บทที่6
พ่อลูกพบหน้า.....
ปั้ง!!!!!
เสียงตบโต๊ะดังสนั่น ข้าวปลาอาหารระเนระนาด
จินหลี่ตกตะลึง พลางสบถในใจ 'ฉิบหายเเล้ว.....'
"กลับจวนเดี๋ยวนี้.."ใบหน้าของหมิงเทียนเปลี่ยนเป็นเเดงคล้ำ ไอสังหารฆ่าฟันพวยพุ่งรอบทิศทางพร้อมฆ่าฟัน
เดินจ้ำอ้าวลงบันไดเพื่อออกจากโรงเตี๊ยม
จินหลี่รีบวางก้อนตำลึงทองสามก่อนเพื่อเป็นค่าเสียหายเเละค่าอาหาร เหล่าทหารผู้ติดตามรีบลุกฮือแม้เสียดายอาหารเลิศรสที่มิได้กินนานแล้ว แต่ความจงรักภักดีมีมากล้นกว่าสิ่งอื่นใด
พรุ่งนี้ค่อยมาใหม่ก็ยังมิสาย...
"หมิงเทียนหยุดก่อน..."จินหลี่เอ่ยขึ้นอีกครั้ง หลังจากที่ตามสหายสนิทพ่วงด้วยตำแหน่งแม่ทัพใหญ่ทันตรงหน้าโรงเตี๊ยม
"ข้าจะกลับจวน..หากเรื่องที่ลือกันเป็นเรื่องจริง..ดาบข้าต้องได้ชิมเลือดคน..."
หมิงเทียนเอ่ยเสียงเหี้ยม
บุตรสาวของเขา..บุตรสาวเเม่ทัพใหญ่เชียวนะ..
หากไปตรากตำทำศึกเพื่อปกป้องบ้านเมือง แต่มิอาจปกป้องบุตรสาวเพียงคนเดียวได้...
เขามันโง่ยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉาน...
"ดูนั่นก่อน นั่นใช่คุณชายรองตงเว่ยใช่หรือไม่"จินหลี่ชี้ไปทางบุรุษที่กำลังยื้อยุดฉุดกระชากเด็กสาวผู้หนึ่งกับคนรับใช้คุ้นตาที่ไม่เจอกันหลายปี
หึ....
อีกด้านหนึ่งจูจูและแม่นมจื่อเดินออกมาจากโรงรับจำนำชื่อดังของเมืองหลวงก็ชนเข้ากับบุรุษผู้หนึ่งโดยบังเอิญ
"ต้องขอโทษด้วย..."จูจูเอ่ยขึ้นด้วยความไม่ตั้งใจ
"โอ้ว..เจ้าเป็นบุตรสาวบ้านใด ข้าถูกใจเจ้ายิ่งนักแต่งเป็นอนุของข้าดีหรือไม่" ตงเว่ยเอ่ยวาจาอาจหาญ
สตรีวัยไม่ถึงวัยปักปิ่นผู้นี้เขาถูกใจยิ่งนัก
แม้จะผอมบางไปบ้างเสื้อผ้าอาภรณ์ซีดจางคงเป็นชนชั้นสามัญที่มีเพียงข้าวสารกรอกหม้อ หากแต่นางมีใบหน้างดงามเช่นนี้เขาพึงใจยิ่ง หากได้นอนกอดเสพสมทุกค่ำคืนคงมีความสุขยิ่ง
"ปล่อยข้านะ"จูจูเอ่ยเสียงดังผู้คนบริเวณหน้าโรงรับจำนำเริ่มมุงดู ด้านพนักงานต้อนรับที่เห็นว่าคุณหนูหลานแขกคนสำคัญของนายท่านเกิดเรื่องก็รีบไปรายงานให้ผู้เป็นนายเป็นการด่วน
"นายท่านรองไม่นะเจ้าค่ะ"แม่นมจื่อกระวนกระวายเอ่ยขึ้น พลางไปเข้าช่วยคุณหนูของตนที่ถูกจบเเขนไว้ไม่ยอมปล่อย
"นี่..."
"เจ้ากำลังทำอะไรอยู่หรือน้องรอง"ด้วยหมิงเทียนอารมณ์ไม่ดีเรื่องข่าวลือของบุตรสาว เเละเห็นท่าทางของน้องชายต่างมารดาไม่ได้เรื่องของตนก็อดหงุดหงิดไม่ได้ เสียงที่เปล่งออกมามีรังสีฆ่าฟันถึงเเปดส่วน
"พี่...พี่....พี่ใหญ่" ตงเว่ยใบหน้าขาวซีด กว่าจะค้นหาเสียงตนเองเจอ
ไหนว่าอีก10ราตรีจะมาถึง...
เเล้วบุรุษสูงใหญ่ตรงหน้านี่ใครกันเล่า...
แย่แล้ว....แย่แล้วจริงๆสุราที่ดื่มไปหลายไหบัดนี้มิอาจบดบังสติปัญญาได้
จะทำอย่างไรต่อดี..ต้องรีบกลับจวนไปหามารดาเป็นการด่วน...
"ใช่ข้าคือพี่ใหญ่ของเจ้า ไหนลองพูดมาว่าเจ้ากระทำสิ่งใดอยู่" มองมือของน้องชายที่จับเเขนสตรีร่างเล็ก
ใบหน้าช่างคุ้นเคยยิ่ง...
"นายท่าน นายท่านใหญ่ฮือๆๆๆๆๆ ช่วยคุณหนู ช่วยบุตรสาวของนายท่านด้วยเจ้าค่ะ" แม่นมจื่อร้องไห้ออกมาอย่างเจ็บปวด
"แม่นมจื่อ..." หมิงเทียนเอ่ยเสียงตะกุกตะกัก เมื่อมองสตรีที่เลี้ยงดูบุตรสาวอายุน้อยกว่าเขายิ่งนัก บัดนี้มีผมสีดอกเลาเเซมดำร่างกายผอมบางสวมเสื้อผ้าเนื้อหยาบอย่างตื่นตะลึง
เพียงเเค่คิดความโกรธก็พวยพุ่งไปทั่วร่าง
คุณหนูหรือ...
บุตรสาวของเขาหรือ....
มองร่างบางผิวขาวราวหิมะ ในชุดอาภรณ์สีซีดปะชุนหลายที่ ใบหน้ากลับงดงามเเววตากระจ่างใสเหมือนคนรักของเขาถึงเเปดส่วน...
ด้านตงเว่ยในใจตะโกนร้อง 'เเย่เเล้ว'
พลั่ก!!พลัก!!!พลัก!!พลัก!!!!!!!!!
หมัดดุ้นๆๆกระทบใบหน้าตงเว่ยยิ่งกว่าความเร็วเเสง
เพียงสองหมัดร่างขุนนางขั้นหกลงไปกองกับพื้นพร้อมลูกเตะอีกหลายครั้ง
จนตงเว่ยกระอึกเลือดออกมา
เขาลืมไปแล้วว่าพกดาบอยู่ มันน่าปั่นคอให้ขาดเสีย.....
จินหลี่ต้องเข้าไปดึงร่างสหายสนิทออก ร่างหนาหายใจฟึดฟัดไม่พอใจอยู่นานจึงค่อยๆสงบลง
" พอๆๆเดี๋ยวตายเสียก่อน..."
ไม่ต้องเล่าเรื่องก็พอจะรู้...
ปล่อยบุตรสาวให้ฮูหยินผู้เฒ่าเลี้ยงดู อาแท้ๆๆยังไม่รู้จักหน้า เกือบได้เป็นอนุของอาแท้ๆๆเสียแล้ว
เลี้ยงดูดียิ่งเสื้อผ้าอาภรณ์ทั้งหยาบหนาและมีรอยเย็บปะชุนไปทั่ว สาวใช้จวนอื่นยังดูดีกว่าคุณหนูใหญ่ตระกูลหลานเสียอีกมองบุตรสาวของสหายสนิทชะตาอาภัพ
เขาเองส่ายหน้าช้าๆ...
จวนตระกลูหลานคงยากจนสินะ แล้วเบี้ยเลี้ยงตำแหน่งแม่ทัพใหญ่ขั้นหนึ่งตลอดหลายปีที่ผ่านมาเล่าหายไปที่ใด
ชาวบ้านต่างอดอนาถใจสงสารร่างบางไม่น้อย ข่าวลือล้วนเป็นความจริงท่านแม่ทัพใหญ่กลับมาแล้ว
ด้านจูจูก็ตกตะลึงเช่นกัน ร่างกายของนางยืนแข็งทื่อด้วยมิได้เตรียมใจว่าจะพบเจอบิดาของเจ้าของร่าง น้ำตาค่อยๆๆไหลช้า ความรู้สึกเศร้าใจ น้อยใจถาโถม
คงเป็นความรู้สึกของเจ้าของร่างเดิมสินะ
"ท่านพ่อเจ้าค่ะ..."
"จูจู...พ่อขอโทษ พ่อขอโทษจริงๆๆ"ความรู้สึกผิดถาโถมกระหน่ำ ดวงตาเเดงก่ำเมื่อมองบุตรสาวที่รักยิ่ง เขาโอบกอดนางไว้เเน่น
เป็นเขาที่ละเลยนาง
มองศีรษะบุตรสาวที่ไร้เครื่องประดับงดงามมีเพียงผ้าเก่าๆๆผูกผมสีดำสนิท
มองผิวพรรณขาวบางที่เพียงห่อหุ้มร่างกายไร้กายดูเเลใจใส่
มองอาภรณ์หยาบกระด้างเต็มไปด้วยรอยปะชุนที่สวมใส่ยิ่งชอกช้ำ
'เมื่อมิเคยดูดำดูดีบุตรสาวเขาเช่นนี้ก็อย่าว่าเขาใจดำอำมหิต'
"ลากคอมันมาด้วย ไปชำระความจวนตระกูลหลาน"เสียงแม่ทัพใหญ่ผู้เป็นขุนศึกคู่บ้านคู่เมืองเอ่ยดังลั่น
ชาวบ้านที่มามุงดูต่างติดตามไป ด้วยอยาเห็นว่าท่านแม่ทัพใหญ่จะจัดการเช่นไรต่อ
กงจวิ้นยืนเหตุการณ์ดูอยู่ที่ระเบียงชั้นสอง
พรุ่งนี้คงมีข่าวลือมากมายเล่าลือไปอีกนานสินะ...
หากเขาจะช่วยกระจายข่าวคงได้รับคำชมไม่น้อย....
อืม'ดียิ่งจากนี้ไปนางคงจะมีเเต่ความสุข'
หน้าจวนตระกูลหลาน
"เรียกทุกคนในตระกูลหลานให้ออกมาหน้าจวนทั้งหมด"เสียงตวาดดังลั่นของหมิงเทียน เหล่าข้ารับใช้ในจวนต่างตกใจยิ่งรีบลนลานออกมาหน้ารวมถึงพ่อบ้านฮุ่ย พ่อบ้านที่ดูเเลความเป็นไปของจวนตระกูลหลาน
เสียงนี้ดังไปถึงห้องโถงที่ฮูหยินผู้เฒ่า เเละสะใภ้รองคนโปรดกำลังรับรองเเขกสตรีสูงศักดิ์ตระกูลอื่นอยู่
"ใครกันช่างบังอาจ ไม่เห็นจวนตระกูลหลานอยู่ในสายตา" ฮูหยินหรงเอ่ยขึ้นขณะจิบถ้วยชาเล็กน้อยอย่างหยามเหยียดในใจ
ใบหน้าฮูหยินผู้เฒ่าเเข็งค้างสีเข้มขึ้นอย่างโกรธเคือง
"สะใภ้รองพาข้าออกไปดูเสียหน่อย ว่าใครกล้าบังอาจหยามเกียรติจวนเเม่ทัพใหญ่หลานกัน"ฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ยอย่างโทสะมากล้น
"เจ้าค่ะ"หนิงหลันตอบรับ นางเองก็อยากรู้เช่นกันว่าใครช่างกล้าเหิมเกริมเกียรติตระกูลหลานเช่นนี้
"เช่นนั้น ข้าคงต้องขอตัวก่อนขอบคุณฮูหยินผู้เฒ่าที่เชิญมาชมดอกไม้" ฮูหยินหรงเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจที่จริงนางไม่อยากมาสักนิด เเต่ด้วยสามีของนางต้องการให้มาดูตัวว่าที่ลูกสะใภ้ เเละมีเทียบเชิญส่งมาที่จวนเพื่อชมดอกไม้นางขัดสามีมิได้
ฮูหยินผู้เฒ่า สะใภ้รองหนิงเเละอิงฮวารีบออกมมาหน้าจวนอย่างโกรธเกรี้ยว
"ใครกันถึงกล้ามาบังอาจโวยวายหน้าจวนเเม่ทัพใหญ่เล่า คนคุ้มกันไปไหนเสีย"เสียงเเหบชราเริ่มตวาดลั่นทั้งที่ตัวยังมาไม่ถึง เเสดงถึงความไม่พอใจมาล้น
"ข้าจะบังอาจ เเละวันนี้ต้องคุยให้รู้เรื่อง"
หมิงเทียนเองก็เอ่ยดังลั่นเช่นกัน ตลอดมาเขาเป็นคนโผงผางซื่อตรงมาตลอด มองฮูหยินผู้เฒ่าที่ถูกประคองออกมาอย่างทะนุถนอมเสื้อผ้าอาภรณ์วาวระยับดั่งตู้เครื่องประดับเคลื่อนที่ มองเด็กสาวอายุรุ่นราวคราวเดียวกับจูจูที่สวมเสื้อผ้าเครื่องประดับหรูหราเต็มศีรษะแล้วโทสะสูงลิ่ว
มองสาวใช้ของหลานสาวยังสวมอาภรณ์งดงามกว่าบุตรีของเขาแล้วแทบคลั่ง
"เจ้า...เจ้า..ใหญ่"ฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ยเสียงขาดๆๆหายๆๆ ด้วยความตื่นกลัว
"พี่..เขย" สะใภ้รองหนิงหวาดกลัวจนตัวสั่น
"ท่านลุงหรือ...ท่านลุงใหญ่กลับมาทวงคืนของของข้าเเล้ว ข้าไม่ยอมนะท่านย่า ท่านแม่ท่านต้องช่วยข้านะเจ้าค่ะ "อิงฮวาด้วยความยังเป็นเด็กเพียงรับรู้การมาของญาติผู้เป็นลุงก็เริ่มโวยวายขาดสติกระสับกระส่ายเป็นลมล้มลงโดยมีสาวใช้ข้างกายคอยช่วยเหลือไว้
หนิงหลันเสมองไปทางอื่นไม่กล้าสบตาผู้ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นพี่เขย เหลือบมองเห็นคนคุ้นเคยผู้หนึ่ง
"กรี๊ด ท่านพี่..ท่านพี่ตงเว่ยเป็นอะไรไปเจ้าค่ะท่านแม่รีบตามหมอเร็วเข้าเจ้าค่ะ"สะใภ้หนิงตะโกนลั่นเมื่อเห็นสภาพของสามี
รีบวิ่งไปประคองสามีที่บัดนี้ใบหน้าปูดบวมดั่งหัวหมู ถูกลากไถมาตลอดทางคลุกฝุ่นยังมิฟื้นคืนสติยิ่งเจ็บปวดน้ำตาไหลพราก
"เจ้า..ใหญ่เจ้า...ทำอะไรบุตรชายข้า" ฮูหยินผู้เฒ่าตวาดเสียงดังลั่นอย่างโกรธเคืองขาดสติ ความหวาดกลัวในตอนเเรกมลายหายไปสิ้น
"ทำอะไรหรือ มันจะเอาบุตรสาวข้าไปเป็นอนุ ข้าจึงตีมันแล้วท่านเล่าเลี้ยงดูบุตรสาวข้าอย่างไรจึงมีสภาพไม่ต่างจากขอทาน ท่านเองก็สุขสบายดีไม่ใช่หรือ ขนาดสาวใช้ในจวนยังสวมเสื้อผ้างดงามกว่าบุตรสาวข้า นี่มันเรื่องบ้าบออันใดกัน"หมิงเทียนตะโกนลั่นไอสังหารพร้อมฆ่าฟันแผ่ออกมาจนผู้คนโดยรอบหายาใจอึดอัด
ใบหน้าฮูหยินผู้เฒ่าขาวซีดดั่งไก่ต้ม
ด้านสะใภ้รองชะงักค้าง อนุเต็มจวนยังคิดจะรับเพิ่ม ปล่อยร่างหนาให้นอนคุยกับดินดังเดิม
ตายเสียได้ก่อดี..ตัณหามากนัก...
"เจ้าเข้าไปคุยกับแม่ข้างในเถิด เรื่องนี้แม่อธิบายได้"สตรีเฒ่าเอ่ยเสียงเบาขึ้นเมื่อมองไปรอบๆต่างมีชาวบ้านมามุงดูเหตุการณ์มากมายนัก
" ข้าจะคุยที่นี่ให้รู้เรื่องวันนี้ ตลอดมาข้านึกว่าท่านจะดีกับนางสักเล็กน้อย จะอย่างไรนางคือเลือดเนื้อเชื้อไขตระกูลหลานเบี้ยเลี้ยงตำแหน่งแม่ทัพใหญ่ข้าล้วนยกให้ท่านจัดการทั้งหมด มิคิด...มิคิดเลยว่าท่านจะไร้การเหลียวแลหลานสาวถึงเพียงนี้"หมิงเทียนเอ่ยอย่างมีโทสะ ยากที่จะระงับยับยั้งไว้ได้
"เจ้ามันอกตัญญู เพียงเบี้ยเลี้ยงตำแหน่งแม่ทัพกลับลำเลิกบุญคุณที่ข้าเลี้ยงเจ้าจนเติบใหญ่บัดนี้กลับมาถึงเมืองหลวงไม่เพียงแต่ไม่คาราวะผู้อาวุโส กลับต่อว่าผู้อาวุโสทำร้ายน้องชายจนสาหัสถึงเพียงนี้"ฮูหยินผู้เฒ่าตะหวาดเสียงดังอีกครั้งไม่สนใจหน้าอินทร์หน้าพรมด้วยความโมโห
ขายหน้าตระกูลหลานยิ่งนัก ..มันน่าโมโหจริงๆๆ
"ท่านพ่อ ลูกหวาดกลัวพวกเขายิ่งเจ้าค่ะ พวกเขาเอาสินเดิมของท่านแม่ไปหมดอีกทั้งไม่มีเงินเดือนให้ลูกแม้แต่อีแปะเดียวบอกว่าค่าใช้จ่ายในจวนมากมายนักเบี้ยเลี้ยงตำแหน่งของท่านพ่อไม่พอใช้จ่ายในจวนเจ้าค่ะ"ร่างบางในอ้อมกอดของบิดาเอ่ยเสียงเบาแต่ได้ยินจนทั่ว ใบหน้างามก้มลงยกยิ้มเจ้าเล่ห์โดยไม่มีผู้ใดมองเห็น
ชาวบ้านต่างฮือฮา เงินเดือนแม่ทัพใหญ่ขุนนางขั้นหนึ่งมิใช่น้อยๆๆๆ
ขนาดลูกสาวชาวบ้านธรรมดายังอาภรณ์สวมใสดีกว่าบุตรสาวท่านแม่ทัพ เรื่องราวเช่นนี้คนโง่เท่านั้นที่เชื่อคำพูดฮูหยินผู้เฒ่าผู้กลับกรอก
"โอ้ว ..เบี้ยเลี้ยงรายปีท่านแม่ทัพใหญ่สี่หมื่นตำลึงทองนี่ไม่พอเลี้ยงคุณหนูผู้หนึ่งให้อยู่ดีกินดีเช่นนั้นหรือ ตระกูลหลานช่างทำให้เปิ่นหวางเปิดหูเปิดตายิ่งนัก"ชายสวมอาภรณ์ลายกิ่งไผ่สีขาวสะอาดตาเดินเข้ามากลางวงหน้าจวนตระกูลหลางอย่างสง่าผ่าเผย
"ถวายพระพรองค์ชายใหญ่พะยะค่ะ/เพคะ"เหล่าผู้ร่วมมุงดูต่างทำความเคารพบุรุษร่างสูงศักดิ์อย่างนอบน้อม
"ตามสบายไม่ต้องมาพิธี เราเพียงผ่านมาทางนี้โดยบังเอิญเท่านั้นไม่คิดว่าจะเจอเรื่องราวที่น่าตกใจถึงเพียงนี้"
"องค์ชายใหญ่ กระหม่อม...."หมิงเทียนเอ่ยขึ้นอย่างละอาย แม้ตนเองไม่อยากทำให้เรื่องใหญ่โต แต่เพราะความโกรธจึงทำให้ขาดสติโวยวายเช่นนี้
"เปิ่นหวางขอยื่นมือตัดสินเรื่องราวดีหรือไม่"องค์ชายใหญ่เอ่ยอย่างขึ้น ตรงหน้าคือเสาหลักของแคว้นจากเมืองหลวงไปไกลหลายปี หากบุตรสาวไม่ได้รับความยุติธรรมกับเขา มิเเคล้วคงเกิดการเปลี่ยนแปลงหลายอย่างในราชสำนัก
แม่ทัพใหญ่คู่แคว้น มิใช่ว่าใครก็สามารถเป็นได้
"เป็นพระมหากรุณาธิคุณยิ่งแล้วพะยะค่ะ"