหัวไม่เข้าหาเธอ ที่แท้ไปดูคลับก็ปล่อยน้ำที่นั่นเป็นสันดานเดิมไม่เปลี่ยน
ไม่เคยคิดจะไว้หน้าเธอเลยสักครั้งจริงๆ สินะ
ยังไม่กลับมารักกันใหม่ไม่ว่า แต่เรื่องผู้หญิงคิดได้ด้วยตัวเองไม่ได้จริงๆ หรือไงกัน
“มึงมีกูก็จะมีไอ้บ้าเหนือ!” พูดจบก็ดีดตัวลุกเข้าห้องน้ำไปหาเสื้อผ้าสำหรับคืนนี้
Friend Club
เมื่อถึงเวลานัดหมายที่คุยกันไว้ตอนนี้ทุกคนก็รวมตัวกันที่คลับของน้ำเหนือและเพื่อนๆ ของเขาตามที่คุยไว้ และอีกอย่างตามที่ตกลงคือมิ้งไม่ได้ขับรถมาด้วยตัวเอง เธอมาพร้อมกับชายหนุ่มอีกคนที่เคยคุยกันมาช่วงหนึ่งก่อนจะหมั้นกับน้ำเหนือ
คนที่จะบอกว่าน่าคุยและน่าคบหาระยะยาวที่สุดที่เคยคุยมาก็ว่าได้(ไม่นับรวมน้ำเหนือ) และมันยิ่งดีมากกว่านั้นเมื่ออีกฝ่ายเป็นเพื่อนแถวบ้านของพราวอยู่แล้ว ทำให้พวกเรายิ่งสนิทกันเหมือนเพื่อนต่างเพศได้อย่างง่ายดาย
วันนี้มิ้งตั้งใจแต่งเต็มกว่าปกติที่เธอก็แต่งตัวเซ็กซี่เป็นความชอบอยู่แล้ว เดรสสีดำความยาวเหนือเข่าที่ควรจะดูเรียบร้อยกลับไม่มีค่าเลยเมื่อด้านหน้ามันผ่าเว้าสูงขึ้นมาจนเกือบถึงไหนต่อไหน ยิ่งช่วงบนที่ด้านหลังติดเป็นชุดเดียวกันก็จริง แต่ด้านหน้ากลับเว้าเปิดท้องแบนราบขาวเนียน ปกปิดช่วงอกเหมือนกับเกาะอกดีๆ เลย แต่ถึงอย่างนั้นก็ให้ความสบายใจได้เมื่อชุดเป็นแบบคล้องคอ ไม่ตกหล่นง่ายๆ ให้กังวลได้
“จ้า เปรี้ยวกว่านี้ก็มะนาวแล้วจ้าแม่!” พราวว่าให้เพื่อนทันทีที่มิ้งถึงโต๊ะ
“ภูบอกว่าสวย ก็เท่ากับสวย” มิ้งไหวไหล่ตอบเพื่อนโดยดึงชายหนุ่มข้างกายเข้ามาร่วมบทสนทนา
“มิ้งใส่อะไรก็สวย” ภูพูดขึ้นตามที่รู้สึก ไม่ได้ประจบประแจงอะไรเลยสักนิด
“อ้วกค่ะ เป็นเพื่อนยังขนาดนี้ ถ้าเป็นแฟนกันไม่อวยจนลอยออกดาวอังคารเลยหรอ!” มีนาว่าให้อีกคน
“ถ้าได้ลอยไปกับมิ้งก็ยอม” ภูยังคงหยอกล้อแบบไม่เขินอาย
“พร้อมล่มหัวจมท้ายกับเราหรอ” มิ้งที่นั่งไขว่ห้างตั้งแต่แรกชันแขนท้าวคางบนตักเอียงหน้าเข้าหาภูแล้วถามออกมาด้วยรอยยิ้มแสนเย้ายวน
“เราจะประคองเรือให้ดีไม่ให้ล่มเลยล่ะ”
“ร่วมแสดงความยินดีกับบ่าวสาวค่า!”