ตอนที่ 6
กลางดึกคืนนี้
คุณมีนากับสามีไปค้างบ้านพี่สาวในตัวจังหวัด สำเภาเกิดปวดท้องกะทันหัน นางร้องไห้คร่ำครวญ
“ป้า..เป็นอะไรมากไหม หนูอัญพาไปหาหมอไหม”
อัญชันใช้สายตามองนาฬิกาที่บอกเวลาเกือบเที่ยงคืน แต่เมื่อมันจำเป็นก็คงต้องไปโรงพยาบาล
“โอ๊ย...ปวดเหลือเกิน ไม่ต้องไปหาหมอหรอก มันดึกแล้ว ขับรถ ขับราลำบาก” นางสำเภาเอามือกุมท้องไว้เพราะความเจ็บปวด
“ไม่เป็นไร ไปโรงพยาบาลดีกว่า หนูอัญพาไปเอง ป้าไม่ต้องเกรงใจ”
อัญชันเห็นอาการของคนเจ็บที่หน้านิ่วคิ้วขมวดอย่างเจ็บปวดก็รีบพยุงนางไปที่รถ นางสำเภาจำใจเดินไปด้วยเพราะเจ็บปวดจนเกินจะทน
โรงพยาบาล
หลังจากรถจอดหน้าโรงพยาบาล สำเภาถูกส่งเข้าห้องฉุกเฉิน หมอช่วยเธออย่างเต็มความสามารถ
“ฉีดยาสองเข็มแล้วรอดูอาการก่อนนะคะ”
พยาบาลบอกอัญชันเพราะคิดว่าเป็นญาติคนไข้
“ต้องนอนโรงพยาบาลไหมคะ”
เธอมองนาฬิกาเป็นเวลาตี 2 เกือบ ตี 3 แล้ว หากต้องนอนโรงพยาบาลจะได้หามุมเพื่อพักสายตา
“นอนดูอาการก่อนสักพักนะคะ ถ้าคนเจ็บไม่เป็นอะไรมาก แค่ฉีดยาอีกเข็มอาการก็น่าดีขึ้น โชคดีมาถึงมือหมอเร็ว อาการเลยไม่หนักมาก”
เมื่อได้ยินอย่างนั้น อัญชันจึงทำเพียงนั่งรอเวลาอยู่หน้าห้องฉุกเฉิน จนหมอแน่ใจในอาการคนป่วยก็ให้กลับบ้านได้ ซึ่งก็เป็นเวลาเกือบเข้า
อัญชันขับรถพานางสำเภากลับมาที่บ้าน และพานางไปนอนพักผ่อนที่ห้องพัก แล้วกลับไปที่ห้องครัวโดยอัญชันทำข้าวต้มข้าว ไข่เค็ม ไข่เจียวมาให้เธอ กลิ่นหอมแตะจมูกคนเจ็บ
“ป้าสำเภากินยาก่อนอาหารแล้วกินข้าวต้มนะคะ เดี๋ยวหนูอัญมาเก็บจานชามเอง” เธอวางชามข้างกับยาไว้ที่โต๊ะตัวเล็กที่เธอยกมาไว้ให้นางสำเภานั่งกินข้าว ก่อนจะปิดประตูอย่างเบามือเดินจากไป
นางสำเภามองตามแผ่นหลังอัญชันไปจนลับตา ก่อนจะมองมาที่อาหารที่โต๊ะ ด้วยสายตาที่อ่านยาก
บนโต๊ะอาหารตั้งแต่อัญชันมาอยู่ที่นี่ในฐานะลูกสะใภ้ เธอตื่นก่อนแม่สามีทุกวัน จัดอาหารเช้าไว้รอทุกคนมากิน
“หนูอัญทำให้แม่สบาย ไม่ต้องตื่นแต่เช้า เดินมาที่โต๊ะอาหาร ทุกอย่างพร้อมกินได้เลย อย่างนี้สิแม่ศรีเรือนตัวจริง”แม่สามีเอ่ยชมลูกสะใภ้
“แล้วสำเภาเป็นยังไงบ้าง เห็นว่าเมื่อคืน ไปโรงพยาบาลกลางดึกใช่หรือ” นางมีนามองหาแม่บ้านที่เป็นเสมือนญาติสนิทที่ปกติจะต้องมาอยู่ใกล้ๆเวลานางกับสามีทานข้าว
“ป้าสำเภาไม่เป็นอะไรมากค่ะ หมอให้ยาฆ่าเชื้อ นอนพักผ่อนสักสองสามวัน อาการก็ดีขึ้นแล้วค่ะ แต่ช่วงนี้ต้องกินอาหารอ่อนๆไปก่อน”
อัญชันเอ่ยรายงานแม่สามี
“แม่ขอบใจหนูอัญมากเลย เป็นธุระให้แม่ทุกอย่าง ดูแลบ้านช่องเป็นอย่างดี โชคดีของนายสิงห์ที่ได้หนูอัญเป็นเมีย”
หญิงสาวยิ้มอย่างเอียงอาย
“ส่วนสำเภาน่ะ ไม่มีอะไรหรอก แค่เป็นรักนายสิงห์มาก ใครทำให้นายมันเสียใจ สำเภามันจะโกรธด้วย แต่เดี๋ยวมันก็จะเข้าใจเอง อย่าไปถือสามันเลยนะลูก” นางมีนาบอกอัญชันเพราะเห็นว่าบางครั้งสำเภาก็ทำกิริยา ไม่ดีใส่อัญชัน นางกลัวอัญชันคิดมาก
“ไอ้สิงห์ มันหายหัวไปเป็นอาทิตย์แล้ว ไม่ยอมกลับบ้านกลับช่อง งานที่ไร่ก็มากมาย โมกคนเดียวจะทำไม่ไหว เดี๋ยวจะต้องโทรไปจัดการสักหน่อยแล้ว ไม่ไหวแบบนี้” เสียงคนเป็นพ่อบ่นลูกชายยืดยาวอย่างไม่พอใจในพฤติกรรมของสิงห์ราช
“ลูกเสร็จธุระ คงกลับมาเองล่ะค่ะ” คุณมีนาบอกกับสามี และเหมือนเพิ่งนึกอะไรบางอย่างออกมาได้ จึงหันมาทางลูกสะใภ้
“หนูอัญ แม่จะพาพ่อไปผ่าตัดกระดูกหลังของคุณพ่อ หมอนัดไว้วันจันทร์หน้า หนูอัญอยู่บ้านคนเดียวได้ไหมลูก หรืออยากกลับไปอยู่กับพ่อแม่ไหม แต่แม่อยากให้อยู่ที่นี่มากกว่านะ แม่ห่วงบ้าน ถ้าหนูอยู่ดูแลให้ แม่ก็หมดห่วง “ นางมีนาเอ่ยอย่างสับสน ห่วงลูกสะใภ้ก็ห่วง ห่วงบ้านก็ห่วง
“อัญอยู่ได้ค่ะ คุณพ่อคุณแม่ไม่ต้องกังวลใจไปหรอกนะคะ”
หญิงสาวยิ้มกว้างอย่างเปิดเผย
“อย่างนั้นพ่อกับแม่ก็สบายใจ จะไปผ่าตัดก็อดเป็นห่วงหนูไม่ได้ กลัวอยู่ไม่ได้”
หลังจากนั่งคุยกันสักพัก คุณมีนาก็พาสามีไปพักผ่อนข้างบน
อัญชันกำลังตัดแต่งกิ่งดอกกุหลาบอยู่ในสวนกับจ้อยเด็กหนุ่มที่มาช่วยเหลืองานเธอ สำเภาถือแก้วน้ำส้มมาให้หญิงสาว
“ดื่มน้ำส้มเย็นๆค่ะ ดื่มแก้กระหายคลายร้อน” นางสำเภาส่งน้ำให้อัญชัน ซึ่งเธอก็ยกมือไหว้ก่อนจะรับมาถือไว้
“แล้วของผมมีด้วยหรือเปล่าน้ำส้มแบบนี้”จ้อยหันมายักคิ้วให้สำเภา
“ข้าไม่รู้มีคนอื่นอยู่ด้วย เลยไม่ได้เตรียมมาเผื่อ”
นางสำเภาบอก เด็กชายแกล้งทำหน้าสลดเล็กน้อย
“ไม่เป็นไรจ้อย เราแบ่งกันดื่มก็ได้ ของเยอะแยะพี่กินคนเดียวไม่หมดหรอก” อัญชันหันรีหันขวางของหาแก้วเพื่อแบ่งน้ำส้มให้จ้อย
“พี่อัญนอกจากเป็นคนสวยแล้ว ยังใจดีอีกต่างหาก พี่เป็นคนหรือนางฟ้ากันแน่อ่ะ” จากหน้าหงอยกลายเป็นยิ้มแฉ่งและเอ่ยแซวทันที
“เอ็งลามเป็นขี้กากเชียวนะไอ้จ้อย ได้คืบจะเอาศอก ให้มันได้อย่างนี้ซิ” นางสำเภาต่อว่าจ้อยกลับทันที ส่วนจ้อยก็ไม่น้อยหน้าแลบลิ้นปลิ้นตาใส่นางสำเภา และก่อนที่สงครามน้ำลายจะเริ่มขึ้น
“หนูอัญขอบคุณป้าสำเภามากเลยค่ะ สำหรับน้ำส้มที่เย็น อร่อยๆแบบนี้ มันเหมาะกับอากาศร้อนๆ มากเลย ดื่มแล้วชื่นใจที่สุด”
คนแก่ยิ้มแก้มหุบไม่ลงเมื่อถูกชมซึ่งๆหน้า
“ 5555 ไม่รู้ว่าป้าสำเภาก็บ้ายอเหมือนกัน เขาชมนิดชมหน่อย หน้าบานเชียวนะป้า” เป็นจ้อยที่หัวเราะขึ้นเมื่อเห็นนางสำเภายิ้ม
“เอ็งไม่ต้องกงไม่ต้องกินมันแล้ว เอามานี่ ข้าจะสาดทิ้งให้หมากินดีกว่า เอ็งมันแล้วปากดี เห่าใส่ข้าอยู่เรื่อย”
“เรื่องอะไรจะเอาไปทิ้ง แก้วนี้คุณอัญให้ผมมานะป้า”
จ้อยกอดแก้วน้ำไว้ในอกและวิ่งหนี หญิงสูงวัยวิ่งไล่เด็กหนุ่มพร้อมเสียงหัวเราะดังลั่นไปทั่ว ทำให้คุณมีนาที่อยู่ในบ้านอดมาแอบมองไม่ได้
“หนูอัญทำให้บ้านเรามีชีวิตชีวา มีเสียงหัวเราะ พูดคุยกันอีกครั้งหนึ่งแล้ว” คุณมีนาเอ่ยเบาๆคนเดียวและยิ้มไปกับภาพที่เห็น
“คุณมองอะไรอยู่ เห็นยิ้มน้อยยิ้มใหญ่”สินธุเดินมายืนข้างๆภรรยาและมองตามที่ภรรยามองอยู่
“ยายอัญกับสำเภา กลายมาเป็นพรรคพวกเดียวกันเลย นายสิงห์กลับมาครั้งนี้ลำบากแน่ๆเลย 55555”
คุณสินธุหัวเราะขึ้นกกับภาพที่เห็น ปกติสำเภาจะเข้าข้างสิงห์ราชทุกเรื่อง ไม่ว่าจะถูกหรือผิด แต่คราวนี้ลูกชายเขามีคู่แข่งซะแล้ว
.
.
กลางดึกเสียงโทรศัพท์มือถือดัง อัญชันเอื้อมมือไปหยิบมาดู
‘นายสิงห์ ทำไมนายโทรมาดึกๆดื่นๆแบบนี้’ เธอคิดในใจ
“สวัสดีค่ะ นายสิงห์มีธุระอะไรหรือเปล่าคะ โทรมาเสียดึกเชียว”
อัญชันถามออกไปและเสียงคนในสายเหมือนมีน้ำเสียงอ้อแอ้เหมือนคนเมา
“เธอรู้เห็นเป็นใจกับพี่สาวเธอที่หนีการแต่งงานครั้งนี้ใช่ไหม”
คำถามที่จี้ใจดำของหญิงสาว ถูกส่งออกมาจากคนเมา
“หนูอัญไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้นค่ะ นายสิงห์ “
หญิงสาวบอกความจริงแต่ไม่ใช่ทั้งหมด เธอพอรู้อยู่บ้าง
“จอมโกหก หลอกลวงทั้งบ้าน ไม่ว่าจะเป็นพี่สาวเธอ หรือตัวเธอ ทำไมมีอะไรไม่ยอมบอกฉันตรงๆ เห็นฉันโง่ เป็นควายหรือไง พ่อแม่ฉันอีก พวกหล่อนมัน.....” เสียงของสิงห์ราชเงียบไป แต่ทว่า...
“คุณสิงห์ค่ะ มาอาบน้ำด้วยกันดีกว่านะคะ”
เสียงหญิงสาวตะโกนเรียกหา ทำให้ชายหนุ่มวางสายลง
“นายสิงห์ฟังหนูอัญก่อน..”
อัญชันยังพูดไม่จบเขาก็ตัดสายไป
‘ที่ทุกคนเป็นห่วงนาย ที่แท้นายไปมีความสุข ที่กรุงเทพต่างหาก’
เธอพูดกับตนเอง ก่อนจะล้มตัวลงนอนในที่ของตัวเอง ที่เธอปูที่นอนเล็กๆ นอนอยู่มุมหนึ่งของห้อง
*****