“ภัทรรู้ใช่ไหมว่าแม่ชอบหนูปิ่นมาก ถ้ายังไงทำดีกับน้องหน่อยนะ” คุณพิมพ์พาอดไม่ได้ที่ต้องหันไปย้ำกับอีกคนที่เอาแต่ยืนมองเมียไม่ยอมละสายตา นางเชื่อว่าสักวันดนัยภัทรจะมองเห็นบางอย่างที่บัวบูชาซ่อนไว้
บางอย่างที่ใครได้มองดวงตาคู่นั้นก็ต้องรู้ได้ในทันทีว่ามันเต็มเปี่ยมไปด้วยความรักเวลาที่ทอดมองลูกชายของนาง มีแต่เจ้าตัวที่ไม่เคยรู้
“ผมไม่เคยร้ายกับปิ่นอยู่แล้วครับคุณแม่”
“ก็ดีแล้ว ส่วนเรื่องหลาน แม่ยังหวังอยู่นะ ภัทรก็รู้ว่าแม่อยากเลี้ยงหลานแค่ไหน น้องเองก็ใช่ว่าจะเป็นคนไม่ดี แม่อยากให้ภัทรให้โอกาสน้องบ้าง” อย่างน้อยก็เพื่อชีวิตคู่ที่ดี หากมีโซ่ทองคล้องใจทั้งคู่คงจะรักกันมากขึ้น นางกับสามีเองก็ไม่ได้แต่งงานกันด้วยความรักแต่สุดท้ายก็ยังรักกันได้
“ผมยังรักขวัญอยู่ครับแม่ ผมไม่อยากทำร้ายปิ่นด้วยการเอาเขาเข้ามาแทนที่ใคร แม่ให้เวลาผมหน่อยนะครับ การเลิกรักใครสักคนไม่ใช่เรื่องง่ายเลย…” เพราะหากว่ามันทำได้ง่าย หัวใจของเขาคงไม่เจ็บปวดทุรนทุรายอย่างทุกวันนี้ กว่าจะรักใครสักคนได้เขาใช้เวลามานานหลายปี จู่ๆ จะให้เลิกกันไปเลยมันเป็นเรื่องที่ยาก
เขายังทำใจไม่ได้ อย่างน้อยก็ในตอนนี้
“แม่เข้าใจภัทรนะลูก แล้วแม่ก็เชื่อว่าลูกชายของแม่เป็นคนเข้มแข็ง แต่กับผู้หญิงบางคน การรอคอยมันก็เป็นเรื่องที่ทรมาน ต่อให้ภัทรจะบอกว่าไม่อยากทำร้ายเขา แม่ว่าสุดท้ายก็คงไม่มีใครมีความสุขกับเรื่องนี้เลยสักคน” หนนี้ดนัยภัทรยังไม่ได้ทันได้ตอบอะไรกลับคนที่หายเข้าครัวไปก็กลับออกมาเสียก่อน ทำให้สองแม่ลูกจำต้องเปลี่ยนเรื่องคุย เพราะไม่อยากให้บุคคลที่เพิ่งจะถูกกล่าวถึงไปหมาดๆ ต้องมารับรู้เรื่องชวนปวดหัวพวกนี้ไปด้วยอีกคน แต่สิ่งที่คู่ไม่รู้เลยก็คือเรื่องที่เพิ่งจะพูดคุยกันนั้นมีใครอีกคนแอบได้ยินมันแทบทุกคำ
ดนัยภัทรไม่ได้คิดไปเองว่าภรรยาที่ปกติแล้วมักจะชวนเขากับมารดาคุยไม่หยุดปากเวลาทานอาหารเย็นร่วมกันดูเงียบไปจนผิดสังเกต เขาได้แต่เก็บงำความสงสัยเพราะไม่อยากทำให้มารดาไม่สบายใจไปด้วยกระทั่งเมื่อกลับมาถึงห้องนอน จึงตัดสินใจคว้าต้นแขนคนที่ทำท่าจะเดินหนีกันเอาไว้ ไม่ว่ายังไงการเปิดใจพูดคุยกันตรงๆ มันก็ต้องดีกว่าการเงียบ
“ปิ่นโกรธอะไรพี่รึเปล่า” คนถูกถามหยุดนิ่งไปครู่ก่อนที่จะเอ่ยตอบ
“เปล่าคะ ปิ่นแค่รู้สึกเหนื่อยๆ ขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะคะ”
“พี่รู้จักปิ่นมากี่ปี ทำไมพี่จะไม่รู้ว่าเวลาปิ่นโกรธใครสักคนปิ่นจะเงียบไม่ยอมมองหน้า ถ้าพี่ทำอะไรให้ปิ่นโกรธปิ่นบอกพี่ได้นะ” บัวบูชายังคงยืนยันคำเดิมด้วยการส่ายหน้า เธอไม่ได้โกรธเขา แต่โกรธตัวเองมากกว่า โกรธที่เสียใจกับคำตอบที่เขาให้กับแม่ของเขา โกรธที่ต้องมานั่งเสียใจที่บังเอิญออกไปได้ยินเขาบอกว่ารักผู้หญิงคนอื่น คนที่เขาไม่เคยลืม
และคงจะไม่มีวันลืมเธอคนนั้นได้เลย
“ปิ่นไม่เป็นอะไรจริงๆ ค่ะพี่ภัทร”
ดนัยภัทรไม่ปักใจเชื่อในคำตอบนั้นเลย เขาตัดสินใจจับไหล่ภรรยา ก่อนจะหมุนตัวเธอให้หันกลับมาเผชิญหน้ากันในที่สุด
“ปิ่นได้ยินเรื่องที่พี่กับแม่คุยกันใช่ไหม” หากจะมีเรื่องอะไรสักเรื่องทำให้คนร่าเริงอย่างบัวบูชารู้สึกแย่ก็คงจะเป็นเรื่องที่เขากับมารดาเพิ่งจะคุยกัน ยิ่งเห็นอีกฝ่ายหลบตา ก็ยิ่งมั่นใจว่าตัวเองเดาไม่ผิดอย่างแน่นอน
“พี่ขอโทษ คือว่าพี่…”
“พี่ภัทรจะมาขอโทษปิ่นทำไมคะ พี่ภัทรไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย ปิ่นเข้าใจดีค่ะว่าเรื่องของความรักมันเป็นเรื่องยากที่จะฝืนใจกัน พี่ภัทรอย่าโทษตัวเองเลยนะคะ ปิ่นไม่เป็นไรจริงๆ ค่ะ” แม้อีกฝ่ายจะย้ำออกมาแบบนั้น แต่แม่คุณจะรู้ไหมว่าดวงตาคู่สวยกำลังเอ่อคลอด้วยน้ำตา ซึ่งมันเป็นสิ่งที่เขาไม่อยากเห็นเพราะยิ่งเห็นเขาก็ยิ่งรู้สึกเกลียดตัวเองที่ทำให้เธอมีน้ำตา แน่นอนไม่ว่าใครก็คงเสียใจที่ได้ยินสามีตัวเองบอกรักผู้หญิงอื่น
“พี่ยอมรับว่าพี่ยังรักแล้วก็คิดถึงขวัญอยู่ แต่นั่นมันก็เป็นเพราะว่าพี่กับเขาคบกันมานาน พี่อยากให้ปิ่นเชื่อใจพี่ ถึงพี่จะยังตัดใจจากเขาไม่ได้ในตอนนี้ แต่พี่ก็ไม่มีวันทอดทิ้งปิ่น นะครับปิ่น พี่ขอแค่ให้ปิ่นเชื่อใจพี่ก็พอ” แม้จะรู้ว่านั่นคือคำพูดที่เห็นแก่ตัวที่สุด แต่ดนัยภัทรก็เลือกที่จะพูดออกไป เขาไม่อยากให้ความหวังใครตราบใดที่ยังทิ้งอดีตที่เคยมีร่วมกับรักครั้งเก่าไม่ได้ เพราะหากทำแบบนั้น คนที่จะเจ็บปวดที่สุดคงหนีไม่พ้นเธออยู่ดี
“แล้วถ้าวันหนึ่งพี่ขวัญเขากลับมา…”
“พี่ก็ยังจะยืนอยู่ข้างปิ่นอยู่อย่างนี้ไม่ไปไหน ขวัญอาจเป็นคนที่พี่เคยรักแล้วก็ยังรักอยู่ แต่ปิ่นเป็นภรรยาของพี่ ไม่ว่ายังไงปิ่นก็ต้องมาก่อนเสมอ” คำตอบนั้นไม่ได้ช่วยทำให้คนที่กำลังอ่อนแอรู้สึกดีขึ้นเลยสักนิด เพราะหากเลือกได้จริง เธอขอเป็นอะไรก็ได้ขอแค่เป็นคนที่เขารักเท่านั้นพอ
สวนภรรยาที่เขาไม่ได้รักนั้น…เธอไม่อยากเป็น!