ซึบ~
เสียงซิบกางเกงถูกรูดลงจนสุด ก่อนที่มือเล็กจะค่อยๆ ลูบไล้ไปตามรูปทรงกระบอก ใต้เนื้อผ้ากางเกงบ็อกเซอร์สีเทา
“ดูสิคะ เป้าลุงรามยังเปียกอยู่เลย”
สาวน้อยพูดแซวชายคู่หมั้น ที่ยืนอยู่ข้างเตียงให้เธอลวนลาม สายตาคมกริบจ้องมองทุกการกระทำ จนกระทั่งมือเล็กร่นเนื้อผ้าลง เผยให้เห็นน้องนุ่มนิ่ม ที่ตอนนี้แข็งผงาดชี้ฟ้า
“อย่าจ้องนาน”
เขาใช้ฝ่ามือปิดบังน้องนุ่มนิ่ม พลางทำสีหน้าไม่มั่นใจ
“ทำไมลุงรามถึงไม่มั่นใจละคะ?”
ดวงหน้าจิ้มลิ้มเอียงคอ พร้อมกับเอ่ยถามด้วยความสงสัย ระหว่างนั้น มือเล็กก็พยายามสัมผัสน้องนุ่มนิ่มของเขา
“มันเล็ก”
“หือ? เล็กตรงไหนเหรอคะ?”
“เล็ก ถ้าเทียบกับผู้ชายคนอื่น”
“แต่หนูดีไม่เคยเห็นของผู้ชายคนอื่น หนูดีเลยมองว่าของลุงรามไม่เล็ก เวลาเอาก็เสียวมาก จนทำให้หนูดีเสร็จได้”
“พูดจาแก่แดดอีกแล้ว”
“หนูดีพูดจริงๆ นะคะ ลุงรามเอาเก่งมากๆ หนูดีชอบ”
น้ำเสียงออดอ้อน ช่วยพูดเสริมความมั่นใจ ก่อนที่เธอจะจับมือแกร่ง ออกจากน้องนุ่มนิ่ม แล้วยื่นหน้าไปจุ๊บหัวน้อง
จุ๊บ~
“ยัยเด็กบ้า”
กระต่ายน้อยยิ้มรับแบบกรุ้มกริ่ม ก่อนจะแลบลิ้นเรียวเล็ก โลมเลียท่อนเอ็นอุ่น ที่มีขนาดความยาวเกือบห้านิ้ว ส่วนขนาดความใหญ่ เวลาน้องพองตัว มือของเธอจะไม่สามารถกำรอบได้ แต่เวลาที่น้องนอนหลับ สามารถจับเล่นได้พอดีมือ
“ไม่ง่วงนอนแล้วหรือไง?”
เขาถามแก้เขิน ขณะที่เธอกำลังเผยอปากดูดอมหัวให้
อือ บ๊วบ~
“หนูดีอยากทำให้ลุงรามก่อนค่ะ ลุงรามชอบไหมคะ?”
เขาไม่ตอบอีกเช่นเคย แต่ใช้มือลูบหัวเธอด้วยความเอ็นดู พลางกัดปากเสียว ในตอนที่เธออมจนมิดด้าม แล้วดูดน้ำกามออกจากปลายหัวเห็ด พอเขาใกล้จะเสร็จสม สะโพกสอบจะโยกเข้าออกแรงขึ้น จนน้ำกามพวยพุ่ง เข้ามาไปในคอ
“ซี้ดดด!”
อึกกก!
“อย่ากลืนนะ”
“ไม่ทันแล้วค่ะ” สาวน้อยยิ้มทะเล้น พลางอ้าปากแลบลิ้นให้อีกฝ่ายเห็น ว่าเธอกลืนน้ำกามรสคาวลงคอไปหมดแล้ว
“ลุงรามขา ดูนี่สิคะ”
เด็กแสบพูดพลางถ่างขาเรียว แล้วใช้สองนิ้วแบะกลีบดอกไม้ไร้ขน ให้เห็นความฉ่ำเยิ้มในร่องหวาน พอเขาเห็นเธอยั่วยวน ก็ไม่รีรอที่จะขึ้นเตียงมาเลียน้องสาวให้ ยิ่งได้เห็นภาพเวลาที่เขาบรรจงลิ้นเลีย เธอยิ่งรู้สึกเสียวอย่างบอกไม่ถูก
จ๊วบ ซวบ ซู้ดดด~
ริมฝีปากร้อนผ่าว ยกซดน้ำเชื่อมแสนหวาน อย่างตะกละตะกลาม พร้อมกับสอดสองนิ้วแข็งขืน แยงเข้ามาในร่องสวาทฉ่ำแฉะ ให้คนตัวเล็กดิ้นพล่านไปมา ด้วยความสาดเสียว พอเธอเสร็จสม ก็อุ้มขึ้นไปขย่มตอแข็งบนตักแกร่งกร้าน
“ถะ ถุงยาง อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะ อร๊างงง!”
สาวน้อยพยายามเตือนเรื่องถุงยาง ที่ฝ่ายชายยังไม่ได้สวมใส่ ทว่าจังหวะนั้น ทุกอย่างกลับหลุดจากการคอนโทรลไปโดยปริยาย เพราะเธอขึ้นขย่มให้ เขาเลยสติหลุด
มารู้ตัวอีกที ก็ตอนที่หลั่งน้ำกามเข้ามาในตัวเธอแล้ว
“เดี๋ยวซื้อยาคุมฉุกเฉินให้”
เสียงทุ้มกระซิบข้างใบหูแดงซ่าน ก่อนจะบรรเลงเพลงสวาทอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งนาฬิกาบอกเวลา แจ้งเตือนว่าตอนนี้แปดโมงเช้าแล้ว แต่ฝ่ายชายก็ยังโยกสะโพกสอบไม่พัก
“อือ~ ลุงรามไม่เหนื่อยบ้างเหรอ?”
สาวน้อยเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอ่อนเพลีย เพราะไม่คิดว่าผู้ชายอายุสามสิบอัพ จะมีเรี่ยวแรงเหลือล้นขนาดนี้ ตัดภาพมาที่เธอนอนขาสั่นระริก หมดสภาพเด็กแสบที่เคยหัวดื้อ
“เหนื่อย”
“งั้นก็หยุดสิคะ แล้วลงมานอนกอดหนูดี”
คนตัวเล็กอ้าแขนรอรับอ้อมกอดจากฝ่ายชาย ซึ่งเขาก็โน้มตัวลงมากอด แต่ยังซอยเอวไม่หยุดยั้งเหมือนเสือติดสัตว์
แล้วทุกครั้งที่เขาเสร็จสม เธอก็จะเสร็จด้วย เพราะเขารู้ว่าจุดอ่อนไหวของเธออยู่ตรงไหน จึงก้มดูดนม สลับโลมเลีย จนน้ำแตกคาร่อง ทำให้ตอนนี้จุดเชื่อมของเราทั้งคู่ เหนียวเหนอะหนะไปด้วยน้ำสีขาวข้น ไหลเยิ้ม จนเปื้อนบั้นท้ายสวย
ประสบการณ์การมีเซ็กซ์ครั้งแรก จบลงอย่างสมบูรณ์ ในตอนเที่ยงวัน ซึ่งชายคู่หมั้นยอมลางานเพื่อการนี้ มิหนำซ้ำ บาดแผลที่ถูกเย็บบริเวณแขนขา และแผ่นหลัง ยังมีเลือดซิบ เพราะเขาฝืนสังขารตัวเองสุดฤทธิ์ เพื่อจะทำให้เธอมีความสุข
สุดท้าย สาวน้อยก็ต้องใช้งานสองขาสั่นเทิ้ม พาชายคู่หมั้นไปโรงพยาบาล เพื่อเย็บแผลใหม่ ไม่รู้ว่าจะสงสารเขา หรือว่าสงสารตัวเองดี เพราะท่าทางการเดินของเธอ เหมือนคนเป็นสันนิบาต ขาทั้งสองข้างสั่นเป็นเจ้าเข้า จนหมอกับพยาบาลเข้าใจผิด คิดว่าเธอเป็นคนไข้ ถึงขั้นเอารถเข็นมารับ
พอเธอปฏิเสธรถเข็น คนที่มาด้วยกันก็แอบกลั้นขำ
แต่นอกเหนือจากโดนหมอกับพยาบาลช็อตฟิวแล้ว
สิ่งที่ดีที่สุดในวันนี้ คือการได้เห็นรอยยิ้มของชายตรงหน้า แม้ว่าจะเป็นเพียงรอยยิ้มกลั้นขำ ทว่ารอยยิ้มนั้น กลับทำให้หัวใจดวงน้อย ดวงนี้ พองโตขึ้นมา อย่างมีความสุข
แบบนี้เขาเรียกว่าตกหลุมรักเข้าให้แล้ว หรือเปล่าน้า~
“หนูดี?”
เสียงหนึ่งเอ่ยทัก ขณะที่ชายคู่หมั้น เข้าไปเย็บแผลภายในห้อง ซึ่งเจ้าของเสียงนั้น คือ ‘พี่ไทเป’ เพื่อนสนิทพี่เนม
“โอ๊ะ~ เฮียเป!?”
“นึกไว้แล้วว่าต้องใช่แน่ๆ เห็นแผ่นหลังปุ๊บ ก็รู้ทันทีว่าเป็นเจ้าเด็กดื้อ~” ชายหนุ่มหน้าตี๋ สวมใส่เสื้อกาวน์สมกับเป็นคุณหมอสุดหล่อ เดินเข้ามาทักทายสาวน้อยอย่างสนิทสนม โดยที่ไม่ลืมลูบหัวเหมือนอย่างเคย แต่ก่อนที่ฝ่ามือหนา จะสัมผัสโดนเรือนผมสีน้ำตาลสวย กลับถูกชะงักด้วยใครบางคน ที่เข้ามาจับข้อแขนข้างนั้น ไม่ยอมให้ชายอื่นสัมผัสตัวเธอ
“คุณเป็นใครเหรอครับ?”
พี่ไทเปเอ่ยถามอย่างสุภาพ เพราะเขาไม่รู้จักลุงราม
“เฮียเปคะ ผู้ชายคนนี้เป็น…”
“คู่หมั้น”
เสียงเข้มพูดแทรก ด้วยสถานะที่ชัดเจน ว่าเป็นอะไร
แบบนี้เขาเรียกว่า หอ อึง งอ หึง ใช่ไหมคะ คุณกิตติ!
“อ้อ คุณคงเป็นคู่หมั้นที่เพื่อนผมเคยพูดถึงสินะครับ”
พี่ไทเปยิ้มทักทายอย่างเป็นมิตร ทว่าสายตาของชายคู่หมั้น กลับตรงกันข้าม เขาดูไม่สบอารมณ์ จนเธอต้องพูดขึ้น
“ลุงรามคะ คุณหมอคนนี้เป็นเพื่อนสนิทของพี่เนมค่ะ”
“ไม่อยากรู้จัก”
เขาตอบปัดอย่างไม่แคร์ความรู้สึกของอีกฝ่าย ก่อนจะจับมือขาวนวล พาคนตัวเล็กเข้าไปรอในห้อง เธอพยายามยื้อเพื่อที่จะบอกลาพี่ไทเป ทว่าเขาไม่อนุญาตให้เธอทำสิ่งนั้น
“ชอบมันหรือไง?”
“คะ?”
งงเป็นไก่ตาแตก เฮียเปมีแฟนแล้ว เธอจะชอบได้ยังไง
“ถ้าไม่ชอบก็ไม่ต้องไปคุย”
เสียงเข้มพูดเชิงออกคำสั่ง ดูทรง คงจะหึงหวงเอาเรื่อง
“แบบนี้หนูดีต้องห้ามคุยกับผู้ชายทุกคนเลยหรือเปล่าคะ?” สาวน้อยเอียงคอสงสัย พลางเอ่ยถามด้วยความอยากรู้
“ถ้าทำได้ก็ทำ”
“อ่า~ แล้วพี่นนท์กับพี่เนม และป๊าของหนูดีละคะ คุยได้ไหม?” เขาเงียบ พลางมอบตอบด้วยสายตานิ่งเรียบ ราวกับรู้ว่าเธอกำลังกวนโอ๊ย ถ้าไม่ติดว่าคุณหมอกำลังเย็บแผลอยู่ เธออาจจะโดนงับหัว ไม่ก็โดนผัวแก่จับซั่ม เป็นการลงโทษ
อุ๊บส์~ เราจะด่าคู่หมั้นว่าเป็นผัวแก่ไม่ได้
เพราะเขายังหนุ่ม ยังแน่น ช่วงล่างยังฟิตปั๋ง กะอีแค่อารมณ์แปรปรวนนิดหน่อย ไม่ถือว่าแก่หรอกเนอะ~ (>///<”)
หนึ่งชั่วโมงต่อมา
หลังจากเย็บแผลเสร็จสรรพ ชายคู่หมั้นก็พาสาวน้อยมาทานมื้อเช้า ที่ร้านอาหารญี่ปุ่น (ไม่ใช่สิ ต้องเป็นมื้อบ่าย เพราะตอนนี้จะบ่ายสองแล้ว) เกือบลืมบอกไป ว่าคุณตากับคุณยายของเธอเป็นคนญี่ปุ่น ส่วนคุณปู่กับย่าเป็นลูกครึ่งไทย - จีน ทำให้เธอมีสามสัญชาติในตัว แต่เรื่องรูปร่างหน้าตา จะออกไปทางญี่ปุ่นมากกว่า ตัวเล็ก ผิวขาวอมชมพู คาวาอี้สุดๆ
และถ้าใครคาดหวังให้เธอพูดได้ถึง 3 ภาษา
ขอบอกเลยว่า ฝันไปเถอะค่าาา!
เธอไม่ได้เก่งเหมือนพี่นนท์ และไม่ได้สมองเทพเหมือนพี่เนม ฉะนั้น ภาษาที่พูดได้คล่องแคล่วที่สุด ก็คือภาษาไทย รองลงมาคือภาษาอังกฤษที่พอจะสปีคอิงลิชได้นิดหน่อย ส่วนภาษาญี่ปุ่นกับภาษาจีน ต้องยกให้พี่ชายทั้งสองคน เพราะพวกเขาเอาความฉลาด และความเก่งกาจไปหมดแล้ว ครอบครัวถึงได้เลิกคาดหวังกับลูกสาวคนเล็ก แล้วยกให้เป็นคู่หมั้นผู้ชายที่ประสบความสำเร็จอย่าง ‘ลุงรามสูร'
อย่างที่บอกไป ว่าความซวยไม่ได้ไปตกอยู่ที่ลุงรามเป็นคนแรก แต่พวกพี่ชายของเขาปฏิเสธ เขาจึงซวยที่รับหมั้น
พูดถึงเรื่องนี้แล้วสะเทือนไต (T_T)
ทั้งที่ขาวสวยหมวยเอ็กซ์ ตัวเล็กน่ารักจิ้มลิ้มซะขนาดนี้ แต่ผู้ชายกลับเกี่ยงกันเอา ยังดีที่ลุงรามหน้ามืดตามัว เปิดซิงจิงเกิลเบลส์ของเธอไปแล้ว ที่เหลือแค่รอเวลา แต่งงงานกัน
“ลุงรามคะ”
ขณะที่กำลังทานราเมนร้อนๆ แสนอร่อย เสียงหวานก็เอ่ยเรียกคนข้างกาย ที่ไม่ยอมทานอาหาร สั่งแค่ชาร้อนมานั่งจิบเพื่อรอเธอ ซึ่งเขาไม่เป็นผู้ชายขี้เก๊ก แค่เป็นคนนิ่งๆ เท่านั้น
“ลุงรามไม่เคยคบหากับผู้หญิงที่ชื่อหนิงใช่ไหมคะ?”
คิ้วเข้มเลิกขึ้นเล็กน้อย เพราะไม่คิดว่าเธอจะถามถึงเรื่องนี้ แต่ในเมื่อเราสองคนบะบะโอ้บะบะกันแล้ว เรื่องความสัมพันธ์ในอดีตของเขา เธอก็ควรจะรับทราบเอาไว้ก่อน
“ไม่เคย”
“ถ้าไม่เคยคบกัน แล้วทำไมถึงเกือบมีอะไรกันละคะ?”
เจ้าของนัยน์ตาสีเทาหม่นเริ่มเลิ่กลั่ก เพราะถูกถามในร้านอาหาร ที่มีลูกค้าไม่ต่ำกว่าสิบคน นั่งเรียงรายทานราเมนกันอยู่ข้างๆ และคาดว่า น่าจะได้ยินคำถามของสาวน้อยด้วย
“ค่อยกลับไปคุยกันที่ห้อง”
“อ้าว แล้วทำไมถึงให้คำตอบเลยไม่ได้ละคะ?"
เด็กสาวถามต่อด้วยความขี้สงสัย ก่อนจะหันกลับไปซูดเส้นราเมนอย่างเอร็ดอร่อย ขณะที่ฝ่ายชายนั้น ตกเป็นเป้าสายตาของคนภายในร้าน แม้จะเพียงเสี้ยววิ แต่มันก็น่าอาย สำหรับผู้ชายที่มีโลกส่วนตัวสูง และไม่ชอบให้คนอื่นมาสนใจ
พรึบ!
คนตัวสูงไม่มีคำตอบให้ แต่กลับลุกขึ้นเดินหนีออกไปจากร้าน ดวงตากลมโตมองตาม ทั้งที่เส้นราเมนยังคงคาอยู่ในปาก แต่ก่อนที่เธอจะลุกก็ดันเจอพี่ที่รู้จักเดินเข้ามาทักทาย
“น้องหนูดีจริงๆ ด้วย ไม่คิดว่าจะมาเจอกันที่นี่”
ในวันที่แต่งตัวสบายๆ สวมใส่เสื้อเชิ้ตตัวโคร่ง (เสื้อลุงราม) กับกางเกงยีนขาสั้นรองเท้าผ้าใบ ไม่ได้แต่งหน้า ดันเจอพี่รหัสที่ตัวเองแอบปลื้ม แถมยังซวย ไปถามเรื่องแบบนั้นกับลุงรามอีก ไม่รู้ว่า ‘พี่เจ้านาย’ จะได้ยินไหม แต่ขอให้ไม่ได้ยิน
“อะ อ้าว พี่เจ้านาย สวัสดีค่า~”
ดวงหน้าจิ้มลิ้มคลี่ยิ้มสดใส พลางยกมือไหว้แก้เขิน
“สวัสดีครับ พี่ขอนั่งคุยด้วยได้ไหม?”
ชายหนุ่มหน้าหวาน ขออนุญาตก่อน เพราะที่ที่เขาจะนั่ง คือที่นั่งของลุงราม ที่เดินหนีไปไหนแล้วก็ไม่รู้ แต่ที่เธออยากรู้ตอนนี้คือใครจะจ่ายค่าราเมนชามนี้ให้หนูเล่า ลุงราม!
“ได้ไหมครับ?”
เมื่อเห็นว่าเธอไม่ตอบ พี่เจ้านายเลยถามซ้ำอีกครั้ง
“อ้อ ได้ค่ะ นั่งเลยค่ะ”
เธอไม่อยากปฏิเสธ เลยอนุญาตให้เขานั่งพูดคุยด้วย
“เห็นเจ้าขาบอกว่าน้องหนูดีมีปัญหา จริงเหรอครับ?”
พี่เจ้านายเอ่ยถาม ด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงเป็นใย
เกือบลืมบอกไป ว่าพี่เจ้านายเป็นพี่ชายแท้ๆ ของเจ้าขา ซึ่งตอนที่เธอเข้าไปเรียนมหาลัยปีหนึ่ง และได้พี่เจ้านายเป็นพี่รหัส พี่เขาก็ดูแลเทคแคร์เธอดีมาก ทำให้เธอแอบปลื้มอยู่ห่างๆ เพราะว่าพี่เขามีแฟนแล้วเลยไม่อยากแย่งของๆ ใคร
“ไม่เชิงมีปัญหาหรอกค่ะ แค่ทะเลาะกับกลุ่มเพื่อน”
แสดงว่าเจ้าขายังไม่ได้บอก ว่าเธอโดนกลุ่มเพื่อนเท
“อยากให้พี่ช่วยคุยให้ไหม?”
พี่เจ้านายไม่พูดเปล่า แต่ถือวิสาสะมาจับมือเธอด้วย