“เออ พี่จะคุยได้เหรอคะ?”
นัยน์ตาสีน้ำตาลสวย ฉายแววเลิ่กลั่ก พลางมองไปที่ประตูทางเข้าร้าน ว่าชายคู่หมั้นจะเดินกลับเข้ามาเห็นภาพนี้หรือเปล่า แม้ว่าเธอจะแอบปลื้มพี่เจ้านาย แต่ก็กลัวว่าลุงรามจะโกรธ ยิ่งขี้หึงขี้หวงอยู่ด้วย ถ้ามาเห็นภาพนี้เข้า เธอตายแน่
“แล้วทำไมพี่จะคุยไม่ได้ละครับ น้องหนูดียังจำได้ไหม ตอนปีหนึ่งที่น้องหนูดีทะเลาะกับเจ้าขา พี่เป็นไม่ใช่เหรอ ที่คนเข้าไปคุยให้เราสองคนปรับความเข้าใจกัน” พี่เจ้านายพูดเสียงนุ่มน่าฟัง พลางกระชับมือเล็กด้วยความสนิทสนม หากเป็นเมื่อก่อน เธอคงเขินจนตัวบิดเป็นเลขแปด ทว่าตอนนี้เธอมีคู่หมั้นแล้ว เลยไม่สามารถแสดงอาการระริกระรี้ได้อีกต่อไป
และที่สำคัญ พี่เจ้านายมี…
“พี่เลิกกับแฟนแล้วนะ” ยังไม่ทันจบความคิดในหัว ฝ่ายชายก็รีบบอกสถานะของตัวเอง ราวกับรู้ว่าเธอแอบปลื้ม พอเลิกกับแฟนแล้ว เลยหันกลับมาขายขนมจีบน้องรหัสคนนี้
“อันที่จริงเราเลิกกันได้สามเดือนแล้ว เขาบอกว่าพี่ไม่เข้าใจเขา ทั้งที่พี่พยายามทำทุกอย่างเพื่อเขามาโดยตลอด น้องหนูดีก็รู้ใช่ไหมครับ ว่าพี่เป็นคนทุ่มเทให้กับความรักขนาดไหน พอพี่อกหักคราวนี้ ทำเอาพี่เจ็บจนเสียหลักไปเลย”
พี่เจ้านายระบายความในใจ ด้วยน้ำเสียงแผ่วลง สีหน้าของเขาตอนนี้ ฉายแววเศร้าหมองอย่างเห็นได้ชัด ก่อนจะจับมือขาวนวลไปสอดประสานกัน เหมือนต้องการกำลังใจ
ซึ่ง! เธอพยายามจะดึงมือออก เพราะไม่อยากให้ลุงรามเข้าใจผิด แม้ว่าเธอจะเห็นใจที่พี่นายโดนเท แต่ถ้าเธอนั่งนิ่งไม่ปฏิเสธ คนที่จะโดนเทคนต่อไปอาจจะเป็นเธอเนี่ยแหละ
“เออ พี่นายคะ”
“พี่รู้ ว่าไม่ควรเอาเรื่องส่วนตัว มาระบายในตอนที่น้องหนูดีกำลังมีปัญหาอยู่ แต่ถ้าพี่ช่วยพูดให้น้องกลับไปคืนดีกับกลุ่มเพื่อนได้ น้องหนูดีจะรับผู้ชายคนนี้ไปพิจารณาไหมครับ”
“พะ พิจารณาในสถานะอะไรเหรอคะ?”
สาวน้อยถามกลับด้วยน้ำเสียงลนลาน เพราะยังดึงมือออกจากกอบกุมฝ่ายชายไม่ได้ สาบาน ว่าไม่เคยรู้สึกร้อนรน เหมือนไฟรนก้นขนาดนี้มาก่อน พี่นนท์กับพี่เนมเข้ามาเห็น ยังไม่รู้สึกกลัวเท่าลุงรามเข้ามาเห็น (มีสิทธิ์สู่ขิตสูงมาก!)
“ถ้าน้องหนูดียังไม่มีใคร พี่ก็อยากจะขอน้องหนูดีเป็นแฟน” จังหวะที่พี่เจ้านายขอเธอเป็นแฟน ลุงรามเดินกลับเข้ามาพอดิบพอดี ซึ่งเป็นจังหวะนรก อย่างที่เธอคิดเอาไว้ไม่มีผิด
“หนูดีมีคู่หมั้นแล้วค่ะ!”
ด้วยความตื่นตกใจ เธอเลยหันไปตะโกนใส่พี่เจ้านาย
“คนนั้นไงคะ คู่หมั้นของหนูดี!”
มือข้างที่ยังว่าง ชี้นิ้วเรียวไปที่คนตัวสูง จนคนทั้งร้านหันมามองเป็นตาเดียว ทว่าเธอกลับไม่ได้รู้สึกอาย แต่รู้สึกกลัว จึงรีบสะบัดมือออกจากกอบกุม แล้ววิ่งไปกอดแขนว่าที่สามีในอนาคต เพราะถ้าไม่รีบวิ่งมาหา มีสิทธิ์ที่เขาจะเข้าไปต่อยพี่นายสูงมาก ดูจากสีหน้าแล้ว เขากำลังระงับความโกรธ
“น้องหนูดีคิดว่าพี่ไม่รู้เหรอครับ ว่าน้องหนูดีมีคู่หมั้นเป็นตัวเป็นตนอยู่แล้ว” แทนที่พี่นายจะเข้าใจ กลับลุกขึ้น แล้วเดินมาหยุดยืนประจันหน้ากับลุงราม ที่มีความสูงเกือบสองเมตร แน่นอนว่าหนุ่มลูกครึ่งตัวใหญ่ ไม่มีทางกลัวชายไทยแท้
ภาพที่เห็นตอนนี้ เลยเป็นการประจันหน้ากันระหว่างสองหนุ่ม ในร้านอาหารญี่ปุ่น ที่มีผู้ชมเป็นลูกค้านับสิบ ซึ่งก็ไม่มีพนักงานคนไหนเข้ามาเชิญออก เพราะเพิ่งเริ่มศึกชิงนาง
“เจ้าขาเคยเล่าให้พี่ฟังว่าคู่หมั้นของน้องหนูดี เป็นลูกชายของเพื่อนสนิทป๊าม้า การหมั้นหมายจึงเป็นการคลุมถุงชน โดยที่คนสองคนไม่ได้รักกัน แล้วแบบนี้จะให้พี่ยอมปล่อยผู้หญิงที่พี่แอบชอบมาตลอดสองปีไปเหรอครับ?” คำสารภาพจากปากพี่เจ้านาย เหมือนคำสารภาพรัก แต่เดี๋ยวนะ พี่เขาแอบชอบเธอทั้งที่ยังคบหากับแฟนอยู่ แบบนี้ก็ได้เหร๊อ (-0-!?)
“ยิ่งไปกว่านั้น พี่ยังเป็นจูบแรกของน้องหนูดี”
สาวน้อยเบิกโตเป็นไข่ห่าน แล้วหันขวับไปมองชายคู่หมั้น ที่ยืนขบกรามแน่น มือกำหมัด เตรียมปะทะกับอีกฝ่าย
“พะ พี่เจ้านายเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่าคะ เราสองคนไม่เคยจูบกันมาก่อน แล้วทำไมพี่ถึงพูดจาแบบนั้นออกมาคะ”
“อ้าว น้องหนูดีจำไม่ได้เหรอครับ ตอนที่พวกเราไปค่ายบำเพ็ญประโยชน์ต่างจังหวัด ตอนนั้นน้องหนูดีมานั่งตักพี่ แล้วบอกว่า จูบแรกของน้องหนูดี เป็นของพี่เจ้านายนะคะ”
ฉิบ หาย แล้ว (-0-!)
“ตะ ตอนนั้นหนูดีดื่มหรือเปล่าคะ ทำไมหนูดีจำไม่ได้”
จากหน้าสวย ตอนนี้กลายเป็นหน้าซีดไร้สีเลือด แต่ก่อนที่พี่เจ้านายจะตอบกลับ คนข้างกายก็รีบดึงแขนแกร่งกร้าน ให้หลุดจากการกอด แล้วเดินหนีออกไปจากร้านอาหาร
“ลุงราม!”
สาวน้อยรีบวิ่งใส่เกียร์หมา พร้อมกับตะโกนเรียกชายคู่หมั้น จนลืมไปว่าตัวเองขาเปลี้ยอยู่ พี่เจ้านายที่ตามออกมาทัน ก็วิ่งมาดักหน้าคนตัวเล็ก แล้วเปิดคลิปวิดีโอจากสมาร์ตโฟน เพื่อยืนยันหลักฐาน ว่าเธอทำเรื่องแบบนั้นกับพี่เขาจริงๆ
[จูบแรกของน้องหนูดี เป็นของพี่เจ้านายนะคะ จ๊วบ~]
เธออ้าปากพะงาบๆ ไม่คิดว่าการดื่มแอลกอฮอล์ครั้งแรก จะทำให้เกิดเรื่องผิดผี เพราะไม่มีเพื่อนในกลุ่มคนไหน บอกเลย ว่าเธอไปจูบพี่เจ้านาย รู้เพียงแค่ว่า หลังจากวันนั้น ก็มีคนเอาเธอไปซุบซิบนินทา แต่เธอไม่เคยเก็บมาใส่ใจ เลยไม่รู้ว่าพลาดไปทำเรื่องแบบนี้ จนกลายเป็นขี้ปากคนในคณะ!
สรุป ที่เธอกลายเป็นดาวเด่น เพราะมีคนรุมด่า
ไม่ได้กลายเป็นดาวเด่นเพราะเป็นคนน่ารักสินะ
บรืนนน!
รถหรูขับออกไป ขณะที่สาวน้อยกำลังยืนหน้าชา เพราะเพิ่งรู้ความจริงว่าที่ผ่านมา มีแต่คนด่ามากกว่าชอบเธอ
“พี่ขอโทษนะ ที่ยังเก็บคลิปนี้เอาไว้ แต่เจตนาจริงๆ ของพี่ ไม่ได้ต้องการที่จะแบล็กเมล พี่แค่รู้สึกดีกับจูบแรกที่น้องหนูดีให้พี่มา และตั้งแต่วันนั้น พี่ก็เริ่มมั่นใจว่าพี่แอบชอบหนูดีมาโดยตลอด” พี่เจ้านายยังคงสารภาพความในใจต่อไป ขณะที่เธอกำลังยืนรู้สึกผิดกับสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะเธอดันไปจูบกับคนที่มีแฟนแล้ว ทั้งที่เธอพยายามเตือนตัวเอง ว่าจะไม่ทำแบบนี้กับใครเด็ดขาด ทว่าสุดท้ายเธอก็เมาจนพลาดทำลงไป
“เรื่องหมั้นหมาย พี่เข้าใจ ว่าน้องหนูดีปฏิเสธไม่ได้ แต่ถ้าน้องหนูดีให้โอกาสพี่ พี่จะไปบอกพ่อกับแม่ ให้ไปคุยกับป๊าม้า ของน้องหนูดี ว่าเราสองคนรักกัน พวกท่านต้องเข้าใจเรา”
“…..”
สาวน้อยยืนเงียบ เพราะตอนนี้ยังพูดอะไรไม่ออก แต่พอดึงสติกลับมาได้ เธอก็ขอให้พี่เจ้านายพาเธอไปหาเจ้าขา เพื่อที่จะคุยถึงเหตุการณ์ในวันนั้น ว่าทำไมไม่มีใครบอกเธอเลยว่าเกิดเรื่องแบบนี้ ทั้งที่เป็นเรื่องที่เพื่อนสนิทควรเล่าให้ฟัง
“ก็ฉันนึกว่าแกไม่แคร์ไง เลยไม่ได้เล่าให้ฟัง”
และนี่ คือคำอธิบาย จากหนึ่งใน ‘เพื่อนสนิท’
ทำให้เธอรู้สึกโกรธแบบจริงจัง ในรอบสิบแปดปี
เพราะเหมือนไม่มีใครเป็นเพื่อนจริงๆ เลยสักคน
“แล้วทำไมตอนนั้นถึงไม่ห้าม ทั้งที่แกห้ามได้!?”
“เฮ้ย! ก็นั่นมันตัวแกเองป่ะสาว แกอยากจะไปจูบกับใคร มันก็เป็นสิทธิ์ของแก แต่การที่แกไปจูบกับผู้ชายที่มีแฟนแล้ว แกก็ต้องรับผลที่ตามมาให้ได้ ไม่ใช่มาไล่ถามเพื่อน ว่าทำไมตอนนั้นถึงไม่ห้าม เพราะต่อให้พวกฉันห้ามแกยังไง แกก็ทำมันอยู่ดี” เจ้าขาสวนกลับทันที พอพี่เจ้านายเห็นว่าเราสองคนเริ่มขึ้นเสียงใส่กัน ก็แทรกตัวเข้ามาห้ามน้องสาวเอาไว้
“เจ้าขา ระงับอารมณ์หน่อย พี่ขอ”
“พี่นายไม่ต้องมาขอ เพราะเราสองคนไม่ได้ทะเลาะกัน เจ้าขาแค่อธิบาย ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมันเป็นความผิดของหนูดี ที่เมาไปจูบพี่ แล้วมาโบ้ยความผิดใส่เพื่อนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่!”
“แต่พวกแกก็ควรที่จะบอกฉัน ไม่ใช่ปิดปากเงียบ!”
“เงียบหรือไม่เงียบมันก็ผิดที่ตัวแกเองป่ะ!?”
“เจ้าขา!”
“พี่นายอย่ามาขึ้นเสียงใส่เจ้าขานะ รอยดูดที่คอนาง ไม่ทำให้ตาสว่างขึ้นมาบ้างเลยหรือไง นางทำตัวร่านมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว หัดตามผู้หญิงให้ทันบ้างเถอะ!” คำพูดของเจ้าขา ทำเอาเธออึ้งปนโกรธจนน้ำตาคลอเบ้า เพราะไม่คิดว่าเพื่อนที่รู้จักกันมาตั้งแต่อนุบาล จะพูดจาด้านลบใส่เธอแบบนี้
“หยุดได้แล้ว พอเสียที!”
พี่เจ้านายยังคงปกป้องเธอจากน้องสาว แล้วจับมือพาคนตัวเล็ก ออกมาจากบ้านหลังใหญ่ แต่พอเดินมาถึงรถหรู เธอก็ดึงมือออกจากกอบกุม แล้วเดินออกไปจากบ้านหลังนี้ ด้วยตัวเอง โดยที่ไม่มีสมาร์ตโฟน และไม่มีเงินติดตัวแม้แต่บาทเดียว เน้นเดินเท้า เพื่อคิดทบทวน กับสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด
TAKE : รามสูร
“ขอโทษครับ ไม่ทราบว่าผู้หญิงตัวเล็กๆ หน้าตาน่ารักที่มากับผม เธอออกไปกับผู้ชายอีกคนหรือเปล่าครับ?” เสียงทุ้มเข้มเอ่ยถามพนักงานหน้าร้านอาหาร หลังจากที่วนรถหรูกลับมารับสาวน้อย หลังจากที่ตัวเองโกรธจนขับรถหนีออกไป
“อ้อ ใช่ค่ะ น้องเขานั่งรถไปกับผู้ชายหน้าหวานๆ ค่ะ”
คำตอบที่ได้รับ ทำเอาอารมณ์คุกรุ่นยิ่งขึ้น ก่อนที่ชายหนุ่มจะรีบวิ่งกลับไปขึ้นรถหรู แล้วโทรหาเพื่อนสนิทเพียงคนเดียว เพื่อสอบถาม ว่าไอ้หนุ่มหน้าหวานนั้นเป็นใคร แล้วบ้านช่องมันอยู่ที่ไหน เขาจะได้รีบตามไปรับตัวเมียเด็กกลับคืนมา
ต่อให้เธอจะเสียจูบแรกให้ชายอื่นไปแล้ว
แต่ครั้งแรกของเธอ ก็ยังเป็นของเขาอยู่ดี!
[ถ้าไอ้หนุ่มหน้าหวานที่มึงถามถึง หมายถึงพี่รหัสของยัยเด็กแสบ กูจำได้ว่ามันเป็นลูกชายของสส.พิเชษฐ์ บ้านอยู่แถวลาดพร้าว มันเป็นพี่ชายของเด็กที่ชื่อเจ้าขา บ้านก็คงอยู่แถวนั้นเหมือนกัน] เพื่อนสนิทที่จะมาเป็นพี่เขยในอนาคต บอกข้อมูลเกี่ยวกับคนรอบตัวของน้องสาว พอเขาได้ที่อยู่คร่าวๆ มาแล้วก็รีบวางสาย แล้วบึ่งรถไปตามหาเมียเด็กทันที
บรืนนน!
ระหว่างที่รถสปอร์ตคันหรู กำลังขับเคลื่อนไปบนท้องถนน นัยน์ตาสีเทาหม่นกลับเหลือบไปเห็นใครบางคนที่คุ้นตา
เมื่อแน่ใจว่าผู้หญิงตัวเล็กคนนั้น เป็นคนที่เขากำลังตามหา ฝ่ามือหนาจึงหักพวงมาลัยรถ ขับเข้าไปจอดข้างทาง แล้วรีบลงจากรถยนต์ เพื่อตามสาวน้อยขึ้นไปบนสะพานลอย
แต่ก่อนจะเดินไปถึงตัวเธอ สองขายาวเหยียดก็ต้องหยุดชะงัก เมื่อร่างเล็กย่อตัว พลางฟุบหน้าลงไปกับเข่า ทั้งที่พ้นขั้นบันไดไปไม่กี่ก้าว แล้วสิ่งที่เขาได้เห็นต่อจากนั้น คือเธอร้องไห้ออกมาอย่างสุดกลั้น บนสะพานลอย ที่มีแค่เราสองคน
“ฮรึก ฮึก ฮืออออ!”
เสียงสะอื้นให้ของคนตรงหน้า ทำให้เขารู้สึกบางอย่าง
มันค่อนข้างน่าหงุดหงิด แต่เขาก็เลือกที่จะเดินเข้าไปหา แล้วใช้ร่างใหญ่กำยำของตนเอง บังแสงแดดในยามบ่าย พอเธอเงยหน้าขึ้นมามอง แล้วเห็นว่าเป็นเขา สิ่งแรกที่เธอทำก็คือลุกขึ้น พร้อมกับโผล่กอดด้วยความดีใจที่เขายืนอยู่ตรงนี้
“แดดร้อนจะตาย มานั่งร้องไห้บนนี้ทำไม?”
เสียงทุ้มเข้มเอ่ยถามสาวน้อย ที่ซุกหน้าร้องห่มร้องไห้อยู่บริเวณหน้าท้องล่ำสัน ในสายตาของเขา เธอเป็นเด็กแสบคนหนึ่ง ที่ไม่ค่อยแสดงมุมอ่อนแอของตัวเอง ทว่าตอนนี้เธอกลับแสดงมุมนั้น ผ่านหยดน้ำตา ที่พรั่งพรูออกมาไม่ขาดสาย