บทที่ 4 คนโปรดของฝ่าบาท

1696 Words
เมื่อตรวจดูความเรียบร้อยจนพอใจ กูกูก็ให้นางดื่มน้ำชนิดหนึ่งที่มีรสหวานอร่อยยิ่ง ก่อนจะเอ่ยว่า “น้ำวิเศษนี้จะทำให้ฮองเฮาผ่านคืนนี้ไปได้ด้วยความสุขเพคะ” “กูกูพอจะบอกข้าได้หรือไม่ว่าคือน้ำอันใดกัน ทำไมดื่มแล้วข้าจะมีความสุขเล่า” กูกูผู้นั้นยิ้มแล้วเอ่ยว่า “แคว้นเหมิงของพวกเราเรียกสิ่งนี้ว่า สวรรค์เมามาย ส่วนดื่มแล้วเป็นเช่นไรไม่นานพระองค์ก็จะรู้ด้วยตัวเอง คำสอนของแดนสู่ก็คือต้องเชื่อฟังสามีมิใช่หรือ อย่างไรราตรีนี้ไม่ว่าฝ่าบาทจะตรัสสิ่งใดก็ขอให้ฮองเฮาทำตามด้วยความเต็มใจนะเพคะ” ถึงกูกูไม่เอ่ยเรื่องนี้นางก็ต้องทำตามรับสั่งอยู่แล้ว ในเมื่อแต่งเป็นภรรยาของเขาแล้ว ต่อให้เขาสั่งให้ขึ้นสวรรค์ลงนรกนางก็ต้องทำตาม “ข้าเข้าใจแล้ว” รถม้าของโฮรสสวรรค์โจวจูหลงบัดนี้กำลังเคลื่อนผ่านอุทยานหลวงเพื่อไปยังตำหนักชิงกงที่มีฮองเฮาคนใหม่อยู่ที่นั่น การสนทนาในรถม้าดังขึ้นแผ่วเบากระทั่งไม่มีผู้ใดสามารถจับใจความเรื่องที่คนสองคนสนทนากันได้ ฝ่าบาทแคว้นเหมิงรูปร่างสูงสง่าใบหน้าหล่อเหลางดงามประดุจเทพเซียน บัดนี้กำลังนั่งอยู่กับบุรุษที่สวมหน้ากากผู้หนึ่ง หากจะว่าไปท่าทางของบุรุษผู้นี้ก็ช่างองอาจสูงส่งด้วยกลิ่นอายเกินเอื้อมไม่ต่างจากฝ่าบาทเลยแม้แต่น้อย เขาคือญาติผู้น้องของฝ่าบาทนามเสียนอ๋องหรืออีกตำแหน่งหนึ่งก็คือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์นั่นเอง เดิมทีผู้สำเร็จราชการผู้นี้เป็นบุรุษที่หล่อเหลาหาตัวจับยาก ทว่าหลายปีก่อนหน้ากลับเกิดเรื่องไม่คาดฝันในยามนั้นจวนของเขาเกิดไฟไหม้ขึ้นมา ในวันนั้นเขาเพิ่งกลับจากงานเลี้ยงจึงเมาสุรากว่าจะหลบหนีออกจากจวนได้ก็พบว่าใบหน้านี้เป็นแผลแล้ว การรักษาใช้เวลาเกือบหนึ่งปีท่านผู้สำเร็จราชการจึงกลับมาใช้ชีวิตภายใต้หน้ากากนี้ได้เหมือนคนปกติ “ท่านพี่หญิงสกุลอันผู้นั้นท่านคิดจะร่วมหอกับนางจริง ๆ หรือ” ฝ่าบาทกลับยกยิ้มแล้วเอ่ยกับอี้หลงว่า “ก็เพียงแต่ไปตามมารยาท มิได้คิดจะแตะต้องตัวนางแม้แต่น้อย อี้หลงเจ้าเห็นด้วยหรือไม่” “ขอรับ ข้าเห็นด้วยการที่แดนสู่คิดผูกไมตรีโดยจู่ ๆ ก็ยึดอ้างคำสัตย์ของเสด็จปู่นั้นข้าเห็นว่ามีเบื้องหลัง ดูเหมือนว่าพวกเขาต้องการแผ่นดินที่อยู่ติดกับแดนสู่” “เมืองกู้หรือ แดนแห่งนั้นคือแดนแห่งแร่เหล็กใช่ว่าจะยกให้ผู้ใดได้ง่าย แดนสู่กำลังสมคบคิดกับแคว้นฮุ่ยเพื่อก่อศึกสงคราม ว่ากันว่ามารดาของหญิงสกุลอันก็เป็นพระธิดาของท่านอ๋องแคว้นฮุ่ยมิใช่หรือ” อี้หลงที่อยู่ในหน้ากากสีดำสนิทพยักหน้า “ข้าสืบได้ความเช่นนั้นขอรับ” ฝ่าบาทยกมุมปากขบขัน “สตรีเพียงผู้เดียวที่ส่งมาคิดว่าจะสามารถแลกกับดินแดนทองคำของแคว้นเหมิงได้หรือ ช่างอ่อนหัดสิ้นดี บิดาของนางที่คิดหาผลประโยชน์จากสัญญานี้ข้ารังเกียจที่สุด รวมทั้งหญิงสกุลอันธิดาของเขาด้วยเช่นกัน” เพียงแค่คิดเรื่องนี้ฝ่าบาทโจวจูหลงก็รู้สึกสะอิดสะเอียนฮองเฮาผู้นี้เสียแล้ว สิ่งที่เขาเกลียดที่สุดย่อมก็คือคนที่พยายามโหยหาอำนาจในแดนของผู้อื่น อี้หลงเอ่ยว่า “ก่อนเสด็จแม่สวรรคตเป็นอ๋องแดนสู่ที่ส่งจดหมายมาทวงคำสัญญา ทำให้เสด็จแม่กล่าวถึงเรื่องนี้และบังคับให้รับนางมาเป็นฮองเฮา ช่างเจ้าเล่ห์ยิ่งนัก” ฝ่าบาทมีสีหน้าบึ้งตึงยิ่ง “ช่างเถิดข้าไม่อยากเอ่ยถึงนางอีกแล้ว อี้หลงเรื่องตามหาสตรีนางนั้นเป็นเช่นไร” “ท่านพี่ข้าสั่งให้หัวหน้าขันทีค้นทั้งตำหนักนางกำนัลแล้วก็ไม่พบขอรับหลังจากนี้คงต้องอาศัยท่านออกหน้าแล้ว” “อืม ข้าจะช่วยเจ้าจนสุดความสามารถ” อี้หลงต้องการตามหาสตรีนางหนึ่งที่เขาบังเอิญพบนางอยู่ที่น้ำตกท้ายวัง อี้หลงตกหลุมรักนางอย่างถอนตัวไม่ขึ้นเฝ้าตามหานางมาตลอดหลายเดือนกระทั่งป่านนี้ยังไม่อาจเจอตัว กระทั่งเขาคิดว่านางอาจจะเป็นเพียงภาพลวงตาไปแล้ว เกิดเรื่องประหลาดขึ้นเมื่อฮ่องเต้ต้าหลงฝันประหลาด เขาฝันว่าพบหงส์ตัวหนึ่งกำลังควบขี่มังกรสองตัวเหินบินไปมาบนท้องฟ้า ที่ประหลาดยิ่งกว่านั้น ท้องฟ้านั้นประเดี๋ยวสดใส ประเดี๋ยวเต็มไปด้วยเมฆลมฝนทั้งยังมีฟ้าผ่าและฟ้าร้องดังกึกก้องคำรามน่ากลัวยิ่งนัก ความฝันนี้เกิดขึ้นต่อเนื่องมาครึ่งเดือนแล้ว เขาจึงได้เรียกโหรหลวงมาทำนายโดยไม่บอกกล่าวผู้ใด โหรหลวงผู้นี้เป็นโหรหลวงที่เพิ่งแต่งตั้งได้ไม่นาน เพราะโหรหลวงคนก่อนหลังจากมอบคำทำนายว่าเขาไม่สามารถแต่งกับอันซูเซี่ยได้ ไม่นานก็ล้มป่วยจนเสียชีวิต ผลคำทำนายก็คือ เขาต้องรีบอภิเษกกับอันซูเซี่ยให้เร็วที่สุด แล้วเขาจะได้พบนางในดวงใจอีกทั้งจะทำให้แคว้นเหวินแผ่อำนาจที่ยิ่งใหญ่ได้โดยที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน แต่หากชักช้าจะทำให้เกิดภัยพิบัติใหญ่หลวงแก่แคว้นเหวิน คำทำนายนี้ขัดแย้งจากคำทำนายที่โหรหลวงคนก่อนทำนายเอาไว้อย่างสิ้นเชิง ทว่าเขาก็ไม่อาจทวงถามโหรคนเดิมได้แล้วว่าทำนายผิดพลาดหรือไม่ เพราะคนได้ตายจากไปแล้ว “ฝ่าบาท ดวงของบ้านเมืองยามนี้ผูกอยู่กับองค์หญิงน้อยแห่งแดนสวรรค์นะพ่ะย่ะค่ะ และที่สำคัญดูเหมือนว่าฝ่าบาทจะตามหาสตรีนางหนึ่งอยู่ หากฝ่าบาทเข้าพิธีอภิเษกกับฮองเฮา หลังจากนั้นตามพื้นดวงแล้วพระองค์จะได้พบกับสตรีผู้นั้นเองพ่ะย่ะค่ะ” ยามนั้นอี้หลงในฐานะเสียนอ๋องก็อยู่ในห้องกับฮ่องเต้ต้าหลง บุรุษสองคนต่างมองหน้ากัน เรื่องตามหาคนนี้มีเพียงฝ่าบาทและอี้หลงเท่านั้นที่รู้ ทว่าโหรหลวงกลับสามารถทำนายได้แม่นยำนักจึงทำให้พวกเขาตกตะลึงพรึงเพริดได้ไม่น้อย “ฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ ไม่อาจรอช้าได้แล้ว เร็วที่สุดคือในอีกสามวันข้างหน้านี้แล้วพ่ะย่ะค่ะ” โหรหลวงถวายบังคมลาจากไปแล้ว บุรุษสองคนต่างนั่งเคียงข้างปรึกษากันถึงเรื่องที่เกิดขึ้น “อี้หลง น้องพี่เจ้าเห็นควรเช่นไร” และนี่คือความลับของพวกเขา ความจริงแล้วอี้หลงผู้นี้มิใช่ลูกพี่ลูกน้องของฮ่องเต้ต้าหลงแต่อย่างใด แต่อี้หลงคือฝาแฝดที่มีใบหน้าเหมือนเขาไม่ผิดเพี้ยนที่รอดชีวิตจากการถูกเสด็จพ่อของเขาสังหาร เพราะเชื่อว่าแฝดน้องจะนำหายนะมาสู่ราชวงศ์ เสด็จแม่ของเขาแอบซ่อนน้องชายเอาไว้มีเพียงเขาเท่านั้นที่รู้ จวบจนเติบใหญ่เสด็จพ่อสิ้นชีวิตพวกเขาต่างสลับกันออกว่าราชการครองตำแหน่งโอรสสวรรค์ด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นหญิงงามหรือแผ่นดินพวกเขาล้วนผลัดกันครอบครองโดยที่ไม่มีผู้ใดล่วงรู้นอกจากเสด็จแม่ของพวกเขาและจูกงกงซึ่งเป็นคนสนิทที่ถวายรับใช้พวกเขามาตั้งแต่เด็ก กงกงที่มีตำแหน่งกงกงสูงสุดในวังหลวง จูกงกง ผู้ที่คอยเก็บกวาดทุกเรื่องให้กับฝ่าบาทได้โดยไม่มีสิ่งใดขาดตกบกพร่อง จากนั้นก็เกิดเรื่องกับเสียนอ๋องจนเกิดเสียชีวิต โอกาสนั้นเองที่อี้หลงคิดเรื่องปลอมกายเป็นเสียนอ๋องและสลับกันใช้ชีวิตกับต้าหลงผ่านหน้ากากดำมาจนกระทั่งบัดนี้ จู่ ๆ รถม้าก็หยุดลงโดยที่ยังไปไม่ถึงตำหนักชุ่ยกุงซึ่งอยู่เบื้องหน้า กงกงรีบรายงาน “ฝ่าบาทคนที่มาขวางทางรถม้าคือคนจากตำหนักหวายกงพ่ะย่ะค่ะ” ตำหนักหวายกงคือตำหนักของพระสนมอ้ายเฟยที่มีนามว่าซูเมิ่ง หรือพระสนมซูที่ฝ่าบาทโปรดปรานนั่นเอง สองพี่น้องต่างมองหน้ากัน ซูเมิ่งเป็นบุตรสาวของอัครมหาเสนาบดีและเป็นสตรีที่คนทั้งสองโปรดปรานที่สุด แน่นอนว่าพวกเขาล้วนผลัดกันหลับนอนกับนางมาแล้ว การที่คนของตำหนักหวายกงกล้าขวางทางขบวนเสด็จก็ย่อมเท่ากับกำลังประกาศก้องให้คนทั่ววังหลวงได้รู้ว่านางมีอำนาจเหนือกว่าฮองเฮาตราตั้งผู้นั้น จูกงกงเข้ามาถวายรายงาน “ฝ่าบาทบ่าวสอบถามนางกำนัลแล้วพ่ะย่ะค่ะ พระสนมซูมีอาการปวดศีรษะทั้งยังประชวรหนัก ทรงเพ้อเรียกหาฝ่าบาทตลอดจนนางกำนัลกลัวว่าพระนางจะเกิดอันตรายจึงได้รุดหน้ายอมตายมาขวางขบวนพ่ะย่ะค่ะ” อย่างไรฝ่าบาทก็ต้องไว้หน้าสนมคนโปรด อีกทั้งยังไม่เห็นความสำคัญของสตรีสกุลอันที่มาจากแดนสู่พระองค์จึงตรัสว่า “เช่นนั้นเราจะไปดูอ้ายเฟยของเราเสียก่อน เรื่องนี้อย่าให้ผู้ใดล่วงรู้ เราจะส่งเสียนอ๋องไปแจ้งข่าวแก่ตำหนักชุ่ยกงด้วยตนเอง” แม้ใจอยากจะละทิ้งฮองเฮาคนนั้นไปทันใด แต่คำสั่งของเสด็จแม่ที่เขารับปากเอาไว้อย่างไรก็ต้องทำตาม ไม่รู้ว่าเสด็จแม่ชื่นชมอันใดกับคนแดนสู่หนักหนา จึงทรงได้กำชับกระทั่งกลายเป็นข้อผูกมัดของเขาเพียงนี้ “โชคดีที่เรามีกันสองคน เช่นนั้นน้องพี่เจ้าจงไปดูหน้าฮองเฮาจากแดนสู่เถิด อย่าชักช้าเล่าข้าจะเล้าโลมสนมซูให้พร้อมให้เจ้ารับไม้ต่อเอง” ฝ่าบาทย่อมรู้ทันว่าเรื่องนี้คืออุบายของซูเมิ่ง แต่แล้วอย่างไรล้วนเป็นเขาที่ยินดีไปติดกับนางด้วยตนเอง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD