EP03 ll Your friend is calling..

1220 Words
‘Your Friend is calling…’ คือชื่อที่ฉันไม่เคยบันทึกไว้ในโทรศัพท์... ฉันย่นคิ้ว อย่างเก่งฉันก็แค่เม็มชื่อสั้นๆ หรือฉายาเพื่อน ตามด้วยคณะ หรือตัวย่อที่ฉันรู้อยู่คนเดียว เช่น Gift- MEE02 Temp – AE09 MyMint-FF  ไม่มีวันที่จะมานั่งเม็มชื่อใครด้วยวลีนิรนามอย่าง Your Friend ที่แปลว่าเพื่อนของเธอแน่ๆ “มันแน่ๆ” พ่อตั้งสมมติฐาน “บ้าเหรอ ไม่ได้แลกเบอร์กันสักหน่อย” ฉันส่ายหัวปฏิเสธ เรื่องสุดท้ายที่จำได้คือเราแลกไอดีไลน์กันเท่านั้น ฉันไม่ชอบคุยโทรศัพท์เลยยากมากที่จะมานั่งแจกเบอร์กับใคร นอกจากมีเรื่องจำเป็น “พ่อไปนอนเหอะ ไว้ค่อยคุยกันพรุ่งนี้ ล็อกระเบียงแล้วไม่มีอะไรต้องห่วง เดี๋ยวมีปัญหาจะบอกเอง” ฉันปัดมือไล่เขา พ่อทำหน้าลังเลอยู่ครู่นึงก่อนที่เสียงโทรศัพท์จะดับไป ฉันไม่ใส่ใจมันนัก และส่งสายตาไล่ชายวัยกลางคนอีกรอบ “ออกไปเหอะ จะนอน ไม่มีอะไรหรอกน่า” “อืม มีอะไรบอกพ่อนะ” “โอเค” ฉันตอบรับสั้นๆ วันนี้สมองของฉันไม่พร้อมรับฟังเรื่องราวอะไรแปลกๆ นัก ฉันง่วง แต่ฉันก็เชื่อว่าพ่อไม่ได้โกหก... แค่ไม่แน่ใจว่าเขาจำถูกรึเปล่าเท่านั้นเอง “แอล” พ่อหมุนตัวไปที่ประตูแล้วมองมาที่ฉันเล็กน้อย “ถ้ามันโทรมา อย่ารับนะ... บล็อกเบอร์ไป” “บล็อกเบอร์ก็น่าสงสัยสิ... เขารู้บ้านเราแล้วนะ หนูไม่รับหรอก เดี๋ยวหนูเช็คเองว่าเขาเป็นใคร ถ้าเป็นอย่างที่พ่อพูดจริง หนูจะไม่ยุ่ง โอเคมั้ย?” ฉันตอบพ่อไปส่งๆ ฉันเจอโรคจิตบ่อยจนชิน และพอจะมีวิธีรับมือในแบบของตัวเอง บางคนจบแค่บล็อก บางคนแค่ปล่อยเบลอ หรือบางคนต้องเล่นกลับแรงๆ ถึงจะหยุด ซึ่งฉันไม่แน่ใจนักว่าคนอย่างเอสเป็นประเภทไหน... เขาดูไม่ใช่โรคจิตเลย และเขาก็คงจะไม่ใช่หรอก เขาดูเป็นคนปกติดี แค่อดีตที่พ่อพูดถึงมันดูอันตรายและน่าหลีกเลี่ยง “ได้ยินแบบนี้ ฉันก็สบายใจ ไว้ฉันจะหาที่อยู่ใหม่ให้แก” “...ต้องขนาดนั้นเลยเหรอ?” ฉันย่นคิ้ว “อย่าเสี่ยงเลย มันไม่คุ้มหรอก” พ่อเอ่ยแล้วมองหน้าฉัน “...ไปเถอะ” ฉันโบกมือไล่พ่ออีก อันที่จริงถ้าใครจะทำร้ายฉันได้เจ็บที่สุดก็คือพ่อนั่นแหละไม่ใช่ฆาตกรที่ไหนหรอก คงเพราะฉันยังโกรธพ่ออยู่ เลยไม่อยากจะเห็นหน้าพ่อนัก “จำไว้นะแอล อย่ายุ่งกับผู้ชายคนนั้น” ปึง! เขาส่งท้ายให้ฉันกะพริบตาปริบๆ แล้วปิดประตู พ่อไม่ได้ปิดไฟ ทำให้ห้องฉันยังคงสว่างไสวและแสงจ้า ฉันนั่งอยู่บนฟูก จมกับความคิดและคำบอกเล่าที่เพิ่งได้ฟัง แต่ไม่ว่ายังไงก็นึกไม่ออก... คนอย่างเขาจะเป็นฆาตกรได้ยังไง Rrr Rrr เฮือก! ฉันสะดุ้งอีกรอบเพราะมือถือที่เงียบไปดันสั่นและดังขึ้นมาอีก ชื่อของคนที่โทรเข้ามาก็ยังเป็นชื่อเดิม ‘Your Friend is calling…’ ฉันย่นคิ้วและมองเวลาบนจอมือถือที่แสดงเลข 04.15 เป็นเวลาสำหรับการพักผ่อน ถ้าไม่มีเหตุด่วนเหตุร้ายก็คงจะไร้มารยาทมากๆ ที่จะสามารถโทรหาคนอื่นในเวลาไม่ปกติแบบนี้ได้ หรือว่าเอสจะโทรมาหาฉันจริงอย่างที่พ่อว่า... ฉันนั่งคิดแล้วถือโทรศัพท์ในมืออย่างชั่งใจว่าจะรับสายดีหรือไม่ ฉันต้องการเวลาสักหน่อยเพื่อทบทวนเรื่องนี้ แต่จิตใต้สำนึกที่อยากรู้อยากเห็นก็สั่งให้ฉันกดรับมันและยกขึ้นมาแนบหู ไม่รู้ทำไมก่อนหน้านี้ฉันก็เฉยๆ และตื่นเต้นด้วยซ้ำกับการที่ได้คุยกับผู้ชายหน้าตาดีแบบนั้น ทว่าพอรับรู้เรื่องราวเบื้องหลังที่อาจจะน่ากลัวกว่าที่คิด ความตื่นเต้นที่เคยมีมันก็เริ่มจะแปรเปลี่ยนไปในทางอื่น เสียงซ่า ซ่า ลอดเข้ามา มันเป็นเสียงฝนตก ปะปนกับเสียงเดินเตาะแตะบนถนนที่เต็มไปด้วยน้ำ ฉันปรายสายตาออกไปมองด้านนอกก็เห็นว่าฝนค่อยๆ ปรอยลงมา... ก็ไม่แปลกหรอก มันคือหน้าฝน “ฮัลโหล ใครน่ะ” […] “ใคร มีอะไร?” […] ปลายสายยังคงเงียบจนฉันกลืนน้ำลาย “ถ้าไม่พูดอะไรจะวางแล้วนะ” ฉันเริ่มหงุดหงิดกับสงครามประสาท ฉันเกลียดความเงียบที่สุดเพราะมันน่าอึดอัด ฉันเคยเจอโรคจิตที่โทรมาแล้วไม่พูดแต่บางคนก็ครางเสียงอีโรติกทำให้ฉันรู้จุดประสงค์ แต่การที่โทรมาแล้วปล่อยให้ฉันฟังเสียงฝนกับเสียงฝีเท้ามันดูไม่มีเหตุผล... [ผมเอง] “...” ฉันชะงัก เมื่อได้ยินเสียงนุ่มทุ้มที่ได้ยินก็รู้ว่าใคร ใจฉันเต้นแรงขึ้นอัตโนมัติ มันคงปกติดีถ้าพ่อไม่เอาเรื่องบ้าๆ นั่นมากรอกหูฉัน “เอสเหรอ...?” [ตอนนี้ผมกำลังกลับบ้าน... คิดว่าเธอคงยังไม่นอน] “...นายเม็มเบอร์ตัวเองเหรอ ฉันจำไม่ได้ว่าเม็มชื่อใครแบบนี้นะ” ฉันตั้งท่าสงสัยในความผิดปกติ ปลายสายหัวเราะเล็กๆ เหมือนไม่ใส่ใจนัก [อืม ผมแอบเม็มเอง ตกใจไหม?] “คิดยังไงถึงเป็นชื่อนี้” [ผมก็อยากเปลี่ยนจาก Friend เป็น Boyfriend นะ แต่คงต้องขออนุญาตเธอก่อน] เขาตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงกรุ้มกริ่ม แต่เพราะฉันยังข้องใจเรื่องที่พ่อเล่าเลยไม่สามารถจะเขินอายกับประโยคหยอกเย้าของเขานัก “แล้วตอนนี้นายถึงบ้านรึยัง?” ฉันพยายามจะปกติ เพราะยังไม่รู้ว่าคนปลายสายเป็นคนยังไงกันแน่ อีกอย่างถ้าเขาเป็นอย่างที่พ่อพูดจริง การแสดงตัวเป็นศัตรูกับเขาก็น่ากลัวมาก... เขารู้บ้านฉัน รู้จักเพื่อนฉัน เคยเจอพ่อฉันอีก [ยัง กำลังกลับ... ฝนตกน่ะ] เขาหัวเราะเสียงน่ารักจนฉันไขว้เขว เริ่มสงสัยว่าคนอย่างเอสเนี่ยเหรอจะเป็นฆาตกร เข เข้าถึงง่ายแถมยังมีเสน่ห์ด้วย [ผมแค่กังวลนิดหน่อย ถ้ารบกวนเธอ ผมก็ขอโทษด้วย] “นายกังวลอะไรเหรอ?” [เรื่องที่พ่อเธอไม่ชอบผมน่ะ] เสียงทุ้มนุ่มของคนปลายสายและจังหวะการพูดจาของเขาไม่ได้ปั้นแต่งให้หวานแหววหรือหวือหวา แต่เป็นคำพูดธรรมดาที่ฟังแล้วมันเพลินหูอย่างประหลาด ฉันต้องพยายามดึงสติตัวเองทุกครั้งที่คุยเพื่อไม่ให้ความหลงบดบังความจริงที่ว่าเขาอาจจะอันตรายต่อตัวฉันก็ได้ แต่... เขาดูไม่น่าจะเป็นแบบนั้นไปได้เลยจริงๆ นะ “พ่อก็ไม่ชอบผู้ชายทุกคนที่เข้าหาฉันนั่นแหละ ไม่ต้องคิดมากหรอก” [แต่ผมอยากรู้จักเธอ... เธอว่าผมควรทำไงดี?] เขาทำเสียงนอยด์เล็กน้อยจนฉันแอบเอ็นดูแวบนึง “ไม่รู้สิ น่าจะยากนะ” ฉันหัวเราะนิดๆ แล้วเริ่มทิ้งตัวลงกับเตียง [...เหรอ] “....” [งั้นถ้าไม่มีพ่อเธอ... มันจะง่ายขึ้นไหม?]
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD