พอขับรถออกจากโรงพยาบาลว่าจะกลับบ้านที่แสนอบอุ่นของตัวเองกับนวลพรรณก็ต้องเปลี่ยนทิศทางกลับเมื่อแม่ของเขาโทรตามให้กลับบ้าน เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทุกวันนี้เขาทำอะไรให้ท่านเกลียดชังหนักหนา ตั้งแต่เล็กจนไม่ว่าพยายามเท่าไหร่ ท่านก็ไม่เคยชื่นชม มีแต่คำด่าทอและผลักไสให้ไปให้พ้นหูพ้นตา และครั้งนี้เขาคิดว่าการแต่งงานของตัวเองกับเพณิตาจะทำให้ท่านชื่นชมในตัวเองได้ ชื่นชมในความเป็นลูกกตัญญูของท่าน แต่เขาคิดผิด ท่านก็ยังคงมองเขาด้วยสายตาชิงชังเหมือนเดิม เหมือนว่าเขาไม่ใช่ลูกท่าน ตั้งแต่เล็กจนโตแม้แต่อ้อมกอดหรือคำชมสักคำ ท่านก็ไม่เคยมีให้เขา มีเพียงแค่แม่นมที่โอบกอดให้ความอบอุ่นแก่เขา
อยากรู้นัก ทำไมท่านถึงเกลียดเขานักทั้งๆ ที่เขาก็เป็นลูกชายของท่าน เป็นลูกชายคนเดียวของท่าน สายตาของท่านไม่เคยจะมองเขาด้วยความรัก หรือเพราะเขาคิดไปเองก็ไม่รู้ได้ ทุกครั้งที่ท่านมองมาจะมีแต่ความเกลียดชังคั่งแค้น แต่ก็สลัดความคิดนั้นไปเมื่อคิดหาเหตุผลมาประกอบแล้วไม่มีทางที่ท่านจะเกลียดเขาที่เป็นลูกชายของท่าน
“มาแล้วเหรอนายภู” ทันทีที่ก้าวเดินเข้ามาในบ้านหลังใหญ่ดุจคฤหาสน์ เขาก็หยุดเท้าที่เดินทันทีเมื่อท่านที่ยืนเม้มปากแน่นรอท่าอยู่ทางเดินเข้าไปในบ้าน
“ครับ คุณแม่” เขายกมือไหว้แล้วเดินไปหาท่าน
“ทำไมทิ้งหนูกี้ไว้คนเดียว และเมื่อเช้าก็ไม่ได้มาใส่บาตร” นางถามทันทีเมื่อรู้ว่าลูกสะใภ้ที่ตัวเองเลือกนั้นถูกทิ้งไปตั้งแต่เมื่อคืน
“คือผม...”
“ฉันไม่สนใจหรอกนะว่าจะเหตุผลอะไร แต่นายควรให้ความสำคัญกับหนูกี้ คนที่จะช่วยให้แกเจริญรุ่งเรือง ไม่ใช่ยัยผู้หญิงระดับล่างคนนั้น ไปหย่ากับมันซะ” นางสั่งเสียงขาด
“ไหนคุณแม่บอกผมว่าแค่แต่งงานกับน้องกี้แล้วทุกอย่างจะจบ”
“อย่าโง่ไปหน่อยเลยไอ้ลูกโง่ เดี๋ยวนี้กล้าขัดคำสั่งฉันเรอะ!” นางถามเสียงแข็งกระด้างไร้สายตาเอ็นดูรักใคร่ลูกชายเหมือนเช่นเดิม และนั่นก็ทำให้ภูเบศเจ็บปวดเมื่อเจอสายตาเย็นชาชิงชังของผู้เป็นแม่
“ผม...”
“เอาล่ะ ฉันจะไม่พูดอะไรมาก ที่ผ่านมาฉันยอมให้แกใช้ชีวิตแบบที่ต้องการมามากแล้ว เรื่องลูกของนายกับผู้หญิงคนนั้น ฉันไม่สนใจหรอกนะว่ามันเป็นสายเลือดของแกรึเปล่า ถ้าแกต้องการก็ได้ หลังคลอดก็รับเด็กคนนั้นมาให้นมนิ่มเลี้ยง ส่วนแกก็จัดการหย่ากับหล่อนแล้วมาสนใจหนูกี้ และเคลียร์ตัวเองให้เรียบร้อยก่อนที่บ้านหนูกี้จะถามเรื่องการจดทะเบียนสมรส ฉันหมดเรื่องจะคุยกับนายแล้ว จะไปไหนก็ไปเถอะ รำคาญ!” นางพูดจบก็เดินเข้าไปในบ้านทันที โดยไม่คิดสนใจความรู้สึกของลูกชายเลยสักนิด
ภูเบศได้แต่ยืนนิ่งกับความคิดของตัวเองและคำพูดของคุณแม่ที่รัก มีที่เขาสงสัยอีกอย่าง ท่านไม่เคยเรียกเขาว่า ‘ลูก’ เลยสักครั้ง ท่านเรียกแต่เขาว่า ‘นาย’ เหมือนว่าเป็นคนอื่นไม่ใช่ลูก ระหว่างที่ตกอยู่ในภวังค์ความเครียดอยู่นั้นก็มีมือหนึ่งมาคว้ามือเขาไปกุมไว้
“คุณภูของนม”
“นมนิ่ม ผมไม่รู้จะทำยังไงดี ผมรักคุณแม่ และผมก็รักนวลกับลูกด้วย” เขาบอกท่านเสียงสั่นเครือเล็กน้อยเมื่อตอนนี้ไม่อาจกักเก็บความเจ็บปวดไว้ได้อีกต่อไป
“คนดีของนม” นางบีบนวดมือใหญ่ให้กำลังใจพร้อมยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาให้คุณหนูของตัวเองที่ตนเลี้ยงมาตั้งแต่แบเบาะ
“ผม...ผมทำตามที่คุณแม่ต้องการไม่ได้อีกแล้วครับ ผมแต่งงานกับกี้ก็ผิดบาปต่อนวลและลูกมากแล้ว ผมไม่ต้องการเป็นแบบนี้อีกแล้วครับ”
“แล้วทำไมถึงยอมแต่งงานตามคุณสองต้องการล่ะคะคุณภู” นางถามถึงเหตุผล แม้จะรู้ดีอยู่แล้วว่าคำตอบมันเป็นยังไง แต่ก็ยังอยากถาม
“เพราะผมอยากให้คุณแม่รักและชื่นชมในตัวผมครับ”
“โธ่! คุณของนม” ไม่รู้นางจะพูดอะไรตอบกลับ เพราะนางรู้ดีว่าเบื้องลึกเบื้องหลังความเกลียดชังของคุณท่านนั้นมันคืออะไร และรู้ดีว่าทำไมภูเบศถึงทำแบบนี้ เพราะอยากเป็นที่รักที่เอ็นดูของคุณแม่ นางรู้ดีว่าภูเบศโหยหาความรักและอ้อมกอดอบอุ่นของคุณท่านมาตลอด แต่สิ่งที่ได้มีแต่คำด่าทอสารพัดและสายตาที่เกลียดชังอย่างเปิดเผย
“ผมไม่อยากทิ้งนวล ชีวิตผมมีนวลเป็นที่พักพิง เป็นศูนย์รวมความรัก ความอบอุ่น แต่มาวันนี้ผมทำให้เธอเจ็บปวดเสียใจ และตอนนี้เธอก็อยู่โรงพยาบาลครับ” เขาบอกแม่นมที่เลี้ยงเขามาแต่เด็ก
“นมก็อยากให้คุณภูใช้ชีวิตตามที่คุณภูต้องการ อย่าสนใจความต้องการของคุณท่านเลยค่ะ และเรื่องแต่งงานกับคุณกี้ก็ยากไปอีก เพราะงานแต่งงานของคุณภูกับคุณกี้จัดขึ้นใหญ่โต ทุกคนในสังคมรับรู้ถึงแม้จะยังไม่จดทะเบียนสมรสกัน แต่ทุกคนก็รับรู้ว่าตอนนี้เธอคือภรรยาของคุณภู ต่างจากคุณนวลที่คุณภูแต่งงานกับเธอลับๆ แต่ก็จดทะเบียนสมรสกัน เพราะทั้งสองรักกัน” นมนิ่มเอ่ยตามที่ตัวเองคิด เพราะยากอยู่หากจะทิ้งทางใดทางหนึ่งในตอนนี้ เพราะทั้งสองต่างก็น่าสงสาร และคนกลางอย่างภูเบศก็น่าเป็นห่วงที่สุด
“คุณแม่ต้องการให้ผมหย่ากับนวล ซึ่งคุณแม่ก็รู้ว่าผมหย่ากับนวลไม่ได้แน่นอน ผมรักนวลกับลูกมากแค่ไหนท่านก็รู้ ถ้าจะให้ผมต้องอยู่กับน้องกี้และจดทะเบียนสมรสกับเธอ ผมก็ทำไม่ได้ ผมหลอกเธอไม่ได้อีกแล้ว แค่แต่งงานก็มากพอแล้ว ผมไม่อาจทำตามความต้องการของท่านได้อีกแล้ว” เขาบอกอย่างกังวล