“หมายความว่าไง” ฉันขึ้นเสียงใส่คนปลายสายอย่างไม่รู้ตัว ประโยคที่ตีความหมายได้หลายอย่างทำให้นัยน์ตาของฉันหรี่ลงอัตโนมัติ คิ้วขมวดเข้าหากัน ได้ยินเสียงหัวเราะขำขันประหนึ่งล้อเล่นกลับมา
ตลกเหรอ... ไม่ตลกนะ
[ผมแค่พูดเฉยๆ] น้ำเสียงเรียบเฉยเอ่ยขึ้น เขาเว้นจังหวะไปพักนึงแล้วว่าต่อ [เหตุการณ์ไม่คาดคิดมันเกิดขึ้นได้เสมอแหละครับ]
ฉันเงียบเพราะคำพูดมีนัยยะสำคัญนั่นมันสร้างความรู้สึกไม่ปลอดภัยแก่คนฟังอย่างฉัน ถ้าก่อนหน้านี้ฉันไม่ได้รู้อะไรมาก่อน ฉันอาจจะมองข้ามผ่านมันไปก็ได้... เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดที่เขาว่า มันหมายถึงอะไรล่ะ เขาจะทำอะไรพ่อฉันหรือไง!
“งั้นมันอาจจะเกิดขึ้นกับนายเองก็ได้” ฉันสวนกลับเล็กน้อยเพื่อลองเชิงคนปลายสาย “...ใครจะรู้”
[หรืออาจจะเกิดขึ้นกับเธอ...?]
“...ขู่หรือไง?” ฉันเว้นจังหวะไปเล็กน้อย จินตนาการหน้าของเอสไม่ออก และไม่เข้าใจด้วยความสมองของเขาคิดอะไรอยู่กันแน่ เขาเป็นตัวอันตรายจริงๆ หรือเขาก็แค่คนธรรมดา...
[เธอคิดว่าไง?] เอสหัวเราะเบาๆ
“ไม่รู้สิ... เราเพิ่งรู้จักกัน จะไปรู้ได้ไง นายดูความลับเยอะจะตาย”
[เหรอครับ บางทีความลับของผมน่าจะมากพอๆ กับพ่อของเธอ] น้ำเสียงสดใสตอบกลับมาปนขบขันเล็กน้อย แต่ฉันไม่ตลกด้วย ฉันหน้าเจื่อนก่อนจะย่นคิ้วงง
“ฮะ?”
[ล้อเล่นน่ะ พรุ่งนี้ผมไปรับเธอนะ]
“รู้เหรอว่าเราเรียนกี่โมง”
[เธอมีเรียนบ่ายโมงตรง ออกจากบ้านสักสิบเอ็ดโมง แล้วแวะหาอะไรทานกัน... เธอว่าดีไหม]
“...รู้ได้ไง แอบตามสืบรึเปล่าเนี่ย”
[ครับ]
“ฮะ?” ฉันตกใจเลยเผลอร้องออกมาเสียงดังไปหน่อย ทำให้ปลายสายหลุดขำ
[ผมแค่ถามจากเพื่อนเธอ]
“เหรอ... นึกว่าแอบสืบเรื่องของเราซะอีก”
[ทำไมผมต้องสืบเรื่องของเธอด้วยล่ะครับ] เขาถามกลับด้วยน้ำเสียงฉงน ฉันไม่รู้จะตอบอะไร ไม่อยากแสดงตัวว่ารู้เรื่องของเขาแล้วด้วยไง เลยตัดสินใจบ่ายเบี่ยงแล้วพูดอ้อมๆ เพื่อไม่ให้เขารู้
“เปล่าหรอก พอดีเราชอบมีคนแปลกๆ มาตามไง บางทีก็โรคจิตบ้าง สตอล์กเกอร์บ้าง... ล่าสุดมีคนโพสต์ขู่จะทำร้ายเราในเน็ตด้วย”
[อันตรายนะ... เธออยากได้บอดี้การ์ดไหม] ปลายสายถามกลับมาด้วยความเป็นห่วง... ไม่รู้ห่วงว่าฉันจะโดนทำร้าย หรือห่วงว่าฉันจะไม่โดนกันแน่
“ไว้ใจได้เหรอ ไม่ใช่ว่าที่จริงแล้วเป็นนายจ้องจะทำร้ายเราหรอกนะ”
[ผมมีเหตุผลอะไรต้องทำร้ายเธอด้วยล่ะครับ]
“ไม่รู้สิ อาจจะมีก็ได้... แต่นายไม่พูดไง”
[เธอตลกจัง]
“ยังไง?”
[ที่เธอระแวงผมไง]
“เราก็แค่ลองถามดู... คนเรารู้หน้าไม่รู้ใจนี่ จริงไหม”
[เธอเป็นคนระวังตัวแบบนี้เสมอเหรอ?]
“อืม ใช่ เราระวังตัวมากกว่าที่นายคิดเลยแหละ” ฉันบอกไปอย่างนั้นเพื่อให้เขารู้ว่ามันไม่ง่ายนักหรอกถ้าคิดจะทำอะไรฉัน... แม้จะไม่แน่ใจว่าเขาดีหรือไม่ดี แต่การป้องกันตัวไว้ก่อนคือดีที่สุดไง
[ระวังตัวก็ดีแล้วครับ ไม่อยากให้เธอเป็นอะไรไปก่อน] เขาตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่ไอ้ประโยคหลังมันทำให้ฉันงงเล็กน้อย เลยทวนคำพูดคนตัวสูงอีกรอบหนึ่ง
“เป็นอะไรไปก่อน? หมายความว่าไง?”
[หมายความว่าผมเป็นห่วงเธอ] คนตัวสูงตอบก่อนจะหัวเราะเบาๆ [ผมจะถึงบ้านแล้วนะ]
“บ้านนายอยู่ไหนเนี่ย ไกลแน่ๆ เลย”
[ที่ถามคือเธออยากมารึเปล่า?]
“บ้านนายมีอะไรน่าสนใจล่ะ”
[มีผมไง] น้ำเสียงเขาหวานขึ้นเล็กน้อยทำให้ฉันเบ้ปากหมั่นไส้ ถ้าไม่ติดว่าฉันระแวงเขาอยู่คงเขินไปแล้ว... ตานี่ร้ายนะ เห็นหน้าตาติ๋มๆ ไม่อยากจะเชื่อเลย ให้ตายเถอะ [แค่คนเดียวด้วย น่าสนใจรึเปล่า?]
“คนเดียว? แล้วพ่อแม่พี่น้องไม่อยู่ด้วยเหรอ?”
[ไม่มีหรอก... ผมอยู่คนเดียว คนอื่นนอกจากผมเสียชีวิตไปแล้วน่ะ] น้ำเสียงของเขายังคงปกติ ส่วนฉันชะงักไปครู่นึง เพราะเขาดูนิ่งเกินไป ฉันเลยไม่แน่ใจว่าเขาโกหกรึเปล่า...
“จริงรึเปล่าเนี่ย ไม่ตลกนะ”
[แล้วทำไมผมต้องโกหกด้วยล่ะ]
“งั้นเกิดอะไรขึ้นกับครอบครัวนาย... อุบัติเหตุเหรอ?” ฉันย่นคิ้ว นอกจากเสียงของคนปลายสายแล้ว ก็ได้ยินเสียงเปิดประตูรั้วดังเอี๊ยดอ๊าด คาดว่าเขาคงถึงบ้านแล้ว เสียงฝนยังคงดงลอดเข้ามาเบาๆ ให้บรรยากาศวังเวงนิดหน่อย คนตัวสูงเงียบไปนิดนึงก่อนจะตอบกลับมา
[ทุกคนโดนฆ่าน่ะครับ]
“ฮะ”
[ตายหมดเลย หลายปีแล้ว เหลือแค่ผม]
“ขอโทษนะ... เราไม่รู้ เราไม่ได้ตั้งใจจะทำให้คิดมากนะ แต่นายโอเคใช่รึเปล่า?” ฉันอึ้งไป ไม่คิดว่าเรื่องพรรค์นี้จะใกล้ตัวฉันขนาดนั้น หรือว่าการที่เขาฆ่าใครสักคนนั่นเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้…? “เอ่อ ถามอีกนิดได้ไหมใครทำ จับได้รึเปล่า?”
[ไม่รู้เหมือนกันว่าใครทำ]เขาเอ่ย[อาจจะเป็นผมก็ได้นะ]
“...”
[ล้อเล่นน่ะ เธอเชื่อผมเหรอ?]
“เปล่า แต่เรื่องความเป็นความตาย นายไม่ควรเอามาล้อเล่นนะ”
[เหรอครับ เธอพูดได้น่าสนใจดีนะ] เขาหัวเราะ ทำราวกับว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องแปลก ทั้งที่มันเป็นสิ่งพื้นฐานที่มนุษย์ทุกคนควรทำ... มีใครที่ไหนเอาเรื่องที่คนในบ้านตายมาล้อเล่นกันล่ะ [ผมจะจำไว้ว่าไม่ควรทำ]
“นายนี่แปลกดี”
[เธอคิดว่าผมแปลกเหรอ?]
“แปลกสิ”
[ผมก็คิดว่าคนอื่นแปลกเหมือนกันนะ] เขาตอบกลับมาแล้วหัวเราะเบาๆ [ผมไม่เคยเข้าใจเลยทำไมทุกคนต้องเสียใจที่ครอบครัวของผมตาย เธอไม่คิดว่ามันแปลกเหรอ]
“แปลกยังไง? ก็ปกตินี่”
[พวกเขาไม่เคยรู้จักครอบครัวผมนี่ แต่บอกผมว่าเสียใจ ฟังยังไงก็โกหก]
“เขาคงรู้สึกแย่ที่นายเจอเรื่องแย่ๆ ไง” ฉันเม้มริมฝีปากสับสนกับสิ่งที่เขาพูดเล็กน้อย เกือบจะคล้อยตามแล้ว คนตัวสูงเงียบไปก่อนจะตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงระคนตลก ตอนแรกฉันก็สงสารกับเรื่องน่ากลัวที่เขาเจอ แต่สิ่งที่เขาตอบกลับมาทำให้ฉันไม่แน่ใจนัก
[มันแย่ขนาดนั้นเชียวเหรอ แค่คนตายไม่กี่คนเอง]