เขาเพียงเหลือบตามองเธอแค่ครั้งเดียว ก่อนจะหันกลับไปมองผืนน้ำ สายตาคมดุคู่นั้น ไม่มีแววหื่นกระหายเหมือนคนอื่น ท่าทางนั่งนิ่งเงียบเฉย ไม่พูดจาข่มขู่ให้เธอหวาดกลัว ทำให้อัญญาเลือกจะกระเถิบเข้าไปใกล้ และแอบมองด้วยความสนใจ บางทีเขาอาจจะช่วยเธอได้...
ขณะที่เขากำลังหมุนตัวจะเดินออกไปจากห้อง อัญญาก็รีบกระโดดเข้าไปจับลำแขนแกร่งไว้แน่น จากการประเมินท่าทางของเขาตั้งแต่อยู่บนเรือ ดูไม่มุ่งร้ายกับร่างกายเธอ จึงทำให้หญิงสาวรวบรวมความกล้าเอ่ยขอความช่วยเหลืออีกครั้ง
“นายดูน่าไว้ใจมากกว่าพวกนั้น...คงไม่ได้คิดจะทำอะไรฉัน...ใช่มั้ย?” อย่างน้อยผู้ชายคนนี้ก็เป็นคนเดียวที่เธอน่าจะพอพูดคุยได้
“โจรก็คือโจร ไม่มีใครแตกต่างกัน”
“นาย..เอ่อ...ถ้าอย่างนั้นนายต้องการค่าจ้างเท่าไหร่ ว่ามาเลย ถ้าช่วยพาฉันหนีออกไปจากที่นี่ได้ ฉันยอมจ่ายตามที่นายต้องการ”
“ไม่!” ท่าทางของเขาดูนิ่งเฉย ไม่สนใจข้อเสนอที่เธอยื่นให้แม้แต่น้อย
“ขอร้องล่ะ นายต้องการเงินเท่าไหร่ว่ามา ฉันจะให้นายหมดเลย”
“ฉันทำตามคำสั่งเจ้านาย ไม่รับคำสั่งคนอื่น” เขาแกะมือเธอออก แต่อัญญาไม่ยอม กลับใช้มือสองข้างรวบแขนเขาไว้แน่น
“ฉันไม่รู้เรื่องอะไรเลยนะ เจ้านายของนายเป็นใครฉันก็ไม่รู้จัก แล้วถูกจับมาทำไมก็ไม่รู้ ขอร้องล่ะ นายเป็นคนเดียวที่ดูน่าไว้ใจ...เอ่อ..คงไม่คิดข่มขืนฉัน ถ้ารับปากว่าจะช่วย สัญญาเลยจะหาเงินมาให้ตามจำนวนที่นายต้องการทุกบาท ไม่เบี้ยวแน่นอน ช่วยฉันหน่อยนะ” เธอเขย่าแขนเขาหลายครั้ง เพื่อให้อีกฝ่ายที่ยังยืนนิ่งอยู่ ตัดสินใจใหม่
“...”
“ฉันกลัวพวกมันทำร้าย นายก็ได้ยินนี่นาว่าพวกมันพูดทำนอง เหมือนจะข่มขืนฉัน แล้วจะให้มานั่งรอความตายแบบนี้ได้ยังไง นายช่วยฉันหน่อยได้มั้ย ถือว่าเห็นใจลูกผู้หญิงคนหนึ่ง นายก็มีแม่ มีน้องสาวเหมือนฉัน นายไม่สงสารเหรอ ถ้ามีคนจะทำร้ายน้องสาวนาย”
“ฉันไม่มีน้องสาว อีกอย่างที่นี่ไม่มีใครกล้าทำอะไรเธอถ้าเจ้านายไม่สั่ง” เขาพูดออกมาน้ำเสียงเรียบสนิท
“แล้วถ้าพวกนั้นทำล่ะ”
“ไม่มีทาง”
“แล้ว...ถ้าเจ้านายมันสั่งล่ะ”
“...”
“ฮื่อ ... ฮื่อ...ฉันกลัว ฉันไม่อยากอยู่ที่นี่ นายต้องช่วยฉันสิ” อัญญาน้ำตาร่วงพรู ด้วยความกลัวจับใจ ส่งสายตาอ้อนวอนขอความช่วยเหลือ เธอเชื่อสัญชาตญาณของตัวเองว่าเขาเก่งพอจะพาเธอหนีไปได้ แต่
“ฉันหมดหน้าที่แล้ว” พูดเสร็จเขาก็แกะมือเธอออกจากลำแขนแกร่ง แล้วเดินหันหลังจากไป ปล่อยให้หญิงสาวทรุดตัวลงนั่งร้องไห้อยู่คนเดียว ด้วยความหวาดกลัว และสิ้นหวัง
ไม่อยากเชื่อว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นกับตัวเอง อัญญาไม่รู้ว่าพวกมันจับตัวเธอมาเพื่ออะไร หรือจะเป็นการเรียกค่าไถ่ แล้วจะทำยังไงดี ถึงแม้ฐานะทางบ้านของเธอจะเข้าขั้นร่ำรวย ครอบครัวทำธุรกิจผลิตและจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ของตกแต่งบ้าน แต่นั่นก็เป็นมรดกของครอบครัวที่สืบทอดกันมาหลายรุ่น
ช่วงสองถึงสามปีมานี้ผลประกอบกิจการดีขึ้นมาก มีเงินไหลเวียนเข้ามาตลอด พ่อของเธอจึงคิดจะขยายสาขา แต่ยังไม่ทันไรก็ต้องมาซวยเพราะเธอถูกจับตัวมาแบบนี้ แล้วทำไมพวกมันต้องเลือกเธอ ในเมื่อเพื่อนที่มาด้วยกันบางคนเข้าขั้นลูกมหาเศรษฐี มันก็ไม่เลือก ดันมาเลือกเธอซะได้ หรือพวกมันไม่สนใจ แค่ใครก็ได้
อัญญานั่งเหม่อลอยอยู่อย่างนั้น พร้อมกับนึกเสียใจ ทำไมเธอถึงซวยแบบนี้ แค่ต้องการมาเลี้ยงฉลองเรียนจบ จึงชวนเพื่อน ๆ มาพักที่โรงแรมและร่วมกันจัดปาร์ตี้ริมทะเล เมื่อคืนพวกเธอทั้งกินทั้งร้องทั้งเต้นกันอย่างสนุกสนาน และมีความสุข และยังพูดคุยแชร์เรื่องอนาคตกับเพื่อน ๆ บางคนก็จะหางานทำ บางคนก็มีแผนจะไปเรียนต่อ ส่วนเธอก็มีแผนจะไปเรียนต่อที่ต่างประเทศเหมือนกัน
เมื่อเช้านี้ ก่อนเดินทางกลับ เพื่อน ๆ ชวนกันไปช้อปปิ้งซื้อของฝาก เธอก็ร่วมขบวนไปด้วย ขณะที่กำลังเลือกของจู่ ๆ ก็มีคนมาชนด้านหลังเธอ อัญญาจึงหันกลับไปมอง แล้วก็ต้องตกใจเมื่อรู้สึกเจ็บจี๊ดตรงต้นแขน หลังจากนั้นเธอก็สะลึมสะลือ แทบไม่รู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่ รู้สึกตัวอีกทีก็มานั่งอยู่ในเรือกับคนพวกนั้นแล้ว
อัญญาร้องไห้ออกมาอีก ร้องอยู่แบบนั้นไม่ยอมขยับตัวไปไหน ไม่สนใจข้าวกล่องกับน้ำที่วางอยู่บนโต๊ะ ป่านนี้กุลจิรากับเพื่อนๆ จะรู้หรือยังว่าเธอหายตัวไป ทุกคนคงเป็นห่วง
“เรียบร้อยแล้วใช่มั้ย”
น้ำเสียงแหบแห้งดังมาจากชายหนุ่มร่างผอมสูง ที่กำลังยืนหันหน้ามองไปยังทิศทางของท้องทะเล จ้องมองผิวน้ำระยิบระยับเปล่งประกายยามต้องกับแสงแดดตอนเย็น
“ครับนาย”
“ดีมาก” มุมปากยกยิ้มขึ้น ก่อนจะเปล่งเสียงหัวเราะออกมาด้วยความสะใจ
ชายร่างผอมหันหน้ากลับมา ใบหน้าตอบ ดวงตาลึก จมูกโด่งเป็นสัน ปลายจมูกงองุ้มดุจพญาเหยี่ยว สายตาเหี้ยมเกรียม กวาดตามองลูกน้องทุกคนที่ยืนเรียงรายในห้อง แค่เพียงเขามองผ่าน ลูกน้องต่างก้มหน้า ไม่มีใครอาจหาญสู้สายตาของเจ้านายได้ ยกเว้นลูกน้องคนสนิทสองคน
พลทัต คนที่มีเบื้องหลังไม่ธรรดา เจ้าของธุรกิจสถานบันเทิงหลายแห่ง สถานบริการอาบอบนวด และคาราโอเกะ เขาคือมหาเศรษฐีอันดับต้นของประเทศ ธุรกิจเหล่านั้นล้วนเป็นฉากบังหน้า สิ่งที่สร้างเม็ดเงินให้เขาเป็นกอบเป็นกำจริง ๆ คือธุรกิจใต้ดินบ่อนการพนัน ค้าอาวุธสงคราม ยาเสพติด ค้าประเวณี
เคยถูกออกหมายจับหลายครั้ง แต่ก็หลุดออกมาได้ทุกครั้ง เพราะหลักฐานไม่เพียงพอ รวมทั้งมีผู้ใหญ่คอยหนุนหลัง แม้แต่หน่วยงานตำรวจก็ไม่สามารถแตะต้องได้ ในเมื่อกฎหมายไม่สามารถทำอะไรเขาได้ ก็ยิ่งทำให้พลทัตแผ่ขยายอิทธิพลมากขึ้น
เกาะนี้เป็นที่กบดานของเขา คฤหาสน์หลังใหญ่สีขาวถูกสร้างขึ้นโดยสถาปนิกต่างประเทศ มีการวางระบบป้องกันภัยไว้อย่างแน่นหนาด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย รวมทั้งสร้างห้องลับใต้ดิน สถานที่แห่งนี้จึงยากจะมีใครรุกล้ำเข้าไปได้
“ทุกคนออกไป ยกเว้นไอ้แก้ว กับไอ้วิทย์”
“ครับนาย”