บทที่ 1 ลักพาตัว
เรือสปีดโบ๊ทแล่นมาด้วยความเร็วสูง แล้วค่อย ๆ ชะลอลดความเร็วลง เมื่อเข้าเขตบริเวณหน้าเกาะ ก่อนจะลอยลำเข้าไปจอดเทียบท่าน้ำ ด้านหน้าคฤหาสน์สีขาวที่ตั้งเด่นตระหง่านมองเห็นแต่ไกล ด้านหน้าเป็นหาดทรายสีขาวสะอาดสวยงามทอดยาวไปตลอดแนว ส่วนบริเวณด้านหลัง ล้อมรอบด้วยต้นไม้สีเขียวตัดกับ สีฟ้าน้ำทะเล ทำให้ดูเด่นและสวยงาม
ชายฉกรรจ์หลายคนต่างทยอยกระโดดลงจากเรือสปีดโบ๊ท ที่จอดนิ่งตรงท่าเทียบเรือ พร้อมอาวุธปืนครบมือ เดินลุยน้ำทะเลขึ้นเกาะ โดยมีหญิงสาวเพียงหนึ่งเดียวที่เดินมากับพวกมัน อัญญาถูกจับมัดมือไพล่หลัง ผ้าปิดปากไม่สามารถส่งเสียงใด ๆ ได้ มีเพียงสายตากรอกมองรอบด้านด้วยความตื่นกลัว
เกาะแห่งนี้อยู่ห่างจากฝั่งพอสมควร มันคือพื้นที่ส่วนตัวของผู้มีอิทธิพล ผู้คนในจังหวัดนี้ต่างรู้ดี และไม่มีใครกล้าเข้าใกล้
เคยมีคนแอบลักลอบขึ้นไปบนเกาะ แล้วก็หายสาปสูญไปอย่างไร้ร่องรอย บางคนก็เป็นพวกล่าสมบัติแอบขึ้นไปขโมยของมีค่าบนเกาะ บางคนก็เป็นพวกอยากลองดี แต่แค่ลอยเรือเข้าไปใกล้อาณาเขต ก็ถูกกระสุนปริศนายิงเข้าใส่ ต้องหนีตายเอาชีวิตรอด หลังจากนั้นมาก็ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้เกาะแห่งนี้อีก
ชายฉกรรจ์ร่างสูงใหญ่หิ้วปีกอัญญา ลากให้เดินขึ้นไปบนเกาะ เธอพยายามดิ้นรนขัดขืนด้วยเรี่ยวแรงอันน้อยนิด ถึงไม่สามารถต่อต้านได้ แต่ก็สร้างความรำคาญให้ จนชายคนนั้นหันกลับมามอง
สายตาเข้มดุ ใบหน้าที่เต็มไปด้วยหนวดเครารกครึ้ม ดูนิ่งสีหน้าราบเรียบ ยามจับจ้องมองมา ไม่มีแววอำมหิต หรือหื่นกระหาย น่ากลัวเหมือนคนอื่น ทำให้เธอชะงัก ก่อนจะส่งสายตาอ้อนวอน ขอความช่วยเหลือไปให้ แต่เขาก็เมินไป เหมือนมองไม่เห็นความต้องการของเธอ
“เอาตัวนังนี่ไปขังไว้ที่บ้านหลังเล็ก ส่วนพวกมึงที่เหลือก็แยกย้ายกันไปพักได้” เสียงตะโกนสั่งการมาจากคนที่เดินอยู่ด้านหน้าสุด
จากนั้นคนที่สั่งการ ก็เดินตรงปรี่ไปยังบ้านหลังใหญ่ที่ตั้งอยู่บนเนินเขาย่อม ๆ อัญญาพยายามมองหาเส้นทางหลบหนี แต่ก็แทบหมดหวัง เพราะที่นี่เป็นเกาะ ต่อให้หนีพวกมันได้ แล้วเธอจะกลับเข้าฝั่งได้อย่างไร ทางรอดเดียวคือต้องหาคนช่วยเหลือ
สายตาเหลือบมองผู้ชายสองคน ที่กำลังเดินประกบอยู่ทางด้านหลังของเธอ หน้าตาดุดัน ดูไม่น่าไว้ใจ ส่วนคนที่จับแขนเธอลากให้เดินตาม อัญญาพยายามส่งเสียงอู้อี้ขอความช่วยเหลือ แต่เขาก็ไม่มีทีท่าว่าจะหันกลับมามองเธอด้วยซ้ำ
หญิงสาวถูกผลักเข้าไปในห้องสี่เหลี่ยมแคบ ๆ ก่อนชายหน้าหนวดเคราครึ้มจะยื่นมือมาดึงผ้าปิดปากเธอออก และเดินอ้อมไปด้านหลัง แก้มัดเชือกที่ข้อมือให้
“นาย...พวกนายจับฉันมาทำไม?”
“....”
เขาไม่สนใจตอบคำถามเธอแม้แต่น้อย ใบหน้านิ่ง เงียบไม่โต้ตอบ เหมือนไม่ได้ยินที่เธอพูด ส่วนพวกมันอีกสองคนก็ยืนคุมอยู่หน้าประตู
“พวกนายจับฉันมา...เรียกค่าไถ่ใช่มั้ย?” อัญญาพยายามถามออกไปด้วยน้ำเสียงสั่นเครือเล็กน้อย
เขาเงยหน้าขึ้นสบตาเธอ สายตาคมดุคู่นั้น ดูแข็งกร้าว และมีพลังจนทำให้เธอชะงัก ไม่กล้าขยับเขยื้อนตัว แล้วเสียงทุ้มกังวานก็พูดขึ้นมาครั้งแรก
“ไม่ใช่หน้าที่ของฉันต้องตอบ”
“แล้วเมื่อไหร่ฉัน....” อัญญารวบรวมความกล้าถามขึ้นอีก
แต่ผู้ชายคนนั้นกลับหันหลังให้ แล้วเดินออกไปพร้อมกับพรรคพวกของเขา โดยไม่สนใจฟังเธอ ได้ยินเสียงโซ่คล้องประตูและปิดล็อคกุญแจหน้าห้อง แค่นั้นความหวังที่จะหาทางหลบหนีของ หญิงสาวก็หมดลง
อัญญาเดินกลับไปกลับมา พลางใช้ความคิด พยายามคาดเดาว่าพวกมันจับเธอมาทำไม เรียกค่าไถ่ จะฆ่าทิ้ง หรือจะเอาไปขาย แล้วทำไมต้องใช้คนนับสิบคุมตัวเธอมาคนเดียว ราวกับบุคคลสำคัญ ถึงไม่รู้ชัดว่าพวกมันคิดจะทำอะไรกับเธอ แต่รู้ว่าคงไม่ใช่เรื่องดีแน่
ไม่!...เธอจะมาตายบนเกาะนี้ไม่ได้ ยังมีหลายอย่างที่อยากทำแต่ยังไม่ได้ทำ แล้วแม่เธออีก ถ้าไม่มีเธอแม่จะเป็นยังไง อัญญากวาดตามองรอบห้อง มองหาทางเอาตัวรอดอีครั้ง
คราวนี้เธอเดินสำรวจจนรอบห้อง แต่ไม่มีตรงไหนให้หลบหนีออกไปได้ เพราะทั้งประตูและหน้าต่างติดเหล็กดัด หลังคาก็เป็นฝ้าปิดทึบ
หญิงสาวเดินกลับมานั่งลงบนเตียง แล้วถอนหายใจออกมาแรง ๆ อย่างหมดหวัง สายตากวาดมองสำรวจจนทั่ว ก็ไม่พบช่องทางที่จะใช้หลบหนี ทั้งห้องเห็นเพียงโต๊ะไม้เก่า ๆ หนึ่งตัว กับเตียงนอนที่เธอนั่งอยู่ ห้องน้ำก็ปิดทึบ มองไม่เห็นทางเลยจริง ๆ
ความหวาดกลัว ความสิ้นหวังบีบคั้นหัวใจหญิงสาว จนน้ำตาคลอเต็มหน่วย ก่อนจะค่อย ๆ ไหลลงมาเป็นทาง สองมือยกขึ้นปิดหน้าแล้วเธอก็ร้องไห้ออกมาอย่างขวัญเสีย สะอื้นไห้จนตัวโยน รู้ตัวแล้วว่าเธอไม่มีทางหนีรอดออกไปจากที่นี่ได้
แล้วอัญญาก็ต้องสะดุ้งจนสุดตัว เมื่อจู่ ๆ ประตูห้องถูกผลักเข้ามา ชายหน้าหนวดเคราครึ้มคนเดิม เดินถือข้าวกล่องพร้อมน้ำเปล่าไปวางบนโต๊ะ ก่อนจะหมุนตัวกลับ เดินออกไปจากห้อง โดยไม่พูดอะไร
“นาย..” หญิงสาวร้องตามเสียงหลง จนทำให้เขาชะงักเท้า แต่ไม่หันกลับมามอง
“น้ำกับข้าว วางอยู่บนโต๊ะ อย่าโยนทิ้งเพราะมันมีแค่นั้น” เขาเตือนหญิงสาว
“ฉันไม่ต้องการ ฉันอยากออกไปจากที่นี่”
“กินข้าวให้อิ่มมีแรงดีกว่า อย่าทำอะไรให้ตัวเองลำบากฉันเตือนได้แค่นี้”
“นายไม่เหมือนคนพวกนั้น”
ตั้งแต่อยู่บนเรือพวกมันทุกคนต่างหันมาจ้อง และใช้สายตาโลมเลียมองสำรวจเธอทั่วร่าง ด้วยแววตาหื่นกระหาย พร้อมพูดจาตอบโต้กันไปมา ข่มขู่ให้เธอหวาดกลัว
อัญญาพยายามกระเถิบตัวหนี ทั้งหวาดกลัว และขยะแขยงสายตาพวกมันที่รุมทึ้งจับจ้อง ราวกับกำลังปลดเปลื้องเสื้อผ้าเธอออกจนขยับไปชนกับผู้ชายคนหนึ่ง เธอรีบเงยหน้าขึ้นมอง ก็ต้องตกใจจนหน้าซีด เมื่อใบหน้ารกครึ้มเต็มไปด้วยหนวดเครา อยู่ห่างเธอไม่ถึงช่วงแขน ร่างกายใหญ่โตที่แนบชิดกับแผ่นหลังของเธอ ข่มอัญญาให้ตัวเล็กลงไปอีกหลายเท่า