งานแต่งงานดำเนินไปอย่างเรียบๆ จนเสร็จพิธี จนตอนนี้คู่บ่าวสาวถูกส่งตัวเข้าห้องหอ เจ้าสาวรู้สึกประหม่าอายเมื่อต้องอยู่กับเจ้าบ่าวในห้องหอที่จองไว้กับทางโรงแรมสองต่อสอง ส่วนภูเบศได้แต่นั่งนิ่งขรึมไม่พูดไม่จาอะไร เพราะตอนนี้ในหัวมีความคิดมากมายเต็มไปหมด เป็นห่วงนวลพรรณกับลูกน้อยในท้อง ไม่รู้ว่าวิ่งออกไปแบบนั้นจะหกล้มหรือเปล่า ไม่รู้ว่าตอนนี้ถึงบ้านรึยัง เมื่อคิดได้ดังนั้นจึงนำโทรศัพท์ปิดเครื่องไว้ตั้งแต่เช้าในกระเป๋าเสื้อสูทออกมาเปิดเครื่องแล้วกดต่อสายหาภรรยาตัวเองทันที โดยหาได้สนใจเจ้าสาวคนงามของตัวเองที่เพิ่งแต่งงานกันไม่
เพณิตามองดูเจ้าบ่าวที่ลุกขึ้นเดินไปยังระเบียงห้องแล้วโทรศัพท์ด้วยความสงสัย อยากรู้อยากถามแต่ไม่กล้าถาม เพราะเธอและเจ้าบ่าวเพิ่งรู้จักกันเมื่อสองอาทิตย์ก่อนจะแต่งงาน จะว่าไปเธอและภูเบศไม่ได้สนิทกันแม้แต่น้อย แต่เรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นเพราะผู้ใหญ่จัดการทั้งหมด เธอเพียงแค่ใส่ชุดเจ้าสาวเข้าพิธีและเขาเองก็ใส่ชุดเจ้าบ่าวเข้าพิธีกับเธอเท่านั้น และยอมรับว่าการแต่งงานในครั้งนี้เกิดขึ้นเพราะผู้ใหญ่ แต่จะไม่เกิดขึ้นถ้าเธอไม่ตกหลุมรักว่าที่เจ้าบ่าวตัวเองตั้งแต่แรกที่เจอกัน และนั่นทำให้หล่อนตัดสินใจแต่งงานทั้งๆ ที่เพิ่งจะเรียนจบมาจากฝรั่งเศสได้ไม่ถึงเดือน ปีนี้หล่อนอายุ 23 ปี งานก็ยังไม่ได้ทำ แต่ว่าต้องมาแต่งงานเป็นแม่บ้านเสียก่อน
ภูเบศเดินกลับเข้ามาในห้องด้วยอารมณ์ที่ขุ่นมัวแล้วถอดเสื้อสูทของตัวเองออกโยนทิ้งไปยังเตียง ไม่สนใจว่าเจ้าสาวตัวเองจะตกใจหรือรู้สึกยังไงในตอนนี้ เขาสนใจแต่โทรศัพท์ที่กำลังต่อสายหาภรรยาของเขาเท่านั้น สำหรับภูเบศแล้ว นวลพรรณคือภรรยาคนเดียวที่เขาต้องการจะใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ด้วย และเธอคือคนเดียวที่จะอุ้มท้องลูกของเขา เมื่อพยายามติดต่อหานวลพรรณเท่าไหร่ก็ไม่ได้รับการตอบกลับจึงติดต่อหาเพื่อนหาญาติเธอทุกคนก็ไร้การตอบรับเขา จะว่าไปตอนนี้มันดึกแล้ว สี่ทุ่มกว่าแล้ว พ่อกับแม่เธอคงนอนหลับไปแล้ว เพื่อนหรือญาติเธอก็เช่นกัน
“โธ่เว้ย!”
เขาโยนโทรศัพท์ในมือไปยังเตียงพร้อมกับตะโกนออกมาด้วยความหงุดหงิด เล่นเอาเจ้าสาวที่นั่งนิ่งสะดุ้งหวาดกลัวทันที และนั่นแหละเขาถึงเห็นว่าเพณิตามีตัวตนอยู่ในห้อง
“พี่ขอโทษ” เขารีบขอโทษเธอทันทีเมื่อเห็นสีหน้าตกใจแล้วพูดต่อ...
“ไปอาบน้ำนอนเถอะ พี่จะไปข้างนอก” เขาบอกเธอ
“พี่ภูจะไปไหนคะ วันนี้วันเข้าหอของเรานะคะ โบราณว่า...”
“ช่างหัวโบราณมันสิ!”
เขารีบสวนกลับทันทีโดยไม่รอให้เจ้าหล่อนได้พูดจบ และนั่นก็ยิ่งทำให้เพณิตาหวาดกลัวเจ้าบ่าว ไม่สิ ตอนนี้เป็นสามีแล้วแม้จะยังไม่จดทะเบียนสมรสกันตามกฎหมาย
“แต่ว่าเราเพิ่งแต่งงานกันนะคะพี่ภู พี่ภูไปพรุ่งนี้ไม่ได้เหรอคะ เราเข้าหอด้วยกันก่อนคืนนี้” เธอลุกขึ้นยืนเกาะแขนแข็งแรงของคนที่ทำท่าจะเดินหนีออกจากห้องรั้งไว้
มือใหญ่ของภูเบศยกมาแกะมือเล็กที่เกาะแขนตัวเองออกพร้อมกับยกยิ้มมุมปากส่งให้เธอแล้วพูดตอบกลับ...
“ไม่ได้! เรื่องนี้มันสำคัญกับพี่ เพราะคนที่พี่จะไปหาเขาสำคัญกับการมีชีวิตอยู่ของพี่ ส่วนกี้ก็นอนพักผ่อนเถอะ” เขาบอกเสียงนุ่มในตอนท้ายประโยค
“ไม่นะคะ ยังไงกี้ก็ไม่ให้พี่ภูไป วันนี้วันแต่งงานของเรา พี่ภูจะไปไหนไม่ได้” เธอเปลี่ยนจากเกาะแขนเป็นสวมกอดเขาจากทางด้านหลังรั้งไว้
“พี่จะไป เพราะเธอสำคัญกับพี่มากกว่าใคร”
มือใหญ่แกะมือที่กอดรัดอยู่หน้าท้องแข็งแรงตัวเองออกแล้วเดินลงส้นเท้าหนักๆ จากไปทันที ทิ้งเจ้าสาวที่วาดฝันในคืนเข้าหอไว้ซะแสนหวานนั่งคุกเข่าทั้งน้ำตาเมื่อเจ้าบ่าวของตนทิ้งตัวเองไปในคืนเข้าหอ
ฮือๆๆๆ
นวลพรรณนั่งมองรูปแต่งงานตัวเองและสามีที่แขวนติดไว้ในห้องนั่งเล่น ตั้งแต่กลับมาถึงบ้าน เธอก็เอาแต่นั่งร้องไห้และคิดทบทวนเรื่องราวระหว่างตัวเองกับสามีที่แต่งงานอยู่กินด้วยกันมาหนึ่งปีกว่า แต่มาวันนี้สามีที่เธอรู้จักกลับเป็นคนที่เธอไม่รู้จัก เธอรู้เพียงแค่เขาเป็นพนักงานของบริษัทขนส่งลำไยอบแห้งแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ เท่านั้น เธอรู้แค่นี้ เพราะไม่ได้สนใจเรื่องฐานะทางการเงิน และวันแต่งงานเขาก็บอกว่าญาติผู้ใหญ่ของเขาได้ตายไปหมดแล้ว จะมีแต่ป้านิ่ม พี่สาวของแม่เท่านั้นที่เขาเคารพและท่านก็เป็นผู้ใหญ่คนเดียวที่เขาเหลืออยู่ แต่งานแต่งงานที่เธอไปวันนี้เป็นงานแต่งงานของทายาทบริษัทส่งออกลำไยอบแห้งรายใหญ่ของประเทศ และแถมยังมีสวนลำไยและสวนผลไม้อื่นๆ อีกที่จันทบุรี ถ้าบอกว่าเป็นทายาท แสดงว่าเขาไม่ใช่คนธรรมดาแบบที่เธอเข้าใจมาตลอดสินะ เขาทำแบบนี้ได้ยังไง เขาสร้างโลกอีกใบเพื่อมาหลอกเธองั้นเหรอ
ฮือๆๆ
“คนสารเลว! มาหลอกให้รัก มาหลอกให้แต่งงานด้วยทำไม...ฮือๆ” เธอได้แต่กอดหมอนอิงและทุบตีแรงๆ ด้วยความเสียใจเมื่อนึกถึงหน้าของสามี ไม่แล้ว เขาไม่ใช่สามีของเธออีกต่อไปแล้วในตอนนี้
“ถึงว่านามสกุล ‘หงส์เสน่ห์’ เหมือนเคยได้ยินที่ไหน ที่แท้คุณเป็นทายาทของคนรวยพวกนั้น...ฮือๆ” ย้อนนึกไปถึงเมื่อครั้งที่เห็นนามสกุลของสามีและเขาบอกว่าแค่นามสกุลพ่อไม่ได้สำคัญอะไร ความรักมันทำให้เธอเชื่อคำหลอกลวงเขาได้ง่ายดาย ความรักทำให้หลงมัวเมาไปกับความจริงที่ซ่อนอยู่
“ความรักจอมปลอม! อึก!” เธอปาหมอนอิงทิ้งกับพื้นแล้วยกมือขึ้นปาดเช็ดน้ำตาแล้วลุกขึ้นเดินไปยังตู้โชว์ที่วางรูปแต่งงานของตัวเองและภูเบศพร้อมกับรูปที่ไปเที่ยวด้วยกันต่างๆ มาโยนทิ้งกับพื้น
เพล้ง!
เพล้ง!
เพล้ง!
เสียงกรอบรูปที่ตกกระแทกพื้นแตกกระจายดังต่อเนื่องเมื่อเธอเดินไล่เก็บโยนทิ้งจนมาถึงรูปใหญ่ที่แขวนอยู่บนผนัง กำลังจะยกลงมาโยนทิ้งก็ต้องกุมขมับตัวเองเสียก่อนเมื่อรู้สึกหน้ามืดตาลาย มือเล็กจับตู้โชว์ไว้ทันทีเมื่อจะล้มลง และรู้ตัวว่าตัวเองยืนไม่ไหวก็ทรุดตัวนั่งลงกับพื้นพรมแล้วทุกอย่างก็ดับวูบไปพร้อมกับเธอล้มตัวนอนลงกับพื้น