บทที่2/50

2040 Words
  อีกมุมหนึ่งของเมืองหลวงแห่งฉงชิ่ง ...จวนสกุลไป๋... เรือนหิมะซึ่งเป็นเรือนพักของคุณหนูใหญ่หรือนามเต็มว่า'ไป๋หมิงจู'ดรุณีน้อยวัยสิบเจ็ดหนาวบุตรคนโตของหน้าหมอหลวงคนปัจจุบัน'ไป๋เลี่ยงซู'กับอดีตฮูหยินใหญ่จิ่นหลันฮวาซึ่งเสียชีวิตไปตั้งแต่แรกคลอดบุตรสาวตัวน้อยไปเพียงหนึ่งวันหรือก็คือตัวของไป๋หมิงจู นับแต่นั้นจวนสกุลไป๋อันเก่าแก่คู่แผ่นดินฉงชิ่งแห่งนี้ก็ร้างไร้ฮูหยินเอก มาทบเท่ากับอายุของเจ้าของเรือนหิมะหลังนี้นับได้นับรวมก็เข้าสู่สิบเจ็ดหน้าหนาวเต็มเข้าไปแล้วนั่นเอง "นายท่านผู้เฒ่าคุณหนูใหญ่รู้สึกตัวแล้วเจ้าค่ะ" หืม... เสียงใครกัน ดวงตาเรียวเปิดขึ้นช้าๆ เพราะเสียงแตกตื่นรอบกายนี้คือ? ... "เจ้าเด็กดื้อฟื้นเสียทีปู่นั้นหัวใจจะหยุดเต้นเพราะความเล่นมิรู้ความของเจ้าแล้วรู้บ้างหรือไม่อาหมิง" ภาพของบุรุษวัยราวปลายหกค่อยๆ ปรากฏให้เห็นแจ่มชัดขึ้นในสายตาของเฉินเสี่ยวถาน ก่อนที่สติอันคงมั่นติดกายคุณหมอสาวอยู่เสมอจะค่อยๆ คืนกลับมาทีละน้อย ภาพสุดท้ายหวนคืนปะติดปะต่อคล้ายจิกซอว์ถูกจัดวางเข้าตำแหน่งจนสมบูรณ์เพียงไม่กี่วินาที ...เธอตายแล้ว! ... เช่นนั้นตอนนี้มันคืออะไรกันเล่า? เฉินเสี่ยวถานกะพริบดวงตาถี่ๆ อยู่หลายครั้ง ทว่าภาพตรงหน้ากลับมิได้เลือนหายตรงกันข้ามกลับแจ่มชัดอย่างไม่น่าเชื่อ! ... แล้วจู่ๆ ภาพหลากหลายคล้ายกับว่าจะโถมทับพุ่งเข้าใส่หัวสมองของคุณหมอสาวดังกับว่าตนเองกำลังนั่งชมภาพยนตร์อยู่ก็มิปาน เริ่มจากเด็กหญิงน้อยแก้มกลมสีดังลูกท้อค่อยๆ เติบโตมาเป็นดรุณีวัยแรกสาวจวบจนมาถึงยามนี้ ภายในหัวร้องบอกกับคุณหมอสาวว่าทั้งสิ้นที่ได้เห็นล้วนเป็นความทรงจำของร่างนี้โดยแท้... ให้ตายอีกครั้งเถิดบ้าบอสิ้นดี ยัยหนูคนนี้ช่างเสียสติดีแท้ เพราะความหลงใหลในพิษตั้งแต่เด็ก ไป๋หมิงจูจึงทุ่มเทกายใจทั้งสิ้น ขนาดที่ว่าแทบทุกครั้งที่นางค้นพบพิษตัวใหญ่ก็จะทดสอบทั้งพิษและยาแก้พิษกับตนเองสุดท้ายจึงต้องจบชีพลงด้วยพิษที่ตนเองรักในวัยเพิ่งก้าวเข้าสิบเจ็ดหนาวเพียงเท่านั้น! และนั่นคือที่มาว่าทำไมตนเองจึงหลุดมาถือกำเนิดใหม่อีกครั้งในกายน้อยนี้อีกครั้ง แต่มันออกจะเหลือเชื่อเกินไปสำหรับผู้ที่ตลอดชีวิตอยู่กับสิ่งที่ต้องมีที่มาที่ไปและต้องมีเหตุมีผลรองรับอยู่เสมอเกินไปหรือไม่? ตลอดมาคนเช่นคุณหมอเฉินเสี่ยวถานไม่เคยอ่านนวนิยายหรือแม้แต่เคยดูชมละครต่างๆ เพราะเธอคิดว่ามันไร้สาระและสิ้นเปลืองเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์ทั้งชีวิตยี่สิบสามปีหลังจำความได้หรือกล่าวได้ว่าพอเธอรู้ว่าตนเองชมชอบในสายอาชีพหมอทั้งหมดทั้งสิ้นหญิงสาวก็ทุ่มเทมันลงไปกับความฝันนี้ ไม่เคยสนใจสิ่งใดอีกเลย ดังนั้นครั้งนี้ความกังขาจึงมากมียิ่งนัก ...ทำไมจึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้กันนะ? ... ช่างยากเกินไปที่จะเชื่อถือ แต่ทุกสิ่งที่มองเห็นและรับรู้ได้ตรงหน้าก็ช่างยากเย็นที่จะไม่ยอมรับว่าล้วนเกิดขึ้นมาจริงแท้ทั้งสิ้น “เจ้าเด็กดื้อรู้สึกเป็นเช่นไรบ้าง ยังลุกไหวอยู่หรือไม่ นี่ใกล้เวลาที่ต้องขึ้นเกี้ยวเจ้าสาวตกแต่งเข้าสกุลเซียวแล้วนะ” ชายชราลูบศีรษะเล็กอย่างเป็นห่วงมากมาย ดะ...เดี๋ยวนะ!? ... ...ขึ้นเกี้ยวเจ้าสาว? ... ...ตกแต่งเข้าสกุลเซียว.... คนซึ่งยังสับสนมึนงงจากที่เพิ่งจะปิดเปลือกตารวบรวมสติถึงกับเร่งใช้พลังทั้งหมดที่มีกระชากหนังตาเบิกโพลงโดยทันที ร่างนี้เพิ่งจะพ้นสิบหกหนาวก้าวเข้าสู่หนาวที่สิบเจ็ดมิใช่หรอกหรือ? “อะไรนะ!?” หาใช่เพียงหนังตาแม้แต่กายเล็กก็พลันกระเด้งขึ้นจากตั่งเตียงเร็วเสียยิ่งกว่าตอนที่เธอยังเป็นแพทย์เวรอยู่ในห้องฉุกเฉินแล้วมีคนไข้อาการสาหัสต้องรีบช่วยกู้ชีพเสียอีก “เจ้าเด็กดื้อของปู่เพียงเจอพิษเจ็ดราตรีดับถึงกับหลงลืมวันวิวาห์พระราชทานไปเลยเชียวหรือ” ชายชรากลับมองเห็นเป็นเรื่องขบขัน ยามแรกที่พบสายตานี้เข้าเฉินเสี่ยวถานหรือในยามนี้ก็คือคุณหนูใหญ่ไป๋หมิงจูก็งุนงงนิ่งค้างไปชั่วขณะเพราะทั้งที่เห็นชัดว่าร่างนี้นั้นได้สิ้นใจไปแล้วโดยแท้แต่ผู้เฒ่าตรงหน้ากลับมิได้แตกตื่น ทว่าเพียงเสี้ยวนาทีไป๋หมิงจูคนใหม่ก็พบเจอความทรงจำเดิมที่ว่าร่างเล็กนี้เริ่มหัดทดลองพิษกับกายตนมาตั้งแต่มีวัยเพียง6หนาวโดยมีอาจารย์ที่ดีเป็น ‘ท่านปู่’ หรือก็คือท่านหมอหลวงไป๋รุ่นที่เก้าซึ่งกำลังจ้องมองตนอยู่ด้วยสายตาขบขันเป็นอย่างยิ่ง!!! ให้ตายสิ... ...ไม่... เธอเพิ่งจะตายแล้วฟื้นนี่นา... สุดดท้ายกายเล็กซึ่งนั่งมึนงงต้องปัดทิ้งเรื่องอื่นไปก่อนแล้วหมายมุ่งค้นหาว่าเด็กสาวเพิ่งก้าวพ้นวัยสิบเจ็ดหนาวผู้นี้ไยจึงกำลังจะขึ้นเกี้ยวเจ้าสาวไปเสียได้ แล้วภาพเมื่อแปดวันก่อนก็ค่อยๆ หลั่งไหล... ...เมื่อแปดวันก่อน... วังหลวงแห่งฉงชิ่งบังเกิดความวายวุ่นด้วยองค์ไทเฮา ต้องพิษร้ายเจ็ดราตรีดับ ซึ่งมาจากดินแดนทะเลทรายอันไกลโพ้นหากกลืนกินเข้าไปเพียงเจ็ดครั้งที่ดวงอาทิตย์ลาลับขอบฟ้าชีพของคนผู้นั้นเกรงว่าต้องหวนคืนสรวงสวรรค์มิอาจเรียกคืน แต่เพราะพิษดังกล่าวมาจากต่างดินแดนแถมยังไกลเสียยิ่งนัก จึงยากจะหาหมอมารักษาได้ ผ่านไปถึงห้าราตรีกาลก็มิอาจพบพานหมอเทวดาได้ และในเวลาที่ทุกคนล้วนอับจนหนทาง อดีตหมอหลวงซึ่งปลดตนเองหลบเร้นอยู่เพียงหลังเขาห่างไกลผู้คนยังนอกเมืองหลวง ก็ปรากฏกายขึ้นพร้อมดรุณีน้อยนางหนึ่ง และเพราะสิ้นหวังไปจนสิ้นแล้ว องค์จักรพรรดิจึงมิได้คัดค้านการรักษาในคราวนนั้นทั้งสิ้น แต่ใครจะคาดคิดว่าเด็กสาวหน้าตาหมดจดดูแสนธรรมดายิ่ง ที่น้อยแสนน้อยเต็มทีจะรู้ว่านางคือบุตรีเพียงหนึ่งเดียวของหัวหน้าหมอหลวงคนปัจจุบัน ใช้เวลาเพียงครึ่งชั่วยามก็ฉุดดึงดวงวิญญาณขององค์ไทเฮาซึ่งสิ้นหวังไปแล้วหวนคืนกลับมาได้ เมื่อถามหาสิ่งที่สองปู่หลานต้องการกลับมิมีคำตอบด้วยแต่ไรไหนมาคนตระกูลไป๋มินิยมข้องเกี่ยวกับราชสำนักเป็นที่สุด ที่ผู้นำตระกูลแต่ละรุ่นต้องรั้งเป็นหัวหน้าหมอหลวงข้างกายองค์จักรพรรดิก็เพียงเพราะเหตุผลเดียวนั่นก็คือยังมิอยากสิ้นสกุลด้วยข้อหาเอาใจออกหากจากราชบัลลังก์ แต่เพราะความมากมายเล่ห์กลขององค์จักรพรรดิพระองค์นี้เมื่อพบเจอสิ่งล้ำค่าเช่นสาวน้อยคุณหนูใหญ่ตระกูลไป๋ จะให้หลุดมือไปโดยง่ายเกรงว่าจะยากแล้ว นี่จึงเป็นที่มาของสมรสพระราชทานในครั้ง ด้วยให้รับนางเข้าวังความสามารถคงสิ้นเพราะความวุ่นวายมากความของสตรีร่วมร้อยชีวิตในวังหลัง จะให้นางสืบต่อตำแหน่งบิดา นั้นยิ่งกว่าเพราะกฎตระกูลไป๋นั้นผู้สืบสานต่อจากบิดามีเพียงบุตรชายเท่านั้นบุตรีมิอาจออกหน้าได้ เช่นนั้นหากจะรั้งนางไว้ได้ หลี่อี้เหรินคงมีเพียงยัดเยียดคุณหนูผู้มากค่ากว่าทองคำเช่นไป๋หมิงจู่ให้คนที่วางใจที่สุดรักษา ซึ่งจะเป็นใครได้อีกหากมิใช่ ‘ใต้เท้าเซียว’ พญายมแห่งหน่วยพยัคฆ์ทมิฬ... ... บ้าบอ! ... เฉินเสี่ยวถานหรือบัดนี้จำยอมต้องรับเอาไว้ว่าตนเองนั้นคือไป๋หมิงจูทำได้เพียงตะโกนก้องในหัวใจ ด้วยตลอดทั้งชีวิตที่ผ่านพ้นมาสิ่งที่นางมิเคยอยู่ในสมองก็คือแต่งงาน อย่าได้กล่าวถึง ว่าแต่งงานเลยแม้แต่แมวที่เลี้ยงน้องหมาที่รักรวมแล้วในบ้านสกุลเฉินกว่าสามสิบชีวิตล้วนมีเพียงเพศเมีย เช่นนี้แล้วยิ่งมิต้องกล่าวถึงคำว่าชายคนรัก เพราะนางมิเคยให้ความสนใจเพศตรงข้ามในช่องทางแบบมองหาคู่ชีวิต ที่มีในหัวของว่าที่ดอกเตอร์วัยยี่สิบสามปีสำหรับต่างเพศก็เพียงเอาไว้ผ่าค้นหาข้อมูลเพียงเท่านั้น! แต่ยามที่เกี้ยวเจ้าสาวมาจอดขวางประตูจวนเช่นนี้จะให้หนีไปคนเพิ่งฟื้นจากความตายต่อให้มากด้วยไอคิวถึง165ก็ยากจะหาทางไปได้เช่นกัน ‘เอาเถิด...ในเมื่อมีใจหาญกล้า ถึงเพียงนี้ แต่งให้ก็ได้ แต่แต่งแล้ว จะเผาจวนของชายผู้นั้นจนวายวอดหรือเปล่าค่อยดูกันอีกที’ สุดท้ายไป๋หมิงจูก็ตัดสินใจเดินต่อไป ด้วยนิสัยเดิมของนางมิเคยวิ่งหนีปัญหา มีแต่จะพุ่งชน ทุกสิ่งที่ถาโถมจนแตกพ่ายไปเสียทุกครั้งนั่นเอง “เช่นนั้น...เสี่ยวเหมย ไปเตรียมชุดเถิดช้าอีกจะมิทันการ” สั่งการสาวใช้ข้างกายอย่างผู้มากมีสติอยู่กับตนมิเคยตกหล่น ก็เพียงแต่งงานคงมิได้ยากเย็นไปกว่าการฝึกลงมีดผ่าตัดเป็นครั้งแรกหรอกกระมัง คุณหมอผู้มีเพียงเรื่องผ่าตัดและผ่าตัดคิดในหัวได้เท่านี้ “ลำบากเจ้าแล้ว...เจ้าเด็กดื้อของปู่” ไป๋จิ้งชายชราวัยหกสิบเจ็ดหนาวอดจะใจหายเสียมิได้ ด้วยที่ผ่านมาทั้งสิ้นตลอดสิบเจ็ดหนาวที่ผันผ่านล้วนเป็นตนเองที่เลี้ยงดูหลานรักผู้นี้มากับมือ ถึงไป๋เลี่ยงซูมิใช่บุรุษซึ่งเอาความผิดไปตกใส่ศีรษะของบุตรีที่ผู้เป็นภรรยาคลอดเด็กน้อยแล้วตายจาก ดังผู้เป็นบิดาสกุลอื่นที่ลงโทษว่าเป็นเพราะเด็กมีดวงสังหารมารดา ทว่าเพราะตำแหน่งหัวหน้าหมอหลวงนั้นล้วนมากมีด้วยหน้าที่ จึงมิอาจเลี้ยงดูสั่งสอนไป๋หมิงจูด้วยตนเองได้ คลั้นจะส่งมอบให้อนุซึ่งเป็นมารดาเลี้ยงเขากลับยิ่งวางใจไม่ลง ดังนั้นผู้ที่หัวหน้าหมอหลวงแห่งฉงชิ่งวางใจได้จึงมีเพียงบิดา ท่านผู้เฒ่าแห่งจวนสกุลไป นั่นเอง การนี้ต่อให้ไป๋จิ้งมิยินดีสักเพียงใด แต่ใครเล่าจะหาญกล้าต่อกรกับราชโองการไปได้ “ท่านปู่อย่าได้ว้าวุ่นใจ ถึงตกแต่งเข้าจวนสกุลเซียว แต่คาดว่าคงมิได้ยากยิ่งจนเกินความสามารถของ เด็กดื้อของท่านปู่ที่จะแวะเวียนไปเยี่ยมเยียนถึง ‘บ้าน’ ของพวกเราหรอกเจ้าค่ะ” ด้วยสาเหตุใดก็สุดรู้แจ้ง ทว่าจิตใจของไป๋หมิงจูที่เพิ่งข้ามผ่านความตายมากับมีความพันผูกกับท่านผู้เฒ่าตรงหน้ามากมายเกินอธิบาย “ปู่ล้วนแจ้งใจมาตลอดมิกังขาถึงความสามารถของเจ้าหรอกอาหมิง แต่จากนี้ไป เจ้าต้องจดจำทุกคำสอนของปู่เอาไว้ให้มั่นคง นับแต่ที่เจ้าก้าวเท้าขึ้นเกี้ยวเจ้าสาวไปแล้ว นั่นหมายถึงว่าตนเองหาใช่เด็กที่จะซกซนกระทำทุกสิ่งตามใจตนได้อีกต่อไป เจ้าคือสตรีเต็มตัว ซึ่งมีสามีแล้วจงแจ้งใจให้ได้กับหลัก ‘สี่คุณธรรมสามคล้อยตาม*’ ที่ปู่เพียรสั่งสอน การเป็นภรรยานั้นมิใช่ง่ายดาย ยิ่งต้องเป็นภรรยาของบุรุษผู้ชิดใกล้องค์จักรพรรดิด้วยแล้ว คงมีแต่ความยากเย็น” มือหนาซึ่งเหี่ยวยับย่นลูบศีรษะเล็กด้วยรักใคร่เอ็นดูสุดหัวใจ เพียงเท่านั้นน้ำตาของคนซึ่งเพิ่งพานพบเรื่องราวร้ายแรงมากมายจนแทบรับไม่ก็ค่อยๆ หลั่งริน ร่างเล็กโผเข้ากอดกายหนาซึ่งนั่งอยู่ด้านข้างเตียง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD