Cake says:
ผมลืมตาตื่นขึ้นมา คงจะเช้าแล้วสินะ แต่ตอนนี้ผมยังไม่อยากจะทำอะไรเลย คืนที่ผ่านมาเป็นคืนแรกที่ผมหลับได้อย่างสบายใจที่สุด เรื่องของครอบครัวผม ผมสบายใจขึ้นมากที่ได้เล่ามันออกไปและคนที่รับฟังก็เป็นพี่ทราฟ ตอนที่พี่ทราฟบอกว่าไม่ได้มีแค่แม่ที่รักผม แต่พี่ทราฟก็รักผมเช่นกัน ตอนนั้นผมตื่นเต้นมาก รู้ว่าตัวเองดีใจที่ได้ยินแบบนั้น แม้บางทีพี่ทราฟอาจจะแค่พูดปลอบผม แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นก็ยังดีใจ
ผมอยากทำอะไรได้มากกว่านี้ ผมอยากมองเห็นพี่ทราฟ ไม่อยากเป็นคนที่ทำอะไรไม่ได้แล้วต้องได้รับการดูแลอย่างเดียว จะมีวิธีไหนไหมที่ผมจะกลับมามองเห็นอีกครั้ง ตาของผมมันจะมีทางรักษาให้หายเป็นปกติได้ไหม
ความอบอุ่นที่ได้รับเมื่อคืน ทำให้ผมอยากมองเห็นอีกครั้ง ไม่อยากจะอยู่ในโลกมืดมิดอีกต่อไป ผมขอมากไปหรือเปล่า แค่รอดจากความตายมาได้ก็เยอะแล้วใช่ไหม แต่ผมอยากได้มากกว่านี้ ถ้าผมมองเห็นและสามารถทำอะไรให้พี่ทราฟบ้าง ไม่ใช้เอาแต่รับอยู่ฝ่ายเดียวแบบนี้ก็คงดี
“ตื่นแล้วเหรอเค้ก”
“อ๊ะ!” ผมตกใจเพราะอยู่ดีๆก็ถูกดึงเขาไปกอด ตามมาด้วยแรงกดย้ำที่แก้ม เหมือนกับว่าผมจะถูกหอมแก้มนะใช่หรือเปล่า...หรือว่าไม่ใช่ เอ๊ะ ยังไง? (ใช่แล้วจ๊ะน้องหนู อิอิ)
“ว่าไงครับ ตื่นหรือยัง” พี่ทราฟถามมาอีก
“ตื่น...ตื่นแล้วครับ”
“พี่ก็ตื่นแล้ว แต่ยังไม่อยากตื่นเลย อยากนอนอยู่แบบนี้” พี่ทราฟกระชับกอดให้แน่นขึ้นอีก จนรู้สึกเหมือนหน้าผมแนบอยู่กับหน้าอกพี่ทราฟ ผมได้ยินเสียงหัวใจพี่ ทราฟด้วย เป็นจังหวะที่เต้นมั่นคง ฟังไปก็เพลินดี
“เค้กครับ...” พี่ทราฟเรียกผมแล้วก็ไม่ยอมพูดต่อ
“อะไรครับ” ผมเลยต้องถามกลับ
“อยากย้ายมาอยู่ที่นี่ไหม มาอยู่ที่บ้านนี้กับพี่”
ผมตกใจมากกับคำพูดของพี่ทราฟ หมายถึงจะให้ผมย้ายมาอยู่ที่นี่น่ะเหรอ ผมคงทำแบบนั้นไม่ได้หรอก ถึงผมจะชอบอยู่ใกล้พี่ทราฟ แต่ว่ามันมากเกินไปที่จะมาอยู่ที่นี่ ผมไม่อยากเป็นภาระให้ใครโดยเฉพาะคนที่ดีกับผมแบบพี่ทราฟ ยังไงก็ไม่ได้
“เค้ก...คงทำแบบนั้นไม่ได้”
“ทำไมล่ะ”
“เค้กอยู่หอแบบที่เป็นอยู่ก็ดีอยู่แล้วครับ เค้กไม่อยากรบกวนพี่ทราฟมากไปกว่านี้” ผมบอกจากใจจริง
“ไม่รบกวนสักนิดเดียว มาอยู่ที่นี่ดีกว่านะ พี่จะได้ดูแลเค้กง่ายๆไง”
“แต่ คือ เอ่อ...เค้กขอบคุณ แต่เค้กคงย้ายมาอยู่ที่นี่ไม่ได้ พี่ทราฟเข้าใจเค้กนะ”
ผมได้ยินเสียงพี่ทราฟถอนหายใจ ผมรู้ว่าพี่ทราฟหวังดี แต่ผมไม่อยากรบกวนอะไรไปมากกว่านี้ อยู่ดีๆจะให้มาอาศัยอยู่ที่นี่ผมคงทำไม่ได้ หวังว่าพี่ทราฟคงจะไม่โกรธผมนะ
“วันนี้เราจะออกไปซื้อของใช้ให้สายไหมกัน จะไปกี่โมงดี” ผมถูกดึงให้ลุกขึ้นนั่ง
“ตอนนี้กี่โมงแล้วครับ” ผมถามพลางบิดขี้เกียจน้อยๆ
“เจ็ดโมงกว่าแล้วครับ”
“งั้นไปซักสิบโมงดีไหมครับ กินข้าวเช้าก่อนได้ไหม”
“ได้ครับ ป่ะ ไปอาบน้ำ เดี๋ยวพี่เตรียมเสื้อผ้าให้”
ผมอาบน้ำที่ห้องพี่ทราฟหลายครั้งเลยพอจะรู้บ้างว่าอะไรอยู่ตรงไหน ที่ชอบที่สุดก็คงจะเป็นน้ำอุ่นเนี่ยแหละ อาบแล้วรู้สึกสบายตัวเลือดหมุนเวียนดี
“ถ้ากรงไซต์นี้ก็จะมีทั้งหมดสี่แบบตามนี้เลย”
“ครับ ผมขอดูก่อนนะครับ” พี่ทราฟบอกกับคนขาย
พี่ทราฟพาผมและเจ้าสายไหมมาซื้อของใช้ให้เจ้าสายไหมที่ร้านสัตว์เลี้ยงแถวๆบ้านพี่ทราฟ ทีแรกผมก็นึกว่าจะไปซื้อร้านแถวๆหอผมซะอีก แต่พี่ทราฟบอกว่ามันเสียเวลาและรถก็ติดด้วย ซึ่งผมก็เห็นว่าดี จะได้ไม่เปลืองน้ำมัน ผมเปล่าขี้งกนะ แค่เป็นคนรู้จักค่าของเงินก็แค่นั้น
“เค้กชอบแบบไหน”
“แบบไหนก็ได้ครับ พี่ทราฟเลือกเลย”
“งั้นเอาแบบนี้ไหม ให้เจ้าสายไหมมันเลือก มันเลือกอันไหนก็เอาอันนั้น”
“ดีครับ อ๊ะเจ้าสายไหม เลือกบ้านของแกซะ”
ผมปล่อยเจ้าสายไหมออกจากอ้อมแขน ได้ยินเสียงก๊อกแก๊กดังขึ้นเพราะมันคงกำลังเลือกกรงอยู่
“จะเอาอันนี้หรือเจ้าสายไหม”
“มันเลือกได้แล้วเหรอพี่ทราฟ”
“ได้แล้วครับ”
“งั้นเราก็ไปเลือกของอย่างอื่นดีกว่า พี่ครับ ผมเอากรงอันนี้ครับ แล้วก็ถาดอาหารเข้าชุดกันด้วยหนึ่งชุด” พี่ทราฟพูดสั่งของกับเจ้าของร้าน ผมอุ้มเจ้าสายไหมและลุกขึ้นยืน
“ปลอกคอเค้กว่าสีอะไรดี”
“สีเขียวได้ไหมครับ”
“อืม เขียวเหรอได้สิ เจ้าสายไหมขนมันขาว สีอะไรก็สวย”
“งั้นซื้อสองอันได้ไหมครับ สีเขียวอัน สีชมพูอัน”
“ได้สิครับ ทำไมจะไม่ได้ล่ะ”
แล้วผมกับพี่ทราฟก็เลือกซื้อของให้เจ้าสายไหมด้วยความเพลิดเพลิน เจ้าสายไหมเองก็ดีจะชอบใจ เฮ่าตลอดเวลาอย่างสนุกสนาน (?) เมื่อได้ของของเจ้าสายไหมครบแล้วพี่ทราฟก็พาผมไปนั่งกินไอศกรีมต่อ ร้อนๆแบบนี้นั่งในร้านที่มีแอร์และกินไอศกรีมเย็นๆ มันยิ่งกว่าสวรรค์เสียอีก
“อยากไปไหนอีกไหมเค้ก”
“หะ อะไรนะพี่ทราฟ” ผมถาม เพราะเมื่อกี้ไม่ได้ฟัง มัวแต่คิดอะไรเพลินๆ
“พี่ถามว่าอยากไปไหนอีกไหม”
“อืม ไม่มีแล้วครับ กลับบ้านกันเลยก็ได้”
“ครับ แต่แวะซื้อเค้กกลับบ้านกันก่อนเนอะ ดีไหม”
“ดีครับ” ผมทั้งตอบทั้งพยักหน้าเพราะผมชอบกินเค้กมากที่สุด
[Krrrr Krrrr]
“ฮัลโหล ว่าไงไอ้สอง กูเหรอ กูบอกแล้วนี่ว่าจะออกมาซื้อของกับเค้ก ทำไม ว่าไงนะ!”
ผมสะดุ้งนิดหนึ่งเพราะพี่ทราฟพูดเสียงดังเหมือนลืมตัว ก่อนจะพูดเสียงเบาลง ผมได้แต่คิดว่าเกิดอะไรขึ้นพี่ทราฟถึงได้ทำเสียงตกใจและบางทีก็ฟังเหมือนกำลังกังวลกับอะไรบางอย่าง
“เออๆ เดี๋ยวฉันรีบกลับ ฝากแกด้วย รู้แล้วน่า เออกูรู้ๆ กูผิดเอง มึงพอใจยัง แค่นี้กูก็เครียดแล้วห่า”
คงเกิดเรื่องที่บ้านแน่ๆเลย ใช่ไหม? ผมเองก็เริ่มจะเป็นกังวลแล้ว
“มีใครอยู่บ้าง เออ แค่นี้แหละ”
ผมนั่งนิ่งแทบไม่ขยับด้วยซ้ำ ผมได้ยินพี่ทราฟถอนหายใจ และก็หายใจแรงๆทำเสียงฟึดฟัด อ่า ผมไม่เคยเจอพี่ทราฟแบบนี้เท่าไหร่ น่ากลัวเหมือนกันแหะ T^T
“พี่ทราฟ...เอ่อ...”
“เค้กครับ กลับบ้านกันนะ เดี๋ยวพี่ไปจ่ายเงินค่าไอศกรีมก่อน”
“ครับ” ผมรับคำและนั่งรอพี่ทราฟไปจ่ายเงิน เมื่อกี้พี่ทราฟอารมณ์ไม่ดี แต่พี่ ทราฟก็ยังพูดดีกับผมเหมือนเดิม พูดด้วยน้ำเสียงอบอุ่นแบบเดิมไม่เปลี่ยน ทำให้ผมเชื่อใจได้ว่า ไม่ว่ายังไงพี่ทราฟก็จะดีกับผมแบบนี้ไปตลอด ถึงจะโมโหใส่ใครแต่ก็ไม่เคยเอามาใช้กับผมเลยสักครั้ง นี่ยิ่งทำให้ผมประทับใจมากขึ้น
ตอนนี้ผมอยู่บนรถกับพี่ทราฟ รับรู้ได้เลยว่าพี่ทราฟรีบมาก เพราะรถเบี่ยงไปมาจนผมรู้สึกได้ พี่ทราฟคงแซงปาดหน้าทุกคันแน่ๆ บางทีผมก็ได้ยินเสียงบีบแตรตามไล่หลัง ดีนะที่ไม่ได้ยินเสียงด่าไล่ตามมา เหอะๆ
“กลัวไหมเค้ก” พี่ทราฟถามผมเสียงเครียด คงกังวลเพราะพี่ทราฟขับรถค่อนข้างน่าหวาดเสียว
“นิดหน่อยครับ แต่ไม่เป็นไร ก็เค้กมีพี่ทราฟอยู่ด้วยนี่ ถ้าจะเกิดอะไรก็มีเพื่อนแหละน่า” ผมพยายามพูดติดตลกเพื่อให้พี่ทราฟไม่เครียดไปมากกว่านี้ ถ้าสภาพคนเครียดต้องคิ้วขมวด ป่านนี้คิ้วพี่ทราฟคงผูกเป็นโบว์ได้อย่างสวยงาม
“ฮะๆ ช่างพูดจริงนะเรา” พี่ทราฟขำออกมาเบาๆ ผมเลยหันหน้าไปทางพี่ทราฟและยิ้มหวานๆให้อีกที ผลที่ได้รับคือพี่ทราฟขยี้หัวผมอีกแล้ว
“เค้กไม่ใช่หมานะ พี่ทราฟชอบลูบหัวเค้ก ทำยังกับหัวเค้กเป็นหัวเจ้าสายไหมงั้นแหละ” ผมทำหน้ายู่นิดๆ
“ผมเค้กนุ่มกว่าขนเจ้าสายไหมอีก รู้ตัวไหมครับ”
“ -_- ”
บอกผมทีว่าเมื่อกี้พี่ทราฟชมผม ทำไมรู้สึกว่ามันทะแม่งๆแบบแปลกๆยังไงก็ไม่รู้ ผมของผม นุ่มกว่าขนของเจ้าสายไหม? เอ่อ คงชมแหละ...มั้ง >_<
และแล้วผมกับพี่ทราฟก็มาถึงบ้านโดยสวัสดิภาพ ผมเดินตามพี่ทราฟเข้าบ้าน โดยมีมืออันอบอุ่นที่พาผมไปไหนมาไหนตามเคย จนกลายเป็นความเคยชินไปแล้ว
“ไอ้ทราฟ! ไหนมึงบอกจะรีบมาไง” เสียงพี่เจโวยวายแบบกระซิบ ทำไมต้องกระซิบอ่ะ
“กูรีบที่สุดแล้ว มึงคิดว่าถนนในกรุงเทพเหมือนต่างจังหวัดหรือไงห่า รถติดแน่นจนแม่งไม่เขยื้อน”
“เออ ก็กูกลัวนี่หว่า มึงก็รู้ว่าเวลาผู้หญิงโมโห...”
“เออๆ กูรู้ กูก็เครียด แล้วนี่ไอ้สองอยู่ไหน”
“อยู่กับเฟ”
ผมที่ยืนฟังอยู่ด้วยเริ่มจะเข้าใจอะไรบางอย่าง พี่เฟมานี่เอง พี่ทราฟถึงได้รีบกลับบ้าน แต่ว่า ทำไม่ต้องทำเป็นเครียดกันขนาดนี้ด้วย มีเรื่องเหรอ หรือว่าพี่ทราฟกับพี่เฟจะทะเลาะกัน แล้วมัน...เรื่องอะไรล่ะ
ผมเริ่มอยากจะรู้เกินความพอดีไปหน่อย แต่ผมกลับอยากรู้แค่เรื่องของพี่ทราฟเท่านั้น เรื่องของคนอื่นผมไม่เคยอยากรู้มากขนาดนี้เลยนะ
“อืม มึงไปตามไอ้สองออกมาทีสิ”
“รอแปบ”
เสียงคนวิ่งจากไปคงเป็นพี่เจที่ไปตามพี่สอง มันแปลกไหมล่ะ ตอนนี้ผมกับพี่ ทราฟอยู่หน้าบ้าน แต่ไม่ยักกะเข้าบ้านสักที ผมว่ามันแปลกๆนะ ยังไงก็ต้องมีเรื่องแน่ๆ
“มีอะไรหรือเปล่าครับพี่ทราฟ” ผมถามออกไป
“ไม่มีอะไรหรอกครับ เค้กอยากไปเที่ยวโรงฝึกไหม”
“เค้กไปได้เหรอครับ” ผมถามด้วยความตื่นเต้น เพราะผมมาบ้านพี่ทราฟบ่อยมาก เกือบทุกวันแต่ไม่เคยได้ไปที่โรงฝึกเลยสักครั้ง ไม่รู้ว่ามันจะเป็นยังไง
“ได้สิครับ เดี๋ยวพี่จะให้ไอ้เจกับไอ้สองพาไปนะ”
“แล้วพี่ทราฟล่ะครับ” ผมถามเสียงเบา ถ้าให้เลือก ผมอยากให้พี่ทราฟพาไปมากกว่า
“พี่มีธุระนิดหน่อยครับ วันนี้ให้ไอ้เจกับไอ้สองพาไปก่อนนะ เดี๋ยววันหลังพี่พาไปอีกรอบ ส่วนเจ้าสายไหม ให้มันวิ่งเล่นแถวนี้แล้วกันนะ”
“ครับ”
“ไอ้ทราฟ! มึงนี่มัน เฮ้อ....ช่างเถอะ จัดการด้วย”
“เออ กูฝากมึงกับไอ้เจพาเค้กไปเดินเล่นที่โรงฝึกที แต่อย่าให้เค้กเป็นอะไรแบบคราวที่แล้วนะ ไม่งั้นกูอัดมึงสองคนแน่ๆ”
“เออ กูดูแลได้น่า มึงไปจัดการเรื่องของมึงเถอะ”
“เค้กครับ ไปกับไอ้สองและไอ้เจก่อนนะ พี่ทำธุระเสร็จแล้วพี่จะไปรับ”
“ครับ” ผมตอบเสียงดังฟังชัด ไม่อยากให้พี่ทราฟเป็นห่วง แค่นี้ผมดูแลตัวเองได้สบายมาก อีกอย่างที่เจ็บตัวคราวที่แล้วมันก็เป็นความผิดของผมเอง ไม่ใช่ของพวกพี่เขาหรอก
“ป่ะเค้ก เดี๋ยวพี่สองจะพาทัวร์รอบอาณาจักรของเราเอง”
พี่สองจับมือผมข้างหนึ่ง ส่วนอีกข้างหนึ่งคงเป็นมือของพี่เจที่จับมือผม ทั้งสองคนพาผมเดินเล่นกึ่งกระโดดกึ่งวิ่งไปตามทางเรื่อยๆ ด้วยความสนุกสนาน
เสียงตุ๊บตั๊บๆดังมาให้ได้ยิน พอดีกับที่พี่สองและพี่เจผ่อนฝีเท้าลงกลายเป็นเดินแทน
“ถึงแล้วเหรอครับ”
“ครับ ถึงแล้ว
“เอ้ย ไอ้พวกตรงนั้นอ่ะ มานี่ดิ”
พี่เจตะโกนเรียกใครสักคนหนึ่ง เขาวิ่งมาแล้วเสียงรอบตัวก็เจี้ยวจ้าวขึ้น เท่าที่ฟังรู้สึกว่าจะมีแต่เสียงผู้ชาย เสียงผู้หญิงแทบหาไม่ได้เลย
“พี่สอง ใครอ่ะ น่ารักจัง”
“แฟนพี่เหรอพี่เจ”
“น่ารักอ่ะ ตาใสจัง ชื่ออะไรอะครับ”
เอ่อ พวกเขาพูดกับใครกัน ใครน่ารักอ่ะ ผมเหรอ พวกเขาพูดกับผมหรือเปล่า แล้วผมควรตอบไปว่าไงล่ะ เพราะผมกำลังคิดมาก เลยเผลอตัวเขยิบเบียดพี่สองด้วยความกลัว
ผมน่ะ ไม่คุ้นกับการอยู่ท่ามกลางคนเยอะๆสักเท่าไหร่
“พอเลยไอ้พวกหน้าหม้อ เด็กไอ้ทราฟมัน ถ้าพวกมึงอยากรู้จักน้องก็เดินไปถามไอ้ทราฟนู่น”
“โฮ ไรวะ วัยรุ่นเซ็งเลย เฮียแม่งชั่วว่ะ มีแฟนแล้วยังคั่วเด็กน่ารักอีก”
“ปากดีแล้วไอ้เจมส์ เดี๋ยวไอ้ทราฟมาได้ยินก็เป็นเรื่องหรอก แล้วแกไอ้เก่ง ทำเวรกวาดพื้นหรือยัง ไปทำเดี๋ยวนี้เลยนะไอ้นี่นิ” พี่เจพูดบ่นไปมา
“ไปๆ แยกย้ายกันไปได้แล้ว มีอะไรก็ไปทำ” พี่สองตะโกนสั่งเสียงดัง
“ครับ” และทุกคนก็รับคำกันอย่างพร้อมเพรียง แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีเสียงบ่นเล็กน้อยดังมาให้ได้ยิน
“ป่ะเค้ก พี่จะบรรยายสภาพแวดล้อมแถวๆนี้ให้ฟังเอง ที่นี่เป็นตึกสองชั้น ชั้นล่างจะเป็นห้องฝึกแยกเป็นห้องๆ ทั้งหมดสิบสองห้อง และชั้นบนเป็นโรงยิม เอาไว้แข่งหรือทำกิจกรรมอย่างอื่น พวกเด็กที่มาเรียนส่วนมากชอบไปซ้อมที่โรงยิมชั้นบนมากกว่าเพราะที่กว้างกว่าในห้องซ้อมแยก”
พี่เจกับพี่สองพาผมเดินรอบๆโรงฝึกพลางอธิบายว่ามีอะไรตรงไหน แถมยังสอนให้ผมเตะต่อยอีกนิดหนึ่งที่ทำได้ง่ายๆ เล่นไปเล่นมาเริ่มสนุกจนเหนื่อย พี่เจและพี่สองก็เลยพาผมมานั่งหลังโรงฝึกที่มีลมพัดเย็นสบาย แถมยังมีร่มเงาเพราะตึกบังแสงแดดยามบ่ายจนหมด กลิ่นของดอกไม้ที่ลอยมาทำให้ผมรู้สึกสดชื่น ที่เหนื่อยๆจากการออกกำลังเมื่อกี้หายเป็นปลิดทิ้ง
“เค้ก นี่น้ำครับ”
“ขอบคุณครับพี่เจ” ผมบอกและเปิดขวดน้ำที่พี่เจเอาใส่มือให้ยกขึ้นดื่ม อ่า~ สดชื่นจริงๆ น้ำเก็กฮวยนี่น่า
“เป็นไง สนุกไหมครับ” พี่สองถามผม
“สนุกครับ เค้กไม่เคยได้วิ่งเล่นแบบนี้มานานแล้วเหมือนกัน” ผมบอกแบบไม่คิดอะไร แต่พี่เจและพี่สองเงียบไปแปบหนึ่งก่อนจะพูดต่อ
“งั้นเดี๋ยวว่างๆพี่จะพามาวิ่งเล่นอีกแล้วกันดีไหมเอ่ย” พี่สองถามเสียงร่าเริง
“ดีครับ เอ่อ พี่ครับ พี่ทราฟเขามีเรื่องอะไรหรือเปล่า”
พอได้หยุดนิ่ง ไม่ได้ทำอะไร ผมก็เริ่มคิดถึงเรื่องพี่ทราฟอีกครั้ง
“เอ่อ ไม่มีอะไรหรอกครับ พอดีเฟเขามีเรื่องมาปรึกษาไอ้ทราฟมันก็เท่านั้น” พี่สองเป็นคนตอบ ผมพยักหน้าช้าๆ
“พี่ทราฟกับพี่เฟไม่ได้ทะเลาะกันใช่ไหมครับ” ผมถามอีกเพราะยังกังวลเรื่องนี้อีกนิดหน่อย มันค้างคาใจแบบแปลกๆ
“ไม่ทะเลาะครับ!/ไม่ได้ทะเลาะครับ!” พี่เจและพี่สองพูดพร้อมกันอย่างกับนัดกันไว้งั้นแหละ เหอะๆ
“อ่อ ครับ”
ผมนั่งเล่นอยู่ที่เดิม พี่เจกับพี่สองก็ผลัดกันเล่าเรื่องนั้นเรื่องนี้ให้ฟัง โดยพี่เจเริ่มเผาพี่สองก่อน พี่สองก็ไม่ยอมน้อยหน้า จัดการขุดคุ้ยเรื่องของพี่เจมาพูด ไปๆมาๆเหมือนทั้งคู่จะเริ่มตีกันและเถียงกันไปมา ผมเลยนั่งฟังเงียบๆไม่มีปากมีเสียง เพราะคงสู้เสียงของพี่ทั้งสองคนไม่ได้ =_=
“มึงนั่นแหละร่อนไปทั่วไอ้เจ กูจำได้เลย มึงนะเสือกโง่ไปจีบเด็กไม่ดูตาม้าตาเรือจนผัวเขาเกือบมากระทืบมึง”
“กูร่อนตรงไหน กูชอบกูก็จีบ แต่แม่งไม่บอกกูเองนิว่ามีผัวแล้ว มึงนั่นแหละเช้าคนเย็นคน”
“เขาเรียกคนมีเสน่ห์เว้ย”
“ถุย! มีเสน่ห์แต่ไร้สมองล่ะสิมึง”
“อ้าวๆ มึงอย่ามาเปลี่ยนเรื่องไอ้เจ กูไร้สมองตรงไหนไม่ทราบ ถ้ากูไร้สมองกูคงถูกผู้หญิงพวกนั้นจับทำสามีไปแล้ว ไม่เอาตัวรอดเพราะความเก่งมาได้อย่างทุกวันนี้หรอก”
“ไร้สมองที่มึงเอาไม่เลือกไง ไอ้ห่า มึงนั่นแหละ เสนอความเป็นสามีให้เขา แหม มาทำเป็นพูดดี”
“โว๊ะ มึงนี่พูดไมรู้เรื่องวะไอ้เจ มิน่าล่ะ เด็กมึงถึงไม่มีใครอยู่ทนสักคนทั้งที่เป็นเด็กผู้ชาย
“ใครกันแน่ที่พูดไม่รู้เรื่องวะ”
เอ่อ... ผมควรห้ามดีไหม แบบว่าผมกลัวพี่เขาจะตีกันอ่ะ เรื่องนี้ผมไม่อยากรู้นะ ไม่ต้องเล่าก็ได้ เดี๋ยวตีกันตายเสียก่อน
“ไอ้เจ ไอ้สอง!”
เสียงพี่ทราฟนี่น่า!
พี่ทราฟมาแล้ว ดีจริงๆ จะได้มาห้ามทัพสองคนนี้ อย่างน้อยพี่เจและพี่สองก็หยุดตีกันได้เสียที
“กูให้พาเค้กมาเดินเล่น แต่พวกมึงกลับมาเถียงเรื่องปัญญาอ่อนกันเองเนี่ยนะ เจริญจริงๆ อายน้องมันบ้างไหม”
“เอ่อ กู...”
“เค้กครับ พี่สองไม่ผิดนะ”
“...” ผมไม่พูดอะไร ได้แต่ยิ้มแห้งๆ มันก็ดูแปลกๆเหมือนกันที่ผู้ชายโตแล้วมาทะเลาะกันอย่างกับเด็ก แต่ถ้ามองในอีกมุมหนึ่งจะรู้เลยว่าพี่เขาสนิทกันมาก ถึงได้ทะเลาะกันแบบไม่เป็นเรื่องเป็นราวได้
“เค้กจะกลับหอหรือว่านอนนี่ครับ” พี่ทราฟถามผม ส่วนพี่เจแยกไปทำกับข้าวเย็นและพี่สองไปดูความเรียบร้อยที่หอพักเด็ก
“กลับห้องครับ แต่เค้กขอไปลาเจ้าสายไหมแปบหนึ่งนะ”
“ได้ครับ”