เมื่อตรวจดูความเรียบร้อยจนพอใจ กูกูก็ให้นางดื่มน้ำชนิดหนึ่งที่มีรสหวานอร่อยยิ่ง ก่อนจะเอ่ยว่า
“น้ำวิเศษนี้จะทำให้ฮองเฮาผ่านคืนนี้ไปได้ด้วยความสุขเพคะ”
“กูกูพอจะบอกข้าได้หรือไม่ว่าคือน้ำอันใดกัน ทำไมดื่มแล้วข้าจะมีความสุขเล่า”
กูกูผู้นั้นยิ้มแล้วเอ่ยว่า
“แคว้นเหมิงของพวกเราเรียกสิ่งนี้ว่า สวรรค์เมามาย ส่วนดื่มแล้วเป็นเช่นไรไม่นานพระองค์ก็จะรู้ด้วยตัวเอง คำสอนของแดนสู่ก็คือต้องเชื่อฟังสามีมิใช่หรือ อย่างไรราตรีนี้ไม่ว่าฝ่าบาทจะตรัสสิ่งใดก็ขอให้ฮองเฮาทำตามด้วยความเต็มใจนะเพคะ”
ถึงกูกูไม่เอ่ยเรื่องนี้นางก็ต้องทำตามรับสั่งอยู่แล้ว ในเมื่อแต่งเป็นภรรยาของเขาแล้ว ต่อให้เขาสั่งให้ขึ้นสวรรค์ลงนรกนางก็ต้องทำตาม
“ข้าเข้าใจแล้ว”
รถม้าของโฮรสสวรรค์โจวจูหลงบัดนี้กำลังเคลื่อนผ่านอุทยานหลวงเพื่อไปยังตำหนักชิงกงที่มีฮองเฮาคนใหม่อยู่ที่นั่น
การสนทนาในรถม้าดังขึ้นแผ่วเบากระทั่งไม่มีผู้ใดสามารถจับใจความเรื่องที่คนสองคนสนทนากันได้
ฝ่าบาทแคว้นเหมิงรูปร่างสูงสง่าใบหน้าหล่อเหลางดงามประดุจเทพเซียน บัดนี้กำลังนั่งอยู่กับบุรุษที่สวมหน้ากากผู้หนึ่ง
หากจะว่าไปท่าทางของบุรุษผู้นี้ก็ช่างองอาจสูงส่งด้วยกลิ่นอายเกินเอื้อมไม่ต่างจากฝ่าบาทเลยแม้แต่น้อย
เขาคือญาติผู้น้องของฝ่าบาทนามเสียนอ๋องหรืออีกตำแหน่งหนึ่งก็คือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์นั่นเอง
เดิมทีผู้สำเร็จราชการผู้นี้เป็นบุรุษที่หล่อเหลาหาตัวจับยาก ทว่าหลายปีก่อนหน้ากลับเกิดเรื่องไม่คาดฝันในยามนั้นจวนของเขาเกิดไฟไหม้ขึ้นมา ในวันนั้นเขาเพิ่งกลับจากงานเลี้ยงจึงเมาสุรากว่าจะหลบหนีออกจากจวนได้ก็พบว่าใบหน้านี้เป็นแผลแล้ว
การรักษาใช้เวลาเกือบหนึ่งปีท่านผู้สำเร็จราชการจึงกลับมาใช้ชีวิตภายใต้หน้ากากนี้ได้เหมือนคนปกติ
“ท่านพี่หญิงสกุลอันผู้นั้นท่านคิดจะร่วมหอกับนางจริง ๆ หรือ”
ฝ่าบาทกลับยกยิ้มแล้วเอ่ยกับอี้หลงว่า
“ก็เพียงแต่ไปตามมารยาท มิได้คิดจะแตะต้องตัวนางแม้แต่น้อย อี้หลงเจ้าเห็นด้วยหรือไม่”
“ขอรับ ข้าเห็นด้วยการที่แดนสู่คิดผูกไมตรีโดยจู่ ๆ ก็ยึดอ้างคำสัตย์ของเสด็จปู่นั้นข้าเห็นว่ามีเบื้องหลัง ดูเหมือนว่าพวกเขาต้องการแผ่นดินที่อยู่ติดกับแดนสู่”
“เมืองกู้หรือ แดนแห่งนั้นคือแดนแห่งแร่เหล็กใช่ว่าจะยกให้ผู้ใดได้ง่าย แดนสู่กำลังสมคบคิดกับแคว้นฮุ่ยเพื่อก่อศึกสงคราม ว่ากันว่ามารดาของหญิงสกุลอันก็เป็นพระธิดาของท่านอ๋องแคว้นฮุ่ยมิใช่หรือ”
อี้หลงที่อยู่ในหน้ากากสีดำสนิทพยักหน้า
“ข้าสืบได้ความเช่นนั้นขอรับ”
ฝ่าบาทยกมุมปากขบขัน
“สตรีเพียงผู้เดียวที่ส่งมาคิดว่าจะสามารถแลกกับดินแดนทองคำของแคว้นเหมิงได้หรือ ช่างอ่อนหัดสิ้นดี บิดาของนางที่คิดหาผลประโยชน์จากสัญญานี้ข้ารังเกียจที่สุด รวมทั้งหญิงสกุลอันธิดาของเขาด้วยเช่นกัน”
เพียงแค่คิดเรื่องนี้ฝ่าบาทโจวจูหลงก็รู้สึกสะอิดสะเอียนฮองเฮาผู้นี้เสียแล้ว สิ่งที่เขาเกลียดที่สุดย่อมก็คือคนที่พยายามโหยหาอำนาจในแดนของผู้อื่น
อี้หลงเอ่ยว่า
“ก่อนเสด็จแม่สวรรคตเป็นอ๋องแดนสู่ที่ส่งจดหมายมาทวงคำสัญญา ทำให้เสด็จแม่กล่าวถึงเรื่องนี้และบังคับให้รับนางมาเป็นฮองเฮา ช่างเจ้าเล่ห์ยิ่งนัก”
ฝ่าบาทมีสีหน้าบึ้งตึงยิ่ง
“ช่างเถิดข้าไม่อยากเอ่ยถึงนางอีกแล้ว อี้หลงเรื่องตามหาสตรีนางนั้นเป็นเช่นไร”
“ท่านพี่ข้าสั่งให้หัวหน้าขันทีค้นทั้งตำหนักนางกำนัลแล้วก็ไม่พบขอรับหลังจากนี้คงต้องอาศัยท่านออกหน้าแล้ว”
“อืม ข้าจะช่วยเจ้าจนสุดความสามารถ”
อี้หลงต้องการตามหาสตรีนางหนึ่งที่เขาบังเอิญพบนางอยู่ที่น้ำตกท้ายวัง อี้หลงตกหลุมรักนางอย่างถอนตัวไม่ขึ้นเฝ้าตามหานางมาตลอดหลายเดือนกระทั่งป่านนี้ยังไม่อาจเจอตัว
กระทั่งเขาคิดว่านางอาจจะเป็นเพียงภาพลวงตาไปแล้ว
เกิดเรื่องประหลาดขึ้นเมื่อฮ่องเต้ต้าหลงฝันประหลาด เขาฝันว่าพบหงส์ตัวหนึ่งกำลังควบขี่มังกรสองตัวเหินบินไปมาบนท้องฟ้า
ที่ประหลาดยิ่งกว่านั้น ท้องฟ้านั้นประเดี๋ยวสดใส ประเดี๋ยวเต็มไปด้วยเมฆลมฝนทั้งยังมีฟ้าผ่าและฟ้าร้องดังกึกก้องคำรามน่ากลัวยิ่งนัก
ความฝันนี้เกิดขึ้นต่อเนื่องมาครึ่งเดือนแล้ว เขาจึงได้เรียกโหรหลวงมาทำนายโดยไม่บอกกล่าวผู้ใด
โหรหลวงผู้นี้เป็นโหรหลวงที่เพิ่งแต่งตั้งได้ไม่นาน เพราะโหรหลวงคนก่อนหลังจากมอบคำทำนายว่าเขาไม่สามารถแต่งกับอันซูเซี่ยได้ ไม่นานก็ล้มป่วยจนเสียชีวิต
ผลคำทำนายก็คือ เขาต้องรีบอภิเษกกับอันซูเซี่ยให้เร็วที่สุด แล้วเขาจะได้พบนางในดวงใจอีกทั้งจะทำให้แคว้นเหวินแผ่อำนาจที่ยิ่งใหญ่ได้โดยที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
แต่หากชักช้าจะทำให้เกิดภัยพิบัติใหญ่หลวงแก่แคว้นเหวิน
คำทำนายนี้ขัดแย้งจากคำทำนายที่โหรหลวงคนก่อนทำนายเอาไว้อย่างสิ้นเชิง
ทว่าเขาก็ไม่อาจทวงถามโหรคนเดิมได้แล้วว่าทำนายผิดพลาดหรือไม่ เพราะคนได้ตายจากไปแล้ว
“ฝ่าบาท ดวงของบ้านเมืองยามนี้ผูกอยู่กับองค์หญิงน้อยแห่งแดนสวรรค์นะพ่ะย่ะค่ะ และที่สำคัญดูเหมือนว่าฝ่าบาทจะตามหาสตรีนางหนึ่งอยู่ หากฝ่าบาทเข้าพิธีอภิเษกกับฮองเฮา หลังจากนั้นตามพื้นดวงแล้วพระองค์จะได้พบกับสตรีผู้นั้นเองพ่ะย่ะค่ะ”
ยามนั้นอี้หลงในฐานะเสียนอ๋องก็อยู่ในห้องกับฮ่องเต้ต้าหลง บุรุษสองคนต่างมองหน้ากัน เรื่องตามหาคนนี้มีเพียงฝ่าบาทและอี้หลงเท่านั้นที่รู้
ทว่าโหรหลวงกลับสามารถทำนายได้แม่นยำนักจึงทำให้พวกเขาตกตะลึงพรึงเพริดได้ไม่น้อย
“ฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ ไม่อาจรอช้าได้แล้ว เร็วที่สุดคือในอีกสามวันข้างหน้านี้แล้วพ่ะย่ะค่ะ”
โหรหลวงถวายบังคมลาจากไปแล้ว บุรุษสองคนต่างนั่งเคียงข้างปรึกษากันถึงเรื่องที่เกิดขึ้น
“อี้หลง น้องพี่เจ้าเห็นควรเช่นไร”
และนี่คือความลับของพวกเขา ความจริงแล้วอี้หลงผู้นี้มิใช่ลูกพี่ลูกน้องของฮ่องเต้ต้าหลงแต่อย่างใด แต่อี้หลงคือฝาแฝดที่มีใบหน้าเหมือนเขาไม่ผิดเพี้ยนที่รอดชีวิตจากการถูกเสด็จพ่อของเขาสังหาร เพราะเชื่อว่าแฝดน้องจะนำหายนะมาสู่ราชวงศ์
เสด็จแม่ของเขาแอบซ่อนน้องชายเอาไว้มีเพียงเขาเท่านั้นที่รู้ จวบจนเติบใหญ่เสด็จพ่อสิ้นชีวิตพวกเขาต่างสลับกันออกว่าราชการครองตำแหน่งโอรสสวรรค์ด้วยกัน
ไม่ว่าจะเป็นหญิงงามหรือแผ่นดินพวกเขาล้วนผลัดกันครอบครองโดยที่ไม่มีผู้ใดล่วงรู้นอกจากเสด็จแม่ของพวกเขาและจูกงกงซึ่งเป็นคนสนิทที่ถวายรับใช้พวกเขามาตั้งแต่เด็ก
กงกงที่มีตำแหน่งกงกงสูงสุดในวังหลวง จูกงกง ผู้ที่คอยเก็บกวาดทุกเรื่องให้กับฝ่าบาทได้โดยไม่มีสิ่งใดขาดตกบกพร่อง
จากนั้นก็เกิดเรื่องกับเสียนอ๋องจนเกิดเสียชีวิต โอกาสนั้นเองที่อี้หลงคิดเรื่องปลอมกายเป็นเสียนอ๋องและสลับกันใช้ชีวิตกับต้าหลงผ่านหน้ากากดำมาจนกระทั่งบัดนี้
จู่ ๆ รถม้าก็หยุดลงโดยที่ยังไปไม่ถึงตำหนักชุ่ยกุงซึ่งอยู่เบื้องหน้า กงกงรีบรายงาน
“ฝ่าบาทคนที่มาขวางทางรถม้าคือคนจากตำหนักหวายกงพ่ะย่ะค่ะ”
ตำหนักหวายกงคือตำหนักของพระสนมอ้ายเฟยที่มีนามว่าซูเมิ่ง หรือพระสนมซูที่ฝ่าบาทโปรดปรานนั่นเอง
สองพี่น้องต่างมองหน้ากัน ซูเมิ่งเป็นบุตรสาวของอัครมหาเสนาบดีและเป็นสตรีที่คนทั้งสองโปรดปรานที่สุด
แน่นอนว่าพวกเขาล้วนผลัดกันหลับนอนกับนางมาแล้ว
การที่คนของตำหนักหวายกงกล้าขวางทางขบวนเสด็จก็ย่อมเท่ากับกำลังประกาศก้องให้คนทั่ววังหลวงได้รู้ว่านางมีอำนาจเหนือกว่าฮองเฮาตราตั้งผู้นั้น
จูกงกงเข้ามาถวายรายงาน
“ฝ่าบาทบ่าวสอบถามนางกำนัลแล้วพ่ะย่ะค่ะ พระสนมซูมีอาการปวดศีรษะทั้งยังประชวรหนัก ทรงเพ้อเรียกหาฝ่าบาทตลอดจนนางกำนัลกลัวว่าพระนางจะเกิดอันตรายจึงได้รุดหน้ายอมตายมาขวางขบวนพ่ะย่ะค่ะ”
อย่างไรฝ่าบาทก็ต้องไว้หน้าสนมคนโปรด อีกทั้งยังไม่เห็นความสำคัญของสตรีสกุลอันที่มาจากแดนสู่พระองค์จึงตรัสว่า
“เช่นนั้นเราจะไปดูอ้ายเฟยของเราเสียก่อน เรื่องนี้อย่าให้ผู้ใดล่วงรู้ เราจะส่งเสียนอ๋องไปแจ้งข่าวแก่ตำหนักชุ่ยกงด้วยตนเอง”
แม้ใจอยากจะละทิ้งฮองเฮาคนนั้นไปทันใด แต่คำสั่งของเสด็จแม่ที่เขารับปากเอาไว้อย่างไรก็ต้องทำตาม
ไม่รู้ว่าเสด็จแม่ชื่นชมอันใดกับคนแดนสู่หนักหนา จึงทรงได้กำชับกระทั่งกลายเป็นข้อผูกมัดของเขาเพียงนี้
“โชคดีที่เรามีกันสองคน เช่นนั้นน้องพี่เจ้าจงไปดูหน้าฮองเฮาจากแดนสู่เถิด อย่าชักช้าเล่าข้าจะเล้าโลมสนมซูให้พร้อมให้เจ้ารับไม้ต่อเอง”
ฝ่าบาทย่อมรู้ทันว่าเรื่องนี้คืออุบายของซูเมิ่ง แต่แล้วอย่างไรล้วนเป็นเขาที่ยินดีไปติดกับนางด้วยตนเอง