EP2.1 ll คำทักทายจากฆาตกร

1374 Words
‘นายชื่ออะไรนะ’ ‘เอสครับ’ เฮือก! ฉันสะดุ้งขึ้นพร้อมกับอาการหนักๆ บริเวณศีรษะ สายตาพร่าค่อยๆ ปรับโฟกัสภาพด้านหน้าให้ชัดเจน ผ้าปูที่นอนสีขาว ผ้าห่มสีหวาน และตุ๊กตาตัวใหญ่วางไว้ใกล้เตียง สภาพแวดล้อมที่คุ้นเคยทำให้ใจฉันชื้นขึ้นมาเล็กน้อยจนกระทั่งมีอะไรบางอย่างที่ไม่คุ้นเคยอยู่ในห้อง ฉันก็ชะงัก “ตื่นแล้วเหรอครับ?” ใบหน้าหวาน เจ้าของนาม ‘เอส’ นั่งอยู่บนโซฟาที่ตั้งอยู่ตรงฝั่งขวาของเตียง มือของเขาถือหนังสือเล่มนึง ฉันย่นคิ้วตกใจแต่ไม่แสดงออก... ก่อนหน้านี้เรา... ฉันพยายามเค้นเอาความทรงจำ ตอนที่อยู่บ้านของเทมป์ออกมาแต่นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก บางทีสมองของฉันยังประมวลผลไม่ดีนักหลังจากตื่น ฉันคงดื่มมากไป “นี่ห้องฉันนี่...” ฉันเอ่ยเสียงเรียบ ไม่แสดงท่าทีตื่นตูมเท่าใดนัก ฉันไม่ใช่คนเมาง่าย แต่ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมวันนี้ฉันถึงจำอะไรไม่ค่อยปะติดปะต่อ “เธอเมามาก ผมเลยมาส่ง” “คนเดียว?” “อืม” “แล้วนายรู้จักบ้านฉันได้ไง?” ฉันเอียงคอ แอบโกรธมันในใจ ที่ปล่อยให้ผู้ชายที่ไหนไม่รู้มาหิ้วฉันกลับห้อง เดาว่ายัยนั่นก็คงจะไปเมาหัวราน้ำกับผู้ชายสักคนที่บ้านของเทมป์ เออ เป็นเพื่อนที่ดีโคตร “เพื่อนเธอบอก” “...” ฉันเงียบแล้วเลื่อนสายตาสบกับคนตัวสูงครู่นึง มองสภาพตัวเองอย่างพินิจพิเคราะห์ว่ามีส่วนใดบกพร่องสึกหรอไปรึเปล่า เมื่อพบว่าตัวฉันอยู่ในสภาพปกติดี แสดงว่าเขาคนนี้ก็คงจะสุภาพบุรุษพอสมควร “ขอบใจนะที่มาส่งถึงห้อง” “ไม่เป็นไรครับ” “ตอนนี้กี่โมงแล้วนะ” ฉันบ่นอุบอิบแล้วหยิบมือถือขึ้นมาดูนาฬิกา บ่งบอกว่าตีสามห้าสิบห้า ใกล้จะเช้าแล้ว แต่เขาก็ยังอุตส่าห์นั่งรอจนฉันตื่น “จะเช้าแล้ว... นายไม่กลับบ้านเหรอ?” “ผมแค่อยากแน่ใจว่าเธอไม่เป็นไร” “โห” ฉันแค่นหัวเราะ ยันตัวขึ้นมาเกาหัวแกรกๆ ไม่แน่ใจว่าสภาพตัวเองในตอนนี้เป็นยังไง แต่ก็คงจะไม่แย่นักหรอก “ขอบใจ” “ครับ” เขากระตุกยิ้มรับคำขอบคุณทำให้ฉันเกร็งหนักเข้าไปอีก ร้อยวันพันปีไม่เคยมีผู้ชายคนไหนมานั่งเฝ้าฉันเมายันฉันตื่น แถมเป็นผู้ชายที่หน้าตาดีมากๆ ซะด้วย ฉันเงียบแล้วมองเขาไล่ตั้งแต่บนลงล่าง จากหัวตามสันกรามลามไปยันไหปลาร้าและรอยสักที่แขน เส้นเลือดที่ข้อมือปูดโปนดูจะเชิญชวนฉันอย่างประหลาด “โทษทีนะที่ทำให้ลำบาก ปกติก็ไม่ได้เมาง่ายขนาดนี้หรอก” ฉันยิ้มแห้งกุมขมับก่อนจะขยับตัวแล้วหมุนปลายเท้าลงกับพื้นด้านล่างเตียงเพื่อจะไปเช็คสภาพตัวเองในห้องน้ำ “นายเป็นสุภาพบุรุษมากเลยนะ ถ้าเป็นคนอื่น ฉันคงจะไม่รอดแหงๆ” เพราะฉันรู้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น ฉันเลยไม่เคยปล่อยตัวเองให้เมาถึงขนาดไม่รู้เรื่องอย่างวันนี้ “ผมไม่ใช่คนประเภทนั้นหรอกครับ... เธอไว้ใจได้” ปึง! ปึง! ปึง! ปึง! ปึง! ปึง! ปึง! เสียงทุบประตูดังรัวๆ จนฉันย่นคิ้วอย่างสงสัยว่าเกิดบ้าอะไรขึ้น และเดาได้เลยว่าคนที่อยู่ด้านหลังนั้นคือใคร ฉันมองหน้าเอสก่อนจะกวาดสายตาไปทั่วห้องเพื่อหาพื้นที่ให้เขาซ่อนตัว เพราะฉันไม่อยากจะทะเลาะกับคนมาใหม่สักเท่าไหร่ “นายเข้าไปหลบในห้องน้ำก่อนได้ไหม?” ฉันกระซิบเสียงเบา พร้อมใบหน้าเซ็งเล็กน้อย “ฉันคิดว่าพ่อฉันมา... ฉันขี้เกียจอธิบายน่ะ” “งั้นอาจจะเป็นเพราะผมก็ได้ครับ” “ฮะ?” ฉันย่นคิ้วงง ว่าการที่พ่อคลั่งแล้วทุบประตูเสียงดังตอนเกือบเช้ามันเกี่ยวกับเขายังไง “พ่อฉันก็เป็นซะแบบนี้แหละ ห่วงเว่อร์เกิน ไม่เกี่ยวกับนายหรอก” “ผมกังวลน่ะครับ ตอนที่เธอนอนอยู่ พ่อเธอโทรมาหลายสาย ผมก็เลยรับให้” เขาอธิบายเสียงเรียบ ไม่ได้มีท่าทีตื่นตกใจกับการต้องเผชิญหน้าพ่อฉัน “นับว่าคุณพ่อเธอมาเร็วนะครับ นับจากเวลาที่ผมรับโทรศัพท์ก็สิบห้านาทีสี่สิบวินาทีได้” “ขนาดนั้นเลย” ฉันแค่นหัวเราะอย่างไม่ตลก นึกหน้าพ่อออกว่ากำลังจินตนาการบ้าบออะไรอยู่ ฉันกับพ่อไม่ค่อยลงรอยกันมาพักใหญ่ และช่วงนี้พ่อก็เหมือนคนจิตผิดปกติที่เอาแต่วิตกเรื่องของฉันจนโทรมาอยู่นั่นแหละ อาจเพราะเพิ่งมีคนโพสต์ขู่จะฆ่าฉันในโซเชี่ยลก็ได้... เฮอะ ใครจะมาฆ่าฉันได้ พวกนี้ก็เก่งแต่ปากทั้งนั้นแหละ! ปึง! ปึง! ปึง! ปึง! “แอล! เปิดให้พ่อ! ถ้าไม่เปิดพ่อจะพังประตูเข้าไปนะ!!” เสียงโวยวายดังมาจากด้านนอกด้วยน้ำเสียงซีเรียส ฉันกุมขมับเครียด การที่เขามาส่งเสียงดังรบกวนชาวบ้านแบบนี้ มันถูกต้องรึยังไง “แอล!!” เสียงนั้นดังขึ้นอีก ฉันกับเอสมองหน้ากันเล็กน้อย เขาไหวไหล่แล้วผายมือเชื้อเชิญไปที่ประตู “ผมเปิดให้มั้ยครับ ยังไงพ่อเธอก็รู้อยู่แล้วว่าเราอยู่ด้วยกัน” เขาเสนอตัวแต่ฟังแล้วดูไม่ใช่ไอเดียที่ดีเท่าไหร่นัก พ่อฉันคงคลั่งกว่าเดิมถ้าคนที่เปิดประตูดันเป็นผู้ชายที่เขาไม่เคยคุ้นหน้า “ไม่เป็นไร ฉันจัดการเอง” ฉันหงุดหงิดแล้วขยี้หัวตัวเองเบาๆ อย่างอารมณ์เสีย ก่อนจะลุกขึ้นจากที่นอนพลางสาวเท้าไปที่ประตู “แอล!” “รู้แล้วน่า!” ฉันตวาดกลับด้วยความโมโหก่อนจะกระชากประตูอย่างแรงและเอียงคอ กอดอกมองคนที่ยืนรออยู่ด้านหลังประตูด้วยสีหน้าไม่สู้ดีเท่าไหร่นัก เหงื่อเม็ดเล็กผุดซึมตามกรอบหน้าของพ่อ นัยน์ตาโปนและขอบตาคล้ำยังกับเพิ่งเทคยามายังไงยังงั้นแหละ “จะเคาะอะไรนักหนา พ่อว่างนักหรือไง” “หลบ” พ่อพูดแค่นั้นแล้วผลุนผันเข้ามาในห้องฉัน ใช้มือข้างนึงดันฉันให้ชิดกับประตูดังตึง! ฉันสาวเท้าตามก่อนจะพ่นลมหายใจยาวๆ เพราะรู้ว่าต้องมีเรื่องแน่ๆ เมื่อพ่อหันขวับและผงะเมื่อเห็นชายหนุ่มผมสีดำสนิทนั่งถือหนังสืออยู่ในมือด้วยท่าทีปกติ เขาปิดหนังสือก่อนจะค่อยๆ เลื่อนสายตามามองพ่อของฉันแล้วยกยิ้มอย่างเป็นมิตร พ่อหอบแฮ่กและจ้องเขานิ่งๆ “สวัสดีครับ คุณพ่อของชนัญชิดา” เขายกมือไหว้ดูมีมารยาท “ออกไปจากบ้านฉัน” พ่อไม่ทักทายตอบ เอาแต่ถลึงตาและชี้มือไปที่ประตู ฉันเห็นท่าไม่ดีเลยเดินเข้าไปแทรกตรงกลางอย่างเสียไม่ได้ “พ่อ นี่เพื่อนหนูเอง ไม่มีอะไร เขาแค่มาส่ง” ฉันพยายามจะอธิบาย แม้มันจะไม่ค่อยมีประโยชน์เท่าไหร่นัก “จะเป็นอะไรกับแกก็ช่าง แต่ฉันสั่งให้ออกไป” เสียงของเขาเข้มขึ้น ท่าทีจริงจังทำให้ฉันหงุดหงิดเข้าไปใหญ่ “มันไม่ได้มีอะไรสักหน่อย พ่อจะมาโวยวายทำไม และถ้ามี พ่อคงไม่มีวันรู้หรอก!” ฉันตวาดอย่างร้ายกาจ ถลึงตาใส่บ้าง “ฉันคงไม่รอให้มันเกิดขึ้นก่อนหรอก แกไม่เกี่ยว” “จะไม่เกี่ยวได้ยังไง พ่ออย่ามาไร้สาระได้ปะ พ่อนั่นแหละที่ไม่เกี่ยว นี่เพื่อนหนู เขาก็แค่มาส่ง พ่อจะตื่นตูมอะไรนัก” “ฉันบอกให้ออกไป” พ่อไม่สนใจแล้วหันไปหน้านิ่วคิ้วขมวดใส่เอสอีกครั้ง เขากะพริบตาเล็กน้อยก่อนจะวางหนังสือไว้บนโต๊ะไม้เล็กๆ ข้างๆ โซฟา “โอ๊ย เออ หนูจะพาเพื่อนหนูออกไป โอเคมั้ย?” ฉันเริ่มโมโหที่พ่อไม่ฟังอะไรเลยแล้วหันไปมองเอส “เดี๋ยวฉันเดินไปส่ง อ๊ะ” “แกไม่ต้องไป ใครสั่งให้แกไป!”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD