Cake says:
ปวดหัว!
ความรู้สึกที่ผมรับรู้หลังจากตื่นขึ้นมาคือปวดหัวและปวดตามากๆ ลมหายใจที่ผ่านออกมาทางจมูกกระทบโดนหมอนและสะท้อนกลับเข้าที่หน้าทำให้ผมรู้ว่าตัวเองคงไม่สบายเข้าให้แล้ว ผมขยับพลิกตัวไปมาบนเตียงเพราะรู้สึกไม่สบายตัว
เอ๊ะ! เตียง...เตียงใคร อะไร ยังไง ?
ผมดีดตัวขึ้นจากที่นอนแต่ความรู้สึกเวียนหัวตีขึ้นมาจนต้องล้มตัวลงนอนอย่างเดิมพลางคิดว่าผมอยู่ที่ไหน กลิ่นนี้ไม่ใช่กลิ่นห้องผมแน่ๆ ผมจำได้ว่ามาบ้านพี่ทราฟและเกิดเรื่องนิดหน่อย ผมร้องไห้จนหลับไป แสดงว่าตอนนี้ผมก็ยังอยู่ที่บ้านพี่ทราฟ แล้ว...พี่ทราฟหายไปไหนล่ะ!
“พี่ทราฟ” ผมเรียกพี่ทราฟด้วยเสียงแหบพร่า ทั้งเจ็บคอ และหิวน้ำด้วย ทำไงดี ผมไม่รู้ว่าต้องไปทางไหน อะไรอยู่ตรงไหนบ้างก็ไม่รู้ ถ้าเป็นที่ห้องผมจะวางขวดน้ำไว้ที่หัวเตียง แล้วที่นี่จะมีเหมือนห้องผมหรือเปล่า
ผมค่อยๆไล่มือไปตามหัวเตียงอย่างช้าๆ แล้วก็เจอกับโต๊ะหัวเตียง คลำดูอยู่สักพักก็ไม่เจอขวดน้ำ มีแต่โคมไฟและของชิ้นเล็กชิ้นน้อยวางอยู่เท่านั้น
“ทำอะไรครับเค้ก” เสียงพี่ทราฟที่ดูงัวเงียดังขึ้นทำผมสะดุ้งตกใจ
“พี่ทราฟ” ผมลองเรียกอีกครั้งแต่เสียงกลับเบาเหลือเกิน
“ครับ ตื่นแล้วเหรอ เป็นไงบ้างปวดหัวไหม” ตัวผมถูกพี่ทราฟจับให้นอนลงตามเดิน ก่อนที่มือของพี่ทราฟจะสัมผัสตามหน้าผาก แก้ม แล้วก็ลำคอของผม
“ยังมีไข้อยู่เลย รอแปบนะ เดี๋ยวพี่ไปเอาผ้ามาเช็ดตัวให้” ผมไม่มีเรี่ยวแรงจะตอบอะไร ได้แต่นอนรอพี่ทราฟนิ่งๆจนเหมือนจะเคลิ้มหลับไปอีกรอบ แต่ก็ต้องรู้สึกตัวเพราะเสียงปลุกจากพี่ทราฟ
“ตื่นมากินข้าวก่อนนะเค้กจะได้กินยา” พี่ทราฟช่วยพยุงผมให้นั่งพิงหัวเตียงในท่าที่สบายก่อนจะค่อยๆป้อนโจ๊กให้ผม ถ้าผมไม่ป่วยคงรู้ว่าโจ๊กมันอร่อยมากและคงกินได้เยอะกว่านี้
“อิ่มแล้วเหรอเค้ก ห้าคำเองนะ กินอีกหน่อยนะจะได้หายไวไว”
เพราะผมอยากหายป่วยเร็วๆจึงฝืนใจกินโจ๊กไปอีกห้าหกคำ และก็กินยาที่พี่ ทราฟเตรียมมาให้ เมื่อกินเสร็จผมก็เลื้อยตัวลงนอนกับเตียง
“นอนพักก่อนนะ เช้านี้พี่ต้องไปสอนเด็กที่โรงฝึก แล้วตอนเที่ยงพี่มาหา ขวดน้ำพี่วางไว้ให้ที่หัวเตียงนะครับ” พี่ทราฟบอกและขยับผ้าห่มมาปิดถึงคอผม
“ครับ” ผมจะต้องหายไวไว พี่ทราฟจะได้ไม่เป็นห่วง
“งั้นก็นอนพักซะนะเด็กดี เดี๋ยวพี่มา”
ความอบอุ่นจากมือพี่ทราฟที่ลูบแก้มเบาๆ ผมรู้สึกสบายใจจนหลับไปอีกรอบ ตื่นมาอีกที ไม่รู้ว่ากี่โมงแล้ว แต่รู้สึกดีกว่าเมื่อเช้าเยอะ ปวดหัวน้อยลงแค่มีตึงๆอยู่บ้าง ส่วนตาก็ไม่ปวดแล้ว ผมใกล้จะหายไข้แล้วใช่ไหม ดีใจจัง ผมนอนพลิกไปพลิกมาเพราะไม่มีอะไรทำ พี่ทราฟก็ยังไม่มาแสดงว่ายังไม่เที่ยง เฮ้ออ เมื่อไหร่จะเที่ยงสักทีนะ
แอ๊ดดดดด
“ตื่นแล้วเหรอครับคนเก่ง ไหนพี่ทราฟดูซิว่าไข้ลดหรือยัง”
ผมยิ้มเมื่อรู้ว่าพี่ทราฟมาแล้ว ผมไม่ต้องอยู่คนเดียวแล้ว
“เค้กหายแล้วครับ!” ผมบอกอย่างตื่นเต้นดีใจ
“เก่งมาก แต่ว่าตัวยังรุมๆอยู่นะ ยังอาบน้ำไม่ได้ พี่จะเช็ดตัวให้อีกรอบแล้วลงไปกินข้าวข้างล่างกัน โอเคไหม”
“โอเคครับ”
พี่ทราฟหายไปซักพักก่อนจะกลับมานั่งที่เตียงข้างๆผม มือใหญ่ที่ยุกยิกอยู่ตรงแถวๆหน้าอกผมทำให้ผมรู้สึกเขินแปลกๆ จนเมื่อเสื้อหลุดออกไปจากตัว ผมก็รู้สึกหนาวและยังรู้สึกอายอีกด้วย
ความเย็นจากน้ำบนผ้าขนหนูทำให้ผมเกร็งตัวเล็กน้อยก่อนจะผ่อนคลายตัวเอง จนเมื่อพี่ทราฟจะดึงกางเกงผมออกจากตัวผมก็สะดุ้ง รู้สึกใจเต้นแรง ผมว่ามันน่าอายนะ ผมน่าทำความสะอาดบริเวณด้านล่างด้วยตัวเอง
“พี่ทราฟครับ เค้ก...”
มือที่กำลังจะดึงกางเกงผมออกหยุดชะงัก ทำให้ผมถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
“อะไรครับ ปวดหัวเหรอ”
“เปล่าครับ แต่...เอ่อ คือว่าด้านล่าง เค้ก..ขอทำเองได้ไหม เค้กอยากเข้า...ห้องน้ำด้วย” ผมพูดออกไปแบบตะกุกตะกัก อายก็อาย แถมหัวใจยังเต้นเร็วอีก ผมบ้าไปแล้วแน่ๆ รู้ว่าพี่ทราฟเองก็เป็นผู้ชายและผมเองก็ผู้ชาย แต่ผมกลับรู้สึกอายเอามากๆ นี่ผมไม่ใช้ผู้หญิงนะ บ้าชะมัดเลย!
“อ่า หึหึ ได้ครับ มา...เดี๋ยวพี่พาไปห้องน้ำ” พี่ทราฟหัวเราะนิดๆยิ่งทำให้ผมอายเข้าไปใหญ่ ดูเหมือนว่าพี่ทราฟจะรู้ว่าผมคิดอะไร หรือไม่รู้? แต่ผมไม่อยากให้รู้อ่ะ เอาเป็นว่าพี่ทราฟไม่รู้แล้วกันเนอะ ผมอาย!
“เค้กอยากกินอะไรครับ พี่จะให้ไอ้เจทำให้”
พี่ทราฟพาผมเดินลงไปข้างล่าง ตอนเดินลงบันไดผมก็นับขั้นบันไดไว้ในใจ ตอนแรกสิบขั้น ชานพักและเดินลงมาอีกเจ็ดขั้นและก็ถึงพื้น ผมเก็บจำนวนการก้าวและตำแหน่งต่างๆตามความเคยชิน แต่ก็จำอะไรได้ไม่เท่าไหร่ ของแบบนี้ต้องใช้เวลาจำและทำความคุ้นเคย แต่บางทีก็ไม่จำเป็นสำหรับที่นี้ เพราะผมคงมาไม่บ่อยหรอกมั้ง
“ไม่เป็นไรครับ มีอะไรเค้กก็กินได้หมด” ผมไม่อยากเรื่องมากให้พี่ทราฟต้องวุ่นวาย ผมกินง่ายอยู่ง่ายและเลี้ยงง่าย แม่เคยบอกผมแบบนั้น
“งั้นเราไปดูในครัวกันดีกว่าว่าวันนี้มีอะไรให้คนป่วยกินมั่ง” พี่ทราฟพาผมเข้าครัว เสียงจอแจของเพื่อนพี่ทราฟที่พูดคุยกันอยู่เงียบลง พี่ทราฟดึงตัวผมให้นั่งลง มือยังจับไว้ให้ผมรู้ว่าพี่ทราฟนั่งอยู่ข้างๆ
“น้องเค้ก เป็นไงบ้างอ่ะ หายหรือยัง” เสียงของ...อืม น่าจะพี่สองมั้งที่ถามผม ไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่เลย
“หายแล้วครับพี่...เอ่อ” ผมลังเลที่จะเรียกชื่อ กลัวเรียกชื่อผิด
“พี่สองไง เค้กจำเสียงพี่ได้ปล่าว เสียงพี่เพราะที่สุดแล้ว จำไว้ๆ” เสียงร่าเริงของพี่สองทำให้ผมยิ้มออก
“ถุย! เสียงมึงนะเพราะ เสียงน้องเขาน่าฟังกว่าเสียงมึงเยอะ” เสียงนี้เป็นพี่เจ ผมจำได้
“มีอะไรอ่อนพอให้เค้กกินได้บ้างวะ” พี่ทราฟถาม
“มีข้าวต้มปลา กูทำไว้ให้น้องเขา” พี่เจบอก ผมรู้สึกเกรงใจเอามากๆ เพิ่งเจอผมก็ทำให้คนอื่นเดือนร้อน
“ทราฟ เฟชงโอวันตินให้น้อง ไม่ร้อนเท่าไหร่ อุ่นๆน่ะ” เสียงพี่เฟพูดทำให้ผมพอเดาได้ว่าในครัวตอนนี้คงมีพี่ทราฟ พี่เฟ พี่เจ พี่สอง ส่วนพี่คราม...ผมยังไม่ได้ยินเสียงเลย หรือพี่เขาไม่อยู่
“ขอบคุณนะ ดีๆ มาเค้กมากินข้าวกันดีกว่า เดี๋ยวพี่ป้อน”
“อย่าดีกว่าครับ...เค้กกินเองได้” ผมรีบปฏิเสธ มันคงไม่เหมาะเท่าไหร่เพราะพี่เฟก็อยู่
“ไม่เอาน่าเค้ก พักความเกรงใจไว้สักนิด เค้กจะกินเองได้ยังไง” พี่ทราฟบ่นผม
“เค้กกินได้ กินได้มานานแล้วด้วย” ผมพูดเบาๆก้มหน้านิ่ง
“โตแล้วนะทราฟอย่าชวนน้องทะเลาะสิ” พี่เฟดุพี่ทราฟ
“ทราฟไม่ได้ชวนน้องทะเลาะสักหน่อย เค้กนั่นแหละดื้อ” อยู่ๆพี่ทราฟก็โยนความผิดมาให้ผม
“ผมไม่ดื้อสักหน่อย พี่นั่นแหละดื้อ” ผมเถียงกลับ ผมไม่ดื้อสักหน่อย แม่บอกว่าผมเป็นเด็กดีไม่เคยดื้อเลยสักนิด ผมไม่ยอมรับหรอก
“พี่ดื้อตรงไหน เค้กนั่นแหละดื้อ ดื้อมากด้วย”
“แล้วเค้กดื้อตรงไหนล่ะ พี่ทราฟพูดไม่รู้เรื่อง เค้กบอกว่ากินเองได้พี่ก็ไม่ยอม”
“เรานั่นแหละพูดไม่รู้เรื่อง เค้กไม่ยอมเชื่อพี่ พี่บอกว่าจะป้อนเค้กก็ไม่ยอม”
“ก็เค้กกินเองได้อ่ะ วันนั้นที่ไปกินพิซซ่าพี่ยังให้เค้กกินเองเลย ทำไมคราวนี้เค้กกินเองไม่ได้อ่ะ”
“ตอนนั้นกลับตอนนี้มันไม่เหมือนกันสักนิด ก็ตอนนี้เค้กป่วยนิ พี่ก็ต้องดูแลเค้กสิ พี่ผิดตรงไหน”
“แต่...”
“โว้ยยยย! หยุดเดี๋ยวนี้!!!” เสียงพี่ครามตะโกนดังลั่นบ้านจนผมสะดุ้ง ตกลงแล้วพี่ครามก็อยู่ในครัวด้วยเหรอ?
“หยุดเถียงกันเลยนะ ให้มากินข้าวไม่ได้ให้มาเถียงกัน กูแดกข้าวไม่ลงเข้าใจไหม เถียงกันเรื่องปัญญาอ่อน กูรำคาญ!”
“ก็.../เค้ก...” ผมกลับพี่ทราฟพูดขึ้นพร้อมกันแต่พี่ครามก็พูดแทรกทันที
“เงียบ! ไม่ต้องพูด ไอ้เจไอ้สอง ไปตักกับข้าวมาใหม่แล้วย้ายไปกินที่ห้องนั่งเล่น ปล่อยให้ไอ้สองตัวนี้เถียงกันในครัวไป เร็วด้วย กูหิว!” เสียงเลื่อนเก้าอี้และเสียงกุกกักภายในครัวดังขึ้นแปบหนึ่งก่อนจะเงียบไป พี่ๆคงออกไปกันหมดแล้ว
“เฟ ไปกินในห้องนั่งเล่นกันเถอะ” เสียงพี่เจดังขึ้น
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวเฟกินกับทราฟกับน้องเค้กได้”
“เอางั้นเหรอ งั้นก็ห้ามศึกด้วยแล้วกัน เดี๋ยวตีกันตายก่อนได้กินข้าวพอดี น้องเค้กกินข้าวให้อร่อยนะครับ” ผมหน้าแดงกับคำแซวของพี่สอง พอคิดอีกทีผมว่ามันงี่เง่ามากที่ทะเลาะกับพี่ทราฟเมื่อกี้ ยังกะเด็กๆแน่ะ แต่เรียกว่าทะเลาะก็ไม่ถูกหรอก ผมกับพี่ทราฟก็แค่..เถียงกันนิดหน่อยเอง จริงๆนะ
จากนั้นในครัวก็ตกอยู่ในความเงียบ ผมเองก็ไม่กล้าขยับตัว เหมือนทำอะไรไม่ถูกขึ้นมาซะดื้อๆ
“เฮ้อออออ พี่ขอโทษนะเค้ก โกรธพี่หรือเปล่า” พี่ทราฟบอก ฟังดูเหมือนรู้สึกผิด ผมส่ายหน้าก่อนจะพูด
“ไม่ครับ เค้กไม่โกรธพี่หรอก เค้กก็ขอโทษนะที่เถียงพี่ทราฟ” ผมบอก
“งั้นเราก็กินข้าวกันเถอะ ท่าทางครามจะหงุดหงิดน่าดูเลย ทราฟนี่ก็ทำตัวเหมือนเด็ก โตหรือยังห๊ะ” พี่เฟพูดติดขำ พี่ทราฟเองก็หัวเราะออกมาก่อนที่ผมจะได้รับสัมผัสเบาๆที่หัว พี่ทราฟชอบลูบหัวผมมาก บางทีผมคิดว่ามันเหมือนการลูบหัวหมายังไงไม่รู้ ไม่รู้ว่าพี่ทราฟคิดแบบนั้นหรือเปล่าถึงได้ชอบลูบหัวผม
“โอเค เค้กอยากกินเองเหรอครับ หรืออยากให้พี่ป้อน” พี่ทราฟถามผม ใจผมเต้นแรงขึ้นนิดหน่อยกับคำพูดของพี่ทราฟ
“เค้กกินเองดีกว่าครับ พี่ทราฟก็ต้องกินข้าวเหมือนกัน”
ถ้าป้อนผมด้วยพี่ทราฟคงกินข้าวลำบากแย่
“เอางั้นก็ได้ครับ” พี่ทราฟเอาช้อนใส่มือผมก่อนจะจับมือผมอีกข้างให้จับถ้วยจะได้รู้ว่าอยู่ตรงไหน แล้วผมก็เริ่มลงมือกิน
ตลอดการกินบทสนทนาจะผูกขาดอยู่ที่พี่เฟกับพี่ทราฟ โดยส่วนมากเป็นเรื่องที่ผมไม่ค่อยเข้าใจ แต่พี่ทราฟก็ชวนผมคุยและคอยถามผมตลอด บางทีก็ตักไข่ตุ๋นหรือต้มยำมาป้อนผมบ้าง แต่ไปๆมาๆกลายว่าพี่ทราฟป้อนกับข้าวให้ผมกินเป็นซะส่วนใหญ่ ผมเลยกินข้าวต้มไม่หมดชาม
“เค้กครับ นั่งเล่นอยู่ที่นี้กลับเพื่อนพี่ก่อนนะ พี่ต้องกลับไปสอนเด็กที่โรงฝึก อยู่ได้ไหมครับ”
กินข้าวเสร็จพี่ทราฟก็พาผมมานั่งที่ห้องนั่งเล่นกับพวกพี่ๆที่นั่งเล่นเกมส์กันอยู่
“เอ่อ เค้ก...”
“ไม่มีอะไรหรอกครับ หรืออยากไปกับพี่ แต่ในโรงฝึกคนเยอะมากเลยนะ ร้อนด้วย อยู่ที่นี่กับเพื่อนพี่ดีกว่า แค่สามชั่วโมงพี่ก็สอนเสร็จแล้ว”
“ก็ได้ครับ”
ถึงผมจะอยากอยู่กับพี่ทราฟมากกว่า แต่พี่ทราฟต้องทำงาน อยู่กับพวกพี่ๆก็คงไม่เลวร้ายเท่าไหร่หรอกมั้ง เพราะทุกคนก็ดูใจดีกับผมมาก
“ดีมากคนเก่ง พี่สอนเสร็จจะกลับมาให้รางวัล พี่ไปก่อนนะ จะเอาอะไรก็บอกเพื่อนพี่ได้ ใช้มันได้เต็มที่ ไม่ต้องเกรงใจรู้ไหมครับ”
ผมพยักหน้าเป็นคำตอบ แต่ผมไม่กล้าใช้พวกพี่ๆเขาหรอก บ้าเหรอ เพิ่งรู้จักกันจะไปใช้เขาได้ยังไง
พี่ทราฟไปแล้ว ตอนนี้ผมนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นกับเพื่อนพี่ทราฟ เอาตามตรงเลยนะ ผมเกร็งมากๆ ทำตัวไม่ถูกเลย เลยได้แต่นั่งนิ่งฟังเสียงเอฟเฟ็คเกมส์จากโทรทัศน์ที่ดังออกมา เสียงพี่เจกับพี่สองบ่งบอกถึงอารมณ์ร่วมที่มีต่อเกมส์ที่เล่น
“เบื่อไหม” เสียงพี่ครามดังขึ้น ไม่รู้ว่าถามผมหรือเปล่า แต่เสียงพี่ครามเหมือนว่าอยู่ใกล้ๆผม
“พี่ถามเค้กเหรอครับ” ผมถามออกไป
“ใช่ ถามเรานั่นแหละ ว่าไงเบื่อไหม ไอ้เจกับไอ้สองเอาแต่เล่นเกมส์ อยากทำอะไรหรือเปล่า”
“ไม่รู้สิครับ”
ปกติผมฟังแค่เพลง เล่นกับอ้วนกลม หรือไม่ก็นั่งฟังสารคดีจากโทรทัศน์ที่มักจะเปิดไว้เพื่อฟังข่าวสารเท่านั้นหรือไม่ก็เปิดไว้ไม่ให้เหงาจนเกินไป ชีวิตประจำวันช่างน่าเบื่อและไม่มีแก่นสาร เหมือนแค่อยู่ไปวันๆทำอะไรก็ไม่ได้
“ร้องเพลงได้ไหม” พี่ครามถามผมอีกครั้ง
“ได้ครับ เค้กชอบฟังเพลง”
เพลงเป็นอะไรที่ผมชอบมากที่สุด เพราะเข้าถึงได้มากที่สุด ผมฟังทั้งเพลงไทยเพลงสากล แต่จริงชอบเพลงสากลมากกว่า ดีที่ผมเรียนภาษาอังกฤษได้ดี เลยฟังออก
“งั้นรอแปบ เดี๋ยวไปเอากีตาร์ก่อน” พี่ครามหายไปไม่นานก็กลับมาพร้อมเสียงกีตาร์ พี่ครามพาผมไปนั่งตรงไหนไม่รู้ของบ้าน แต่คงห่างจากห้องนั่งเล่นพอสมควรเพราะผมไม่ได้ยินเสียงเอฟเฟ็คจากเกมส์แล้ว
“ร้องเพลงอะไรเป็นบ้างล่ะเรา ปกติฟังเพลงไทยหรือเพลงสากล”
“ทั้งสองครับ”
“ร้องเพลงรักแท้ของอาร์มแชร์เป็นไหม”
“เป็นครับ”
“อืม งั้นเพลงนี้แล้วกัน”
เพลงนี้ผมฟังบ่อยเหมือนกัน บ่อยมากๆ เป็นเพลงที่ฟังได้เรื่อยๆสบายๆ และความหมายดี
อยู่กับตัวเองในวันที่เงียบเหงา ฉันเฝ้ามองเห็นผู้คน
ที่คอยให้ไออุ่นกัน
อยากจับมือใครก็มีแต่ตัวฉัน เหมือนดังเดิมทุกๆ วัน
ฉันนั้นแทบขาดใจ
ถ้ามีใครสักคนมาทำให้ชีวิตผมไม่เหงาเหมือนที่ผ่านมาก็คงดีนะ
ทุกครั้งยังบอกตัวเอง หากแม้นมีใครที่เดินเข้ามา
มาเติมสิ่งที่ขาดหาย
ฉันนั้นจะเก็บรักษา และขอสัญญาจะนานเท่าไหร่
ฉันจะไม่เปลี่ยนไป
จะมีทางไหนที่ทำให้ฉันค้นพบคนดีของหัวใจ
ได้เจอกับใครที่ฉันรอ
อาจเพียงสักครั้งที่เราได้พบรักแท้เท่านี้ก็เพียงพอ
กับคนหนึ่งคนที่อยากจะขอ
จะมีสักคนไหมนะ
สิ่งหนึ่งในใจที่ยังจะตามหา ฉันว่ามันช่างมีค่า
และคุ้มที่จะเจอะเจอ
อาจเปลี่ยนคืนวันที่เป็นอยู่เสมอ ขอให้ฉันได้พบเธอ
รักแท้ที่ตามหา
ทุกครั้งยังบอกตัวเอง หากแม้นมีใครที่เดินเข้ามา
มาเติมสิ่งที่ขาดหาย
ฉันนั้นจะเก็บรักษาและขอสัญญาจะนานเท่าไหร่
ฉันจะไม่เปลี่ยนไป
จากนั้นก็ร้องอีกหลายเพลง ไทยบ้างสากลบ้าง โดยส่วนมากพี่ครามเป็นคนเลือกเพลง เพลงไหนที่ผมร้องได้พี่ครามก็จะให้ผมร้อง เพลงไหนที่ร้องไม่ได้พี่ครามก็จะทั้งเล่นทั้งร้อง เสียงพี่ครามเพราะอยู่เหมือนกัน เสียงทุ้มๆคงทำให้ผู้หญิงเคลิ้มได้ง่ายๆ เพราะผมก็เคลิ้มอยู่เหมือนกัน เวลาล่วงเลยไปไม่รู้ว่ากี่โมง ตอนนี้ผมนั่งอยู่คนเดียว ส่วนพี่ครามไปคุยโทรศัพท์ ผมเท้ามือไปข้างหลังกะเอนตัวเปลี่ยนท่านั่ง แต่มือผมไปแตะโดนกีตาร์ เลยคลำหาและหยิบมาลองจับดู
ผมเคยอยากลองเล่นกีตาร์เพราะรู้สึกว่ามันน่าสนใจ อีกอย่างผมคิดว่าคนที่เล่นเป็นเท่เอามากๆ ตอนมอ.6 เพื่อนผมคนหนึ่งชื่อว่ากาย เป็นนักดนตรีของโรงเรียนและเป็นมือกีตาร์ด้วย กายเล่นกีต้าร์เก่งมากๆ ผมยังเคยขอให้กายสอนให้ แต่ดันเกิดเรื่องซะก่อน
“อยากเล่นเป็นเหรอ” เสียงพี่ครามดึงผมออกจากผวัง มือที่ดีดสายกีตาร์เล่นอย่างเพลินมือหยุดลง
“ครับ เค้กอยากเล่นเป็น” แต่ก็คงจะยาก ผมคงเล่นไม่ได้หรอก
“ให้ไอ้ทราฟมันสอนสิ”
“พี่ทราฟเล่นกีตาร์เป็นด้วยเหรอครับ” ผมถามด้วยความใคร่รู้ เพราะไม่คิดว่าพี่ทราฟเล่นเป็น และพี่ทราฟก็ไม่เคยบอกผม
“เป็นสิ ไอ้ทราฟเล่นกีตาร์ตั้งแต่มอต้น ฟอร์มวงมาเรื่อย แข่งมาก็หลายเวที กวาดรางวัลตลอด ตอนนั้นทุกคนยังคิดเลยว่ามันต้องเอากีตาร์ทำเมียเป็นแน่ เช้าสายบ่ายเย็นยันเช้าอีกวัน มันก็เอาแต่เล่นกีตาร์ เรียกได้ว่าบ้าสุดๆไปเลยล่ะ ถ้าอยากเล่นก็ให้มันสอน อยู่เฉยๆก็น่าเบื่อใช่ไหมล่ะ” ผมนั่งฟังพี่ครามเล่าเรื่องพี่ทราฟก็ต้องทึ่ง นี่สินะที่เรียกว่าผู้ชายเท่ๆ ผมอยากเป็นแบบนั้นบ้าง แต่เพื่อนผมเคยบอกว่าผมไม่เหมาะจะเล่นกีตาร์เพราะมันแมนไป ผมก็ผู้ชายนะ ดูถูกกันสุดๆ
“พี่ทราฟคงไม่ว่างสอนหรอกครับ” ผมพูด ถึงยังไงผมก็ยังเกรงใจอยู่ดี มันกลายเป็นนิสัยของผมไปแล้ว แก้ไม่ได้ง่ายๆหรอก
“ว่างไม่ว่างก็ถามมันดูล่ะกัน เดินมาทางนี้แล้ว พี่ไปก่อนนะ” ผมพยักหน้ารับรู้และรอการมาของพี่ทราฟ อยู่ก็ใจเต้นแรง แปลกจริงๆ
“ว่าไงเด็กดี พี่ไม่อยู่ดื้อหรือเปล่า” มาถึงก็แซวกันเลย
“เค้กไม่ดื้อซะหน่อย” ผมบ่นอุบอิบ
“ฮ่าๆๆ ไม่ดื้อก็ไม่ดื้อ ไงครับ ไอ้ครามบอกพี่ว่าเค้กอยากเล่นกีตาร์เป็นเหรอ”
“ก็...ไม่เชิงครับ”
ผมอยากเล่นนะ แต่เกรงใจอ่ะ พี่ทราฟต้องทำงาน คงไม่มีเวลามาสอนผมหรอก
“งั้นพี่สอนให้เอาไหม พี่เล่นเก่งนะ อยากฟังหรือเปล่า”
ผมพยักหน้าหงึกหงักเพราะอยากฟังเพลงที่พี่ทราฟเล่นว่าจะเป็นยังไง
ทำนองเพลงคุ้นหูดังขึ้น เสียงใสๆของกีตาร์ ลีลาการเล่น ทำให้เพลงนี้ More than word ฟังดูไพเราะยิ่งกว่าต้นฉบับ เสียงสูงต่ำที่ถูกบรรเลงเป็นคำของเนื้อเพลง แม้พี่ทราฟไม่ร้องแต่ก็ไม่รู้สึกขัดในความรู้สึก ว่าพี่ครามเล่นกีตาร์เก่งแล้ว ว่ากายเจ๋งแล้ว แต่พี่ทราฟนี่สุดยอดไปเลย มีการใส่ลูกเล่นเองในทำนองเพลงแต่กลับดูลงตัวอย่างน่าทึ่ง เมื่อเพลงจบลง ผมก็ปรบมือให้พี่ทราฟ
“ชอบไหมครับ”
“ชอบครับ พี่ทราฟเก่งจัง เค้กอยากเล่นได้มั้ง” พอได้ฟังพี่ทราฟเล่นกีตาร์แล้วผมก็อยากเล่นเป็นขึ้นมา ถ้าผมเล่นได้มันต้องวิเศษมากแน่ๆ แค่คิดก็รู้สึกดีแล้ว ถ้าเล่นได้คงเหมือนได้ขึ้นสวรรค์
“ถ้าอยากเล่นได้พี่จะสอนให้เอง ดีไหมครับ” พี่ทราฟบอกด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน เหงื่อที่ซึมบริเวณหน้าผากถูกพี่ทราฟเช็ดให้อย่างเบามือ
“แต่เค้กมองไม่เห็น จะเล่นได้เหรอครับ แล้วพี่ทราฟยุ่งหรือเปล่า” ผมลองถามดู ตอนนี้ผมอยากลองเล่นดูมากๆ
“ไม่มีปัญหาครับ ปกติพี่เล่นก็ไม่เคยมองคอร์ดอยู่แล้ว เล่นบ่อยๆมันจะชินเอง และพี่ก็ว่างด้วย สำหรับเค้กที่น่ารักว่างอยู่แล้ว เอาไงครับ อยากเรียนไหม” ผมฉีกยิ้มอย่างดีใจ ผมจะได้ดีดกีตาร์เป็นแล้ว ผมจะมีอะไรให้ทำ ดีใจจัง
“ครับ เค้กอยากเรียน เค้กอยากให้พี่ทราฟสอนเค้ก” ผมบอกจากใจจริง ถ้าเป็นพี่ทราฟสอนผมต้องเรียนได้ดีแน่ๆ ผมมั่นใจแบบนั้น
“พี่ก็อยากสอนเค้กมากๆ เริ่มพรุ่งนี้เลยดีไหมคนเก่ง พรุ่งนี้พี่ไม่มีสอนพอดี”
“อืม ก็ได้ครับ เค้กว่างอยู่แล้ว”
“โอเค งั้นเรามาเริ่มกันพรุ่งนี้ เย็นนี้เค้กอยากกินอะไรครับ” ผมแปลกใจนิหน่อยที่พี่ทราฟถาม ถ้าเย็นนี้ผมกินข้าวที่นี่แล้วผมจะกลับห้องเมื่อไหร่ยังไง ตายแล้ว ผมมาอยู่บ้านพี่ทราฟทั้งวันเลยวันนี้ ไม่มีใครให้อาหารอ้วนกลม โอยยยยย มันต้องหิวมากแน่ๆเลย พอหิวแล้วมันก็จะผอม จากนั้นมันก็จะไม่อ้วน แย่ๆๆ แย่สุดๆไปเลย
“เป็นไรไปเค้ก คิดเมนูอาหารนี่มันเครียดขนาดนั้นเชียวเหรอ หน้ายุ่งไปหมดแล้ว ไหนดูสิ คิ้วผูกเป็นโบว์แล้วนะเนี่ย” แรงนวดตรงหัวคิ้วไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกดีเพราะเป็นห่วงสัตว์เลี้ยงแสนรัก ผมขยับตัวเข้าใกล้พี่ทราฟที่นั่งอยู่ข้างหน้าผมจนหัวเข่าผมชนกับขาพี่ทราฟ แต่ผมไม่ได้ใส่ใจ
“พี่ทราฟ พาเค้กกลับห้องหน่อยสิ น้าพี่ทราฟ” ผมพูดเสียงอ่อน เขย่าแขนพี่ ทราฟเบาๆ
“ทำไมครับ มีอะไรเหรอ ไหนบอกพี่สิ” พี่ทราฟจับมือผมลูบเล่นและบีบเบาๆ
“เค้กเป็นห่วงอ้วนกลมอ่ะ วันนี้ทั้งวันมันยังไม่ได้กินอาหารเลย มันต้องหิวมากๆแน่ พี่ทราฟพาเค้กกลับห้องหน่อยนะ นะครันน้า” ถ้าพี่ทราฟไม่พาไปผมคงไม่มีปัญญาไปเองแน่ๆอ่ะ ผมเลยอ้อนพี่ทราฟนิดหน่อยและมันก็ได้ผล
“ได้ครับคนเก่ง เดี๋ยวเราแวะซื้อข้าวไปกินที่ห้องเค้กแล้วกันเนอะ”
“ครับ!”