หลังเรื่องทุกอย่างคลี่คลายแล้ว นางก็กลับมาพักผ่อนอยู่ในห้องของตนเองหลังรับสำรับเย็น และอาบน้ำ ก่อนที่นางจะเข้านอน ก็ปรากฏเงาดำสายหนึ่งพุ่งเข้ามาที่หน้าต่างในห้อง
"คารวะนายท่าน"
"เกิดอันใดขึ้นที่โรงหลอมอาวุธหรือไม่ เหตุใดเจ้าถึงมาพบข้าเวลานี้"
ที่นางถามออกไปเช่นนั้นเนื่องจากว่านางเคยสั่งอาหย่งเอาไว้แล้วว่า หากไม่จำเป็นไม่ต้องมาพบนางที่จวนเป็นอันขาด นางกลัวว่าจะมีผู้ที่ล่วงรู้ความลับเรื่องที่นางนั้นเป็นเจ้าของโรงหลอมอาวุธที่มีชื่อเสียงของแคว้นถัง อาวุธทุกชนิดที่ไม่เคยพบเจอมาก่อน ก็สามารถหาซื้อได้ที่โรงหลอมอาวุธแห่งนี้ ไม่ว่าจะเป็น ดินระเบิด ปืนพก ดาบที่ทรงอานุภาพสามารถตัดโลหะที่มีความแข็งแรงที่สุดได้อย่างง่ายดาย อาวุธลับ สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่นางเอาความรู้จากยุคสมัยใหม่มาใช้ทั้งสิ้น จึงทำให้โรงหลอมอาวุธซ้งหมิง เป็นโรงหลอมอาวุธที่ทรงอานุภาพ และมีชื่อเสียงขึ้นมาภายในระยะเวลาแค่ 3 ปี
ใช่แล้ว!!!
มันก็คือช่วงเวลาที่สามีของนางไปรบนั่นเอง นางคิดว่าหากเกิดอะไรขึ้นช่วงที่สามีไปรบอย่างน้อย นางก็มีสมบัติเป็นของตนเอง มีรายได้หาเงินได้เอง โดยที่ไม่ต้องรอแค่เงินจากสามีเพียงอย่างเดียว นางเชื่อว่าคนเราต้องยืนด้วยขาของตัวเองมันถึงจะมั่นคง
"ขอรับนายหญิงที่โรงหลอมอาวุธ เกิดปัญหา มีลูกค้ารายใหญ่ต้องการตกลงค้าอาวุธกับท่าน ซึ่งข้าไม่สามารถตัดสินใจเรื่องราคา และเรื่องลักษณะของอาวุธชนิดนี้ได้ขอรับ" อาหย่งจ้องมองไปทีใบหน้าของนายตนเองก่อนที่จะกล่าวต่อ
"ข้าน้อยไม่เคยพบเจออาวุธที่มีอานุภาพแบบที่ลูกค้ากล่าวมา จึงมาปรึกษากับนายหญิงดูก่อน"
"อีกสิบวันหลังจากนี้นัดกันที่โรงเตี้ยมฝูเหริน"
"ขอรับ นายหญิง" หลังพูดจบก็เหินกายจากไป อย่างไร้ร่องรอย
"พูดไปแล้วข้าไม่ได้ไปที่โรงหลอมอาวุธนานเท่าใดแล้ว คืนนี้เห็นทีว่าต้องไปตรวจสอบเสียแล้ว"
หลังพูดจบฟ่านเหยาเหยาก็กลับเข้ามาแต่งกายด้วยชุดดำ ใช้ผ้าปิดหน้าและเหินกายหายไปในความมืด ตั้งแต่นางหลงเข้ามาอยู่ในร่างนี้ สิ่งที่นางเห็นจะชอบมากที่สุดก็คือการมีวรยุทธ์สามารถใช้วิชาตัวเบา เหาะไปตามสถานที่ต่างๆ ได้นี่แหล่ะ ช่างเป็นอะไรที่มหัศจรรย์ยิ่งนัก แรกๆ ที่นางไปขอให้พี่ใหญ่ฝึกวิทยายุทธ์ให้นั้น นางไม่ทราบจริงๆ ว่ามันจะเยี่ยมยอดกระเทียมจีน ขนาดนี้ ยิ่งกว่าหนังไซไฟสะอีก!!!
หลังจากมาดูความเรียบร้อยของหออาวุธเสร็จแล้ว นางก็พบว่าที่หออาวุธนั้นมีความเรียบร้อย เป็นไปในทางที่ดีมาก และรายได้ส่วนใหญ่ของหออาวุธก็เป็นรายได้หลักที่นำมาใช้จ่ายในกิจการต่างๆ ของนาง เพราะรายได้จากโรงหลอมอาวุธนั้นเป็นรายได้ที่มหาศาลแห่งหนึ่งเลยก็ว่าได้
หลังจากที่นางตรวจสอบความเรียบร้อยเสร็จแล้ว ขณะที่นางกำลังจะเดินทางกลับไปที่จวนตระกูลเหยียน โดยบังเอิญ ก็พบเข้ากับบุรุษที่บาดเจ็บนอนจมกองเลือดอยู่ที่ในป่า นางกำลังนึกชั่งใจอยู่ว่าจะช่วยเหลือบุรุษผู้นั้นดีหรือไม่ แต่ถ้าหากว่านางช่วย ก็ไม่รู้ว่า บุรุษผู้นี้เป็นคนดีหรือคนไม่ดี แต่ถ้าไม่ช่วยก็ทำให้นางรู้สึกตะขิดตะขวงใจยิ่งนัก
สุดท้ายนางจึงเลือกที่จะช่วยเขา และพาเขาไปรักษา อยู่ที่ในกระท่อมร้างแห่งหนึ่ง หลังจากการตรวจดูอาการเบื้องต้น พบว่าบุรุษผู้นี้ได้รับบาดเจ็บสาหัสและถูกวางยาพิษ ในอีก 2 ช่วยยาม เขาจะต้องจบชีวิตลงเป็นแน่ เพราะฉะนั้นอันดับแรก นางจึงต้องห้ามเลือดให้เขาก่อน หลังจากห้ามเลือดเสร็จ นางจึงนำเข็มที่อยู่ในถุงย่ามของนางออกมาฝังเข็มให้เขา วิชาฝังเข็มของนางนั้นถือว่าเป็นวิชาที่สุดยอดในการรักษาบวกกับความรู้ในการรักษาโรคในสมัยใหม่ จึงทำให้เป็นเรื่องง่ายมากในการรักษาคนที่ถูกพิษในลักษณะนี้ หลังจากฝังเข็มเสร็จแล้วพิษยังตกค้างอยู่ในร่างกาย นางจึงใช้วิธีการรักษาแบบสมัยใหม่ก็คือการใช้สาย เข้าไปในกระเพาะอาหาร เพื่อที่จะล้างกระเพาะอาหารให้กับเขา เพราะยาพิษที่ยังตกค้างอยู่นี้ คือยาพิษที่เขากินเข้าไป แต่ยาพิษที่ได้รับทางผิวหนังจากบาดแผลนั้น นางได้ใช้วิชาฝังเข็มรักษาให้เขาไปแล้ว การใส่สายยางเข้าไปนี้ นางได้ประยุกต์ใช้โดยการใช้สายล้างท้องเหมือนกับในโลกปัจจุบัน ซึ่งเป็นวิธีที่ง่าย และเอาพิษออกได้อย่างรวดเร็ว เพราะบุรุษผู้นี้ เพิ่งได้รับพิษมาไม่ถึงชั่วยาม
"ถือว่าเจ้ายังโชคดีที่มาพบกับข้า จึงได้ช่วยเจ้าไว้ แต่ยามนี้ก็เป็นเวลาดึกมากแล้ว ถ้ามีคนรู้เข้าว่านางแอบออกมาจากจวน จะต้องเป็นเรื่องแน่ๆ หลังจากรักษาบุรุษผู้นี้เสร็จ นางจึงกำลังจะใช้วิชาตัวเบากลับไปที่จวน แต่ในขณะที่นางกำลังจะไปนั้น บุรุษผู้นี้ก็ลืมตาตื่นขึ้นมา และดึงแขนของนางไว้แน่น ทำให้นางตกใจไม่น้อยก่อนที่จะได้พูดอะไร
"เจ้าเป็นใคร" สายตาหวาดระแวงจ้องมาที่นางอย่างไม่วางตา มิหนำซ้ำมือของเขายังไม่ยอมปล่อยออกจากข้อแขนของนางแต่อย่างใด
'โถพ่อคุณ ยังกล้าใช้สายตาแบบนั้นมองข้าอีกนะสภาพของท่านตอนนี้ แม้แต่จะเดินยังยากเลย ข้าพึ่งช่วยท่านมาจากประตูนรกนะ ขอบใจสักคำยังไม่มี' ฟ่านเหยาเหยามองเขากลับไปอย่างไม่กลัวเกรงพร้อมกับคิดในใจ
"ผู้มีพระคุณของท่านไง ถ้าข้าไม่ช่วยท่านไว้ ป่านนี้ท่านคงไปเฝ้ายมบาลแล้วก็เป็นได้ ขอบคุณสักคำก็ไม่มี แล้วยังจ้องข้าอย่างกะจะกินเลือดกินเนื้ออีก นี่หรือคือวิธีขอบคุณสำหรับท่าน แล้วก็ปล่อยมือข้าได้แล้ว ข้าเจ็บ "
"เจ้าช่วยข้าต้องการอะไร"
"หือ ต้องการอะไรงั้นหรือ ตอนนี้ข้ายังคิดไม่ออก คิดออกก่อนแล้วค่อยบอกท่านก็แล้วกัน ท่านเตรียมของมีค่าเอาไว้เพื่อเป็นการตอบแทนให้มากหน่อยก็ดี" นางยังกล่าวออกไปอย่างติดตลก โดยไร้ซึ่งท่าทีจริงจัง
จะว่าไปเขาก็ถือว่ามีใบหน้าที่หล่อเหลามากเลยทีเดียว ใบหน้าของผู้ชายสไตล์ยุโรป ดวงตาสีฟ้าน้ำทะเล จมูกโด่งเป็นสัน คิ้วรูปกระบี่ ผิวขาวยิ่งกว่าอิสตรี ใช่ค่ะ แค่ได้มองหน้าเขาก็ทำให้นางใจสั่น แทบจะทะลุออกมาจากอก แต่นางต้องสงวนท่าทีให้เยือกเย็นเข้าไว้ ข้ามีสามีแล้ว ต้องเข้มแข็งไว้อย่าไคว่เขว่ลูกท่องไว้จ้า หนูมีผัวแล้ว
หลังจากฟื้นขึ้นมา เขาจึงใช้สายตาสำรวจตัวเองจึงพบว่าเขาเหลือเพียงแค่กางเกงชั้นในตัวเดียว นี่นางถึงกับถอดอาภรณ์เขาหมดเลยหรือนางเป็นสตรีประสาอะไร เหตใดถึงได้ไร้ยางอายเยี่ยงนี้ ตั้งแต่เขาเกิดมา ก็ไม่เคยมีสตรีคนใดได้เห็นรูปร่างของเขาเลย นางถือว่าเป็นสตรีคนแรกที่ทำกับเขาเช่นนี้
หลังจากที่เขาเงยหน้าขึ้นมา ก็พบกับสายตาของนางที่จ้องมองมาที่เขาพอดี ถ้าเป็นสตรีอื่นคงจะเขินอายจนไม่กล้าสบตาเขาแล้ว แต่นี่นางคืออะไร เหตุใดถึงยังกล้าสบตาเขาแล้วยังจ้องมองเขาตาไม่กระพริบอีก ไร้ยางอาย! ไร้ยางอายสิ้นดี เขาได้แต่คิดในใจแต่ไม่ได้พูดออกไป เพราะอย่างไรก็ถือว่านางคือผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตเขาไว้
ถ้าหากว่าเขาได้ยินความคิดของนางในตอนนี้เขาคงคิดที่จะบีบคอนางตายไปแล้วนางคิดว่าผู้ชายอะไรทำไมถึงได้มีรูปร่างที่หล่อเหลาจนไม่อาจหักห้ามใจได้ขนาดนี้ ถ้าเทียบกับผู้ชายในสมัยปัจจุบัน เขาจะต้องได้เป็นเน็ตไอดอลอย่างไม่ต้องสงสัย
"คืนนี้ดึกมากแล้วข้าต้องกลับจวนแล้ว เดี๋ยวคนที่จวนจะเป็นห่วง เอาไว้พรุ่งนี้ข้าจะมาตรวจอาการให้ท่านอีกครั้งหนึ่งก็แล้วกัน "
ไม่รอฟังคำตอบ พูดเสร็จนางก็ใช้วิชาตัวเบา กลับไปที่จวน โดยทิ้งให้บุรุษผู้นี้นอนอยู่ในกระท่อมเพียงลำพัง
หลังนางจากไปบุรุษผู้นั้นก็มองตามทางที่นางพึ่งจากไป
'สตรีไร้ยางอายสักวันเราจะต้องได้เจอกันอีกแน่ เมื่อเจ้าได้เห็นรูปร่างของข้าแล้วเจ้าต้องรับผิดชอบ'
เมื่อคิดได้ดังนั้น เขาจึงหยิบบางสิ่งมาจากชายเสื้อที่กองอยู่ที่พื้น และส่งสัญญาณออกไป ไม่ถึงครึ่งเค่อ ก็มีบุรุษชุดดำราว 10 กว่าคนปรากฏขึ้นต่อหน้าเขาและคุกเข่าลงยังเบื้องหน้า
"ขอให้ท่านประมุขโปรดลงโทษด้วย เนื่องจากความสะเพร่าของพวกข้า ทำให้ท่านประมุขได้รับบาดเจ็บ"