บทที่ 7
ตัดขาดความสัมพันธ์...
"เป็นพระมหากรุณาที่คุณยิ่งแล้วพะยะค่ะ"
แม้จะได้ข่าวลือมาว่าองค์ชายใหญ่ทรงร่วมงานวันเกิดของหลานสาว และยังได้ยินข่าวลือมาว่าทั้งคู่ต่างเหมาะสมดั่งกิ่งทองใบหยก แต่เขายังเชื่อว่าเชื้อพระวงศ์ผู้นี้จะมีความเที่ยงตรงอยู่บ้าง เพราะหาไม่แล้วเขาเองก็ไม่ไว้หน้าผู้ใดเช่นกัน
ตำแหน่งแม่ทัพใหญ่เป็นเพียงหัวโขนเท่านั้น...
ความปรารถนาของเขาในอดีตคือแก้แค้นบิดาที่สละชีพเพื่อศึกสงคราม
สิ่งสำคัญที่สุดคือบุตรสาวที่อยู่ในอ้อมกอด...
นางควรได้รับการดูเเลเอาใจใส่ที่ดี มีคู่ครองที่ดี....
มองร่างบางที่ผอมบางเพียงหนังหุ้มกระดูกแล้วปวดใจยิ่ง..
ด้านฮูหยินผู้เฒ่าใจชื้นขึ้นมาบาง คิดว่าองค์ชายใหญ่ยื่นมือเข้ามาช่วยไกล่เกลี่ยในเรื่องนี้ เพียงเพราะพึงใจอิงฮวาหลานสาวคนโปรดของนาง
"เช่นนั้น ฮูหยินผู้เฒ่าไม่ทราบว่า ท่านจะเเก้ตัวอย่างไรหรือ ท่านได้เลี้ยงดูหลานสาวสองคนต่างกันราวฟ้ากับดินเช่นนี้ แล้วเบี้ยเงินรายปีตำเเหน่งเเม่ทัพใหม่สี่หมื่นตำลึงไม่พอเลี้ยงบุตรสาวของท่านเเม่ทัพกินตำเเหน่งขุนนางขั้น1 เเล้วเหตุใดเบี้ยเลี้ยงรายปีขุนนางขั้น6ถึงได้เลี้ยงดูคุณหนูรองอิงฮวาเป็นยอดพลูเมืองหลวงเก่งกาจเพลงพิณเเละศาสตรืทั้งสี่ทั่วทั้งเมืองหลวงรับรู้เล่า"คำถามขององค์ชายใหญ่ เหมือนลากคนตระกูลหลานไปตบหน้ากลางกลางเมืองหลวงจนเลือดอาบ
เหล่าชาวบ้านที่มามุงดูเหตุการณ์รวมไปถึงฮูหยิน คุณหนูน้อยใหญ่ที่เดินผ่านมาต่างกระซิบกระซาบเล่าลือ เรื่องชั่วช้าดังกระหึ่ม
ใช่แล้ว..ไม่รักไม่ว่าเเต่สาวใช้ยังดูดีกว่าหลานสาวนี่..ช่างอำมหิตยิ่ง...
จิตใจเอนเอียงดำมืดเอาเงินตำลึงไปปรนเปรอหลานสาวหลานชายคนโปรด...
ช่างหน้าหนาเสียจริง..
ระหว่างที่ฮูหยินผู้เฒ่ายังอำอึ้งไม่สามารถตอบคำถามองค์ชายใหญ่ได้
"ท่านพ่อเราไปอยู่ที่อื่นกันเถอะเจ้าค่ะ ลูกไม่อยากอยู่ที่นี่แล้วผู้คนในจวนไม่ยินดีกับการมีอยู่ของลูกแม้แต่น้อย" เสียงแผ่วเบาราวกระซิบของร่างบาง ทำให้หมิงเทียนรู้สึกทั้งละอายใจและโกรธแค้นตนเอง
เป็นบิดาที่ละเลยบุตรสาว
บิดาผู้นี้ละอายใจยิ่งนัก...
" ได้..พ่อรับปากเจ้าเราสองพ่อลูกจะไปอยู่ที่อื่น ไม่ต้องพบเจอคนใจร้ายพวกนี้อีก"หมิงเทียยนเอ่ยรับปากบุตรสาวด้วยเสียงอ่อนโยน
ตอนนี้ไม่ว่าบุตรสาวจะเอ่ยขออันใดเขาพร้อมรับปากทั้งนั้น
หากจูจูรู้ความในใจของบิดา..มิแคล้วคงชวนไปจากแคว้นฉินเป็นแน่
ต่อไปภายภาคหน้าคงน่าสนุกไม่น้อย...
"ไม่ได้นะ ...เจ้าจะอกตัญญูเช่นนั้นหรือ..."ฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ยขึ้นกลางลำอย่างลนลาน เเคว้นฮั่นยึดหลักความกตัญญูเป็นที่ตั้งไม่ว่าจะเป็นฮองเต้หรือชาวบ้านธรรมดาทั่วไป ฮูหยินผู้เฒ่าจึงยกเรื่องนี้ขึ้นมากดข่มบุตรชายคนโตเอาไว้
"องค์ชายใหญ่ กระหม่อมต้องการตัดขาดจากคนตระกูลหลานพะยะค่ะ ต่อไปนี้กระหม่อมจะใช่แซ่หรง แซ่ของภรรยาที่ตายจากไป ขอองค์ชายใหญ่วินิจฉัยด้วยพะยะค่ะ"หมิงเทียนเอ่ยขึ้นหันไปหาองค์ชายใหญ่เพื่อให้ตัดสิน
ท่ามกลางผู้คนมามุงดูเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ หน้าจวนตระกูลหลาน
"เปิ่นหวางเห็นรับคำร้องของท่านแม่ทัพใหญ่ ต่อไปคนตระกูลหลานเเม่ท่านเเม่ทัพใหญ่หรงหมิงเทียนหาได้มีความเกี่ยวข้องกันไม่ เจียงหวงร่างสัญญาให้ท่านเเม่ทัพเเละฮูหยินผู้เฒ่าลงนามด้วย"
องค์ชายใหญ่เอ่ยอย่างรวบรัดมิได้ถามหาความเห็นของคนตระกูลหลานสักคำ
ด้านอิงอวาหลังจากเป็นลมไปครึ่งก้านธูปพอฟื้นขึ้นมาเห็นองค์ชายใหญ่ชายในดวงใจก็อุ่นใจไม่น้อย เเต่พอได้เรื่องรับคำร้องตัดขาดความสัมพันธ์กับคนตระกูลหลาน หัวน้อยๆริ่มคิดได้อีกครั้งบิดามีเบี้ยเลี้ยงรายปีห้าร้อยตำลึงต่อไปนางต้องอยู่อย่างยากจนข้นแค้นหรือ ใบหน้าที่เคยงดงามเริ่มบิดเบี้ยวไม่พอใจ
"ไม่ได้นะเพคะ องค์ชายใหญ่" อิงฮวาเอ่ยขึ้นอย่างไม่พอใจ
องค์ชายใหญ่เหลียวมองสตรีในชุดสีชมพูสูงค่า บนศีรษะเต็มไปด้วยเครื่องประดับมากมายราวร้านกับร้านเครื่องประดับเคลื่อนที่
นางไม่หนักหัวบ้างหรือไร...
"เปิ่นหวาง กำลังตัดสินคดีความมิต้องให้ใครมาคิดแทนเปิ่นหวาง" ความหมายคืออย่าเสือกเรื่องผู้อื่น ช่างไม่มีมารยาทไร้การอบรมสั่งสอน ยุ่งไม่เข้าเรื่อง
สิ้นเสียงองค์ชายใหญ่ ชายในดวงใจอิงฮวาร้องไห้โฮดีดดิ้นแสดงความไม่พอใจลงไปกองกับพื้นเช่นที่เคยทำประจำภายในจวนแบบไม่อายผู้ใด
หมดกันภาพลักษณ์ยอดพธูผู้งดงามของเมืองหลวง...
ผู้ที่มามุงดูเรื่องสนุกของผู้อื่นได้เเต่ส่ายหน้า....
ช่างขายหน้ายิ่งนัก....
ใครกันเป็นคนตั้งให้นางเป็นยอดพธู..ตาถั่วยิ่ง...
ด้านฮูหยินผู้เฒ่าเองก็เหมือนสติหลุดลอยไปนานเเล้ว มิรู้จะเเก้ปัญหาอย่างไร ร่างที่ผ่านกาลเวลามาเนิ่นนานแทบจะล้มทั้งยืนมีสาวใช้ด้านข้างคอยประคอง
"ท่านพ่อลูกไม่มีเงินตำลึง สินเดิมของท่านแม่..." ร่างบางเเสร้งร้องไห้กับชะตาอาภัพของตนเอง ด้านองค์ชายใหญ่ยกยิ้มมุมปาก 'เจ้าเล่ห์นักนะ'
จูจูเองก็เห็นรอยยิ้มนั้นชะงักค้าง
เป็นไปไม่ได้.....
"กระหม่อมขออีกเรื่อง ในส่วนเบี้ยเลี้ยงตำเเหน่งเเม่ทัพของกระหม่อมจะมิเอาคืนจากตระกูลหลาน เพียงร้องขอสินเดิมมารดาของบุตรสาวได้หรือไม่พะยะค่ะ"
"เจ้า....เจ้าใหญ่ เจ้ามันบ้าไปเเล้ว...ข้าไม่ลงนามอันใดกับเจ้าทั้งนั้น ได้ๆๆ อยากได้สินเดิมของเมียเจ้าหรือ พ่อบ้านฮุ่ยไปนำออมมา" ฮูหยินผู้เฒ่ายังคงดื้อดึงเเม้มีองค์ชายใหญ่เป็นผู้ตัดสินความก็ตาม
ใช่เเล้ว..นางเอาสินเดิมของสะใภ้ใหญ่ไปขายเป็นส่วนมากเเล้ว
อยากได้หรือ สองส่วนที่เหลือเอาไปเถอะ...
"คำตัดสินเปิ่นหวาง เจ้ากล้าขัดหรือ.." คำถามของชายสูงศักดิ์สวมอาภรณ์ไผ่เขียว ทำให้ฮูหยินผู้เฒ่าไม่กล้าดื้อดึงอีก ไม่นานคนสนิทขององค์ชายใหญ่ก่อร่างสัญญาตัดขาดความสัมพันธ์สองเเผ่นเสร็จ เเม่ทัพใหญ่เป็นผู้ลงนามด้วยตนเอง ท่ามกลางผู้คนมามุงดูเพิ่มขึ้นเรื่อยๆๆ เเละเรื่อยๆๆ
ฮูหยินผู้เฒ่าโกรธเเทบกระอักเลือดเเทบจะเป็นลมลงนามสองเเผ่นด้วยมือสั่นเทาไม่มีอีกเเล้วเบี้ยเลี้ยงให้ใช้สอยจนมือเปิป เเต่ที่อยู่ในมือนางไว้ใช้ได้อีกหลายสิบปี
ด้านพ่อบ้านฮุ่ยยกสินเดิมสะใภ้รองที่มีเพียงสองหีบออกมาหน้าจวนอย่างรวดเร็วมิกล้าชักช้า
"โอ้ว ...คนตระกูลหลานช่างไร้ยางอายยิ่ง" จิ่นหลี่กุนซือคนสนิทของแม่ทัพใหญ่หมิงเทียนที่เงียบอยู่นานเริ่มทนไม่ไหว
"ท่านคือ..."องค์ชายใหญ่มองชายวัยกลางคนผิวขาวสะอาดมีท่าทีบัณฑิตมากปัญญา
"กระหม่อม กุนซือประจำกองทัพใหญ่นามว่าจินหลี่ กระหม่อมกล้าเอาตำเเหน่งตนเองค้ำประกันว่าสินเดิมของเสวี่ยหลันมิได้มีเพียงสองหีบ"
จะตัดสินอย่างไรดี...
จูจูมองหญิงชราอย่างแค้นเคืองนังเฒ่าเจ้าเล่ห์...
ด้วยเจ้าของร่างเดิมเองก็ไม่เคยเห็นสินเดิมมารดาทั้งหมด
เพียงรู้ว่ามารดาเจ้าของร่างเดิมมีเครื่องประดับสวยงามมูลค่ามหาศาล
"นางเป็นธิดาเผ่าหนาน สินเดิมคงมีมากกว่าสิบหมื่นตำลึง"สิ้นเสียงจินหลี่ผู้คนที่มามุงดูต่างฮือฮาเผ่าหนานเป็นเผ่าที่เรียกว่าร่ำรวยมาก ภูมิประเทศของเผ่าเต็มไปด้วยสินเเร่เเละอัญมณี ว่ากันว่าบุตรสาวบ้านในเผ่าหนานร่ำรวยเท่ากับคุณหนูตระกูลใหญ่ ธิดาของเจ้าเผ่าคงไม่ยากจนส่งสินเดิมมาเพียงสองหีบ
"ข้า...ข้า...."ฮูหยินผู้เฒ่าพูดไม่ออก ใบหน้าเหี่ยวย่นตามกาลเวลาเเดงก่ำกระอักเลือดออกมาเเล้วสลบไป
ผู้ที่พบเห็นต่างเอือมระอา ผู้คนเมืองหลวงต่างรู้ว่าตลอดมาตระกูลหลานใช้เงินมือเปิปเพียงใด
"เมื่อฮูหยินผู้เฒ่าตอบอันใดไม่ได้ เอาเป็นว่าริบทรัพย์สินตระกูลหลานเป็นจำนวนเงินยี่สิบหมื่นตำลึงคืนเเม่ทัพใหญ่เเละบุตรสาว ท่านเเม่ทัพใจการตัดสินหรือไม่"
"พอใจพะยะค่ะ"หมิงเทียนเอ่ยตอบรับอย่างยินดี
ไม่พอใจได้อย่างไร...
หากไม่หูหนวกตาบอดจนเกินไป จะรู้ว่าองค์ชายใหญ่ตัดสินเข้าข้างท่านเเม่ทัพมากนัก...
จูจู มองหญิงชราที่กระอักเลือดสลบไปเเล้วสาสมใจยิ่ง
มองใบหน้าหล่อเหลาของผู้ได้ชื่อว่าเป็นองค์ชายใหญ่
ครั้งเเล้ว..ครั้งเล่า...
รอยยิ้มมุมปากนั่น...
กลิ่นอายไม่สนใจผู้ใดเเบบนั้น...
เถ้าเเก่กงจวิ้น หรือ...
"จูจูมีของที่ต้องเก็บในจวนอีกหรือไม่"เมื่อได้รับคำตัดสินที่พึงพอใจ หมิงเทียนก็รีบเอ่ยชวนบุตรสาวที่ให้ออกห่างจากคนจิตใจดำมืดพวกนั้น
"ไม่มีเจ้าค่ะ เราไปกันเถอะเจ้าค่ะลูกอยากได้อาภรณ์ชุดใหม่เเล้ว"จูจูเอ่ยขึ้นอย่างสดใส จะองค์ชายใหญ่หรือเถ้าเเก่กงจวิ้นหากไม่มายุ่งกับหนี้เเค้นเลือดของนาง
นางก็หาใส่ใจไม่...
" เจ้าพาหลานไปพักเถอะ เดี๋ยวทางนี้ข้าจะดูเองรับรองว่าไม่ให้ขาดเเม้เพียงอีเเปะเดียว" จินหลี่เอ่ยอย่างใจกว้าง มองดูสหายที่โอบกอดบุตรสาวไม่ยอมปล่อยอย่างหวงเเหน
อยากมีบุตรสาวกับเขาบ้าง...เขาได้เเต่คิดให้ใจ
เเต่ยังหาภรรยาไม่ได้มัวเเต่ไปอยู่กองทัพ.เป็นปีๆๆ
ข้าช่างอาภัพยิ่งนัก...
"หวงเจียงจัดการให้เรียบร้อย"
องค์ชายใหญ่ยกยิ้ม เมื่อเสร็จเรื่องก็ควบม้าจากไป
สองพ่อลูกเดินออกไปพร้อมเเม่นมโดยไม่สนใจสีหน้าอมทุกข์ของจินหลี่เลยสักนิด
โรงเตี๊ยมขึ้นชื่อเเห่งหนึ่งของเมืองหลวง
หมิงเทียน เเม่นมจื่อเเละจูจู นั่งอยู่ในห้องหนึ่งที่กว้างขวางตกเเต่งอย่างดีด้วยภาพวาดเเละเครื่องลายครามมีระดับ
มองดูบุตรสาวหมุนตัวหลายรอบหน้าคันฉ่องด้วยความดีใจหลังจากที่ระหว่างทางเขาพาบุตรสาวเเละเเม่นมจื่อเข้าไปเลือกซื้อเสื้อผ้าสำเร็จรูปเนื้อดีหลายชุด
" ลำบากเเม่นมเเล้ว ต่อไปข้าสัญญาว่าจะดูเเลจูจูเเละเจ้าให้ดี"หมิงเทียนเอ่ยขึ้นอย่างปวดใจ
เป็นเขาเองที่ละเลยทั้งสองถึงได้ตกระกำลำบากเช่นนี้
ยังดีที่เเม่นมจื่อยังภักดีคอยดูเเลบุตรสาวของเขาอยู่
เขาช่าง..ไม่ได้เรื่องเสียจริง..
เสวี่ยหลันพี่ผิดต่อบุตรสาวของเรายิ่ง..
จูจูพ่อพ่อขอโทษ...
เป็นอีกครั้งในรอบวันที่บุรุษสูงใหญ่ใบหน้าเหี้ยมดวงตาเเดงก่ำคอตก ขัดกับภาพลักษณ์ยิ่งนัก
"นายท่านกลับมาเช่นนี้ก็ดียิ่งเเล้วเจ้าค่ะ ต่อไปนี้คุณหนูจะได้ไม่ต้องอดมื้อกินมื้ออีก"เเม่นมจื่อน้ำตาคลอครั้งเเลล้วครั้งเล่า คุณหนูของนางหมดทุกหมดโศกสักที
"ลูกไม่โทษท่านพ่อเจ้าค่ะ ท่านพ่อต้องทำงานตามหน้าที่ต่อไปลูกสัญญาว่าเข้มเเข็งขึ้นไม่มีใครสามารถเอาเปรียบเราได้อีกเจ้าค่ะ" จูจูเอ่ยขึ้นอีกครั้ง เเม้จะสาสมใจที่เห็นคนตระกูลหลานพวกนั้นกระอักเลือดคายทรัพย์สินนางออกมาคืนนาง
จะอย่างไรเล่า..
เสวยสุขมานับสิบปี ทรมาณวันเดียวมันออกจะได้กำไรไปหน่อย
ในเมื่อพวกนั้นกล้ากระทำกับผู้อื่นมานาน...
รอรับหายนะได้เลย
เดียวเจียวเจียวผู้นี้จะนำหายนะไปให้ถึงปากประตูเรือนดีหรือไม่
ยิ่งคิดใบหน้างดงามยิ่งยกยิ้มกว้างเจ้าเล่ห์
"ดีๆๆ ยิ่งสมเป็นบุตรสาวของพ่อ หากเจ้าเข้มเเข็งเช่นนี้พ่อก็เบาใจได้หลายส่วน"หมิงเทียนลูบหัวทุยๆของบุตรสาวอย่างเอ็นดู
"ที่นี่ก็สวยดีนะเจ้าค่ะลูกชอบ" มองดูห้องมีวิวสวนดอกไม้ที่โรงเตี๊ยมตกเเต่งเเละจัดอย่างสวยงาม
"คงต้องอยู่โรงเตี๊ยมนี่สักสองสามวันนะ พรุ่งนี้กองทัพของพ่อคงถึงเมืองหลวงเเล้วต้องเฝ้าฝ่าบาท ช่วงเย็นจะมีงานเลี้ยงต้อนรับ ช่วงเย็นจูจูควรเข้าร่วมด้วยนะลูก"หมิงเทียนเอ่ยบอกบุตรสาวถึงทุกอย่างที่จะเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้
" ไม่ได้นะเจ้าค่ะนายท่าน คุณหนูมิเคยร่วมงานเลี้ยงเลยสักครั้ง อีกทั้ง...ยังมิเคยเล่าเรียนศาสตร์ใดๆๆ"เเม่นมโพล่งขึ้นด้วยความเป็นห่วงคุณหนูของตน ปลายเสียงเริ่มเเผ่วลงเรื่อยๆๆๆ
"จูจูของพ่อ บัดซับยิ่งเกนไปเเล้วเกินไปเเล้วจริงๆๆ" พอได้ยินว่าบุตรสาววัยใกล้ปักปิ่นมิได้เรียนรู้ศาสตร์ใดๆๆตลอดมา หัวใจที่เจ็บปวดเเทบจวนเจียนคลั่ง มันน่าเอาเลือดหัวออกมาล้างเท้ายิ่ง
"ลูกจะเข้าร่วม ท่านพ่อวางใจจูจูเอาตัวรอดได้เจ้าค่ะ"เรื่องสนุกๆๆบนงานเลี้ยงเช่นนี้นางต้องร่วมวงเป็นเเน่ หากมัวหดหัวอยู่ใต้ปกของบิดาคงมิเเคล้วถูกว่ากล่าวกลั่นเเกล้งจากผู้อื่นเป็นเเน่...
ต้องลองดูสักตั้งคุณหนูพวกนั้นไม่คณามือนางหรอก
ด่ามาด่ากลับไม่โกง
แต่ว่า...จะเจอน้องรองผู้งดงามยอดพลูเมืองหลวงหรือไม่นะ
เพียงเเค่นึกก็สนุกแล้ว
ช่วงเย็น
ห้องทรงอักษร พระราชวังหลวง
เรื่องบุตรสาวท่านเเม่ทัพใหญ่ตกระกำลำบาก ในตระกูลหลานไปถึงพระเนตรพระกรรณของฮองเต้เเคว้นฮั่นนามเริ่นเจี๋ยเป็นที่เรียบร้อย ใบหน้าที่เคยมีเมตตากลับเเดงคล้ำหน้ากลัว มีพระดำรัสเรียกองค์ชายใหญ่ผู้ตัดสินเรื่องนี้ให้รีบเข้าเฝ้าเป็นการด่วน
"ถวายพระพรเสด็จพ่อพะยะค่ะ"องค์ชายใหญ่ทำความเคารพพระบิดา
" พ่อได้ยินเรื่องบุตรสาวท่านเเม่ทัพใหญ่หลาน ไม่สิตอนนี้คงเป็นเเม่ทัพใหญ่หรงเเล้วเจ้าใหญ่เจ้าทำดีมาก" ฮองเต้เอ่ยชื่นชมบุตรคนชายคนโต ที่ทำให้ความขุ่นข้องหมองใจบางเบาลง
"ลูกเพียงผ่านไปเท่านั้น เเละตัดสินอย่างเที่ยงธรรมที่สุดเล้วพะยะค่ะ"องค์ชายใหญ่เอ่ยตอบใบหน้าเรียบเฉยไม่มีท่าทีประจบเอาใจพระบิดา เเละมิได้บอกปัดความดีที่ตนกระทำ ทำให้ผู้เป็นบิดาภูมิใจยิ่ง
"เรื่องนี้เจ้าช่วยพ่อได้หลายส่วน หากตัดสินช้ากว่านี้เกรงว่าท่านเเม่ทัพจะลาออกกองทัพจะขาดผู้มีฝีมือเช่นนี้ไม่ได้ พรุ่งนี้มีงานเลี้ยงต้อนรับกองทัพ เจ้าก็เข้าร่วมงานด้วยจะได้ทำความรู้จักกันไว้เสีย"หากโอรสของเขาจะถูกใจสตรีสักคนก็ควรทำความรู้จักกันไว้เนิ่นๆๆ หากเป็นไปได้บุตรสาวท่านเเม่ทัพนับว่าเหมาะสมไม่น้อย
"พะยะค่ะ หากไม่มีอะไรเเล้วกระหม่อมทูลลา" วาจาห่างเหินออกจากปากโอรสตนอีกครั้ง
เหตุใดเขาจะไม่รู้ว่าบิดาหมายความถึงสิ่งใด...
นึกใบถึงใบหน้างามสภาพมอมเเมมครั้งเเล้วครั้งเล่า...
นางยังเด็กอยู่พระบิดา....
ฮองเต้ได้เเต่ถอนหายใจครั้งเเล้วครั้งเล่าเมื่อไหร่โอรสของพระองค์จะมีคู่ครองสักที