บัดนี้อี้หลงมาถึงตำหนักชุ่งกงแล้วจูกงกงสั่งให้ทหารถอยออกไปให้ไกลที่สุดในขณะที่อี้หลงถอดหน้ากากดำทิ้งไว้ในรถม้าแล้วก้าวออกมา
“ฝ่าบาท”
จูกงกงผู้ซึ่งเป็นบ่าวเพียงคนเดียวในวังหลวงที่รู้ความรับนี้ถวายความเคารพแล้วหันไปขานการเสด็จของพระองค์ให้คนในตำหนักชุ่ยกงได้ยินกันถ้วนหน้า
“ฝ่าบาทเสด็จ”
จากนั้นคนของกรมพิธีการจึงออกมาถวายการต้อนรับพร้อมทั้งขานทรงพระเจริญ อี้หลงมิได้บอกให้ผู้ใดลุกขึ้นเขาเพียงแต่เดินผ่านคนเหล่านี้ทั้งหมดไปยังห้องหอภายในตำหนัก
ในหัวใจเพียงแต่จะแวะมาเยาะหยันนางสักสองสามประโยค ว่านางไม่มีทางยั่วยวนจนทำให้เขาตกลงมอบของที่นางต้องการให้กับแดนสู่เป็นแน่
จากนั้นก็จะทิ้งนางเอาไว้เพียงลำพังให้นางได้รู้สึกนึกว่าไม่อาจมาวางอำนาจได้ที่แคว้นเหมิงแห่งนี้
ทว่าเมื่อย่างกรายเข้าไปในห้องฉับพลันเขาได้กลิ่นหอมอ่อนสตรีโชยออกมาจากด้านใน กลิ่นนี้มิใช่กลิ่นธรรมดาแต่ยังเจือปนผสมด้วยกลิ่นของอิสตรีให้ชวนหลงใหล
เขาเข้าใจโดยพลันว่ามียากำหนัดปลุกเร้าผสมอยู่ในนี้ ทว่านี่ก็เป็นประเพณีอีกอย่างในคืนเข้าหอ ถึงเขาจะสูดกลิ่นเข้าไปจนเต็มก็มิได้ทำให้เขาเปลี่ยนใจแตะต้องหญิงสกุลอันโดยเด็ดขาด
นางกำนัลสองคนเปิดประตูห้องหอด้านในให้เขา เพียงเขาก้าวพ้นธรณีประตูทั้งสองบานก็ปิดลงทันใด
เมื่อเดินเข้ามาใกล้เขาพบสตรีในผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวสีแดงนั่งอ้าขาในท่าทางชวนวาบหวิวอยู่บนเตียง
มิหนำซ้ำด้วยแสงไฟจากอันนุ่มนวลจากโคมไฟที่แขวนอยู่รายรอบยิ่งทำให้เขาเห็นรูปร่างของนางได้เต็มสองตา
อา....แค่เพียงเห็นก็รู้สึกเสียวไปถึงท้องน้อยเสียแล้ว
ร่างกายนั้นงดงามประดุจภาพที่เขาเคยเห็น สตรีในน้ำตกที่อี้หลงบังเอิญพบและแอบดูนางอยู่บนต้นไม้ ในยามที่นางสัมผัสตนเองทำให้เขาเผลอไผลและดึงแก่นกายของตนเองออกมาชักรูด
ผู้ใดจะรู้ว่าโอรสสวรรค์เช่นเขาที่มีหญิงงามอยู่รายล้อมต้องมาทำตัวเป็นโจรราคะแอบมองนางกำนัลผู้หนึ่งที่กำลังใช้นิ้วเล่นรักกับร่างกายตนเอง
เขาล้วนเคยเห็นมาทั้งหมด เพราะที่นี่คือวังหลวงที่สตรีมีมากยิ่งกว่ามด หากเขาไม่สนใจพวกนางแล้วสตรีเหล่านั้นล้วนหาทางช่วยตนเอง
บ้างลอบคบกับพระสนมผู้อื่น บ้างลอบคบกับนางกำนัล ขอเพียงไม่เล่นชู้กับบุรุษเขาก็ปล่อย มิหนำซ้ำหลายครายังสั่งให้ทำแท่งหยกมอบให้พวกนางเอาไว้ปรนเปรอกันและกันเพื่อผ่อนคลาย
เขามีกันสองคนกับพี่ชาย เมื่อโปรดผู้ใดก็มักจะไม่วิ่งไปหาสนมอื่น จึงทำให้นางเหล่านั้นค่อนข้างเหงาอยู่บ้าง
ทว่านี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นสตรีที่งดงามเพียงนี้จึงทำให้เขาต้องงัดมังกรของตนเองออกมาแล้วชักรูดอยู่บนต้นไม้
ในยามที่เขาปลดปล่อยก็ลืมตนจึงได้พลาดตกลงมาและเมื่อได้สติร่างงดงามยวนตาก็หายไปเสียแล้ว
เขาตามหาแทบจะพลิกแผ่นดินวังหลวง ทว่ากลับไม่เคยพบนางสักครั้ง
บัดนี้ภาพนั้นกลับมาแล้ว นางผู้นี้กำลังนั่งอ้าขาแบะอ้าซ่า ซึ่งเป็นท่าที่เขาคุ้นเคย ทว่าบัดนี้มือเรียวนั้นกลับกำลังบีบบี้ตุ่มเสียวที่เบ่งบานภายใต้อาภรณ์สีแดงบางเบา แล้วครางกระเส่าอยู่เพียงลำพัง
กลีบสาวของนางชุ่มฉ่ำด้วยหยาดน้ำที่ไหลนองออกมา ไม่รู้ว่านางเสร็จสมไปกี่คราแล้วทว่าเสียงครางหวานนี้ช่างเร้าใจเขายิ่ง
หัวใจของอี้หลงเต้นระรัว ดวงตาเลื่อนขึ้นมาชื่นชมหัวนมที่เบ่งบานชูช่อดันผ้าสีแดงผืนบางออกมา
เขาเห็นทุกอย่างชัดเจนยิ่ง ฝีบัดนี้ก็ทำฝีเท้าให้เบายิ่งนัก ยามนั้นดูเหมือนนางจะบดนิ้วลงที่ติ่งเต่งอย่าแรงกระทั่งร้องครางออกมา
“เสียวเหลือเกิน ซี้ด”
ก้นของนางลอยขึ้นจากพื้นเล็กน้อย ขาของนางแบะกว้างออกยิ่งกว่าเดิมบัดนี้ยังลองใช้นิ้วจิ้มเข้าไปในรูรัก
แน่นอนว่าท่าทางนี้มิได้ชำนาญเลยแม้แต่น้อย เขาเข้าไปนั่งยองอยู่ใกล้ ๆ ยังไม่ใส่ใจที่จะเปิดผ้าคลุมหน้าของนางออก เขาอยากจะรั้งเวลาที่ตื่นเต้นให้นานยิ่งขึ้น
ใบหน้าของเขาแทบจะแนบชิดกับกลีบเนื้อ เขายังแลบลิ้นออกมาทำท่าตวัดเลียอย่างกระหาย
มังกรของเขากำลังบวมเป่ง เรียกร้องให้เขาปลดปล่อยมันออกมาแล้วหาทางระบายน้ำพิษสีขุ่นที่อยู่ในตัวมันเสีย
อันซูเซี่ยคล้ายได้ยินเสียงของคนเปิดประตู ทว่าด้วยพิษกำหนัดที่นางดื่มเข้าไปทำให้นางไม่สนใจผู้ใดแล้ว
ท่าทางการนั่งและการใช้มือเพื่อผ่อนคลายนี้ ล้วนเป็นกูกูที่สอนเอาไว้
‘หากฮองเฮารู้สึกร้อนจนทนไม่ไหว ใช้นิ้วบีบบี้ตรงนี้นะเพคะ หรือจะลองแหย่เข้าไปในรูหวาน รับรองว่าช่วยฮองเฮาให้ผ่อนคลายลงได้’
ยามนั้นนางย่อมไม่เข้าใจ ทว่าหลังจากคนทั้งหมดออกไปจากห้องนอน นางก็บังเกิดอาการร้อนผ่าวไปทั่วร่างกาย
นางซึ่งกำลังอ้าขาอยู่มึนงงยิ่งนัก และแล้วเนื้อผ้าแดงผืนนุ่มก็สัมผัสกับส่วนนั้น นางหวนคิดถึงวันที่นางสัมผัสตนเองทันใด
ความรู้สึกเช่นนี้กลับมาแล้ว เพียงแต่ว่าวันนี้มันช่างมากมายจนนางเกิดความทรมานเหลือแสน
ยอดอกที่สัมผัสกับเนื้อผ้าเบาก็ทำให้นางเสียวจนต้องครางออกมา กำลังเกิดเรื่องอันใดขึ้นกับตัวนาง
นางลองสัมผัสหน้าอกของตนเอง แล้วแหย่นิ้วเข้าไปในรูรักและแหย่เข้าไปลึกอย่างช้า ๆ
สติของนางหดหายไปแล้ว ยามนี้ขอเพียงสิ่งใดก็ได้เข้ามาช่วยให้นางรู้สึกดีขึ้น นางย่อมรีบคว้าเอาไว้
นางกระตุกมือของตนเองเบา ๆ ท่าทางเช่นนั้นมิได้ร่ำเรียนมาแม้แต่น้อย ทว่าเกิดจากความรู้สึกของนางล้วน ๆ
“อ้า ตรงนี้เสียวยิ่ง ซี้ด”
ไม่ใช่เพียงนางที่เสียว เสียงหวานของนางและท่าทางยั่วตัณหานี้ทำให้ฝ่าบาทบางคนที่ใบหน้าแทบจะติดกับร่องรักของนางอยู่แล้วถึงกับครางละเมอ
“ฮองเฮาให้ข้าช่วยเจ้านะ”
เขาย่อมทนไม่ไหวแล้วจึงเปล่งเสียงออกมาพร้อมกับแหย่ลิ้นเข้าไปในร่องรัก
อี้หลงตื่นตะลึงพรึงเพริด เมื่อสัมผัสว่าน้ำหวานที่ไหลออกจากกายนางนั้นรสชาติเหมือนสุราผลไม้ที่ทั้งหวานทั้งซาบซ่าเล็กน้อย
เขาไล้เลียกลีบของสนมมานับไม่ถ้วนทว่าไม่เคยได้รับรสชาติเช่นนี้มาก่อนเลย
ครานี้เขาจับสองขาของนางเอาไว้ ตะโบมดูกลืนเข้ามาอย่างกระหาย
อันซูเซี่ยยอมรับว่าตกใจ ทว่าได้รับการสั่งสอนมาอยู่แล้ว ว่าหากฝ่าบาทเข้ามาและพึงใจในตัวนางอาจจะฟุบใบหน้าและช่วยนางปลดปล่อย
นางจึงครางออกมา
“ฝ่าบาทเพคะ ซูเซี่ยไม่รู้เป็นอันใด จึงได้ร้อนรุ่มเพียงนี้ อ้า ฝ่าบาททำสิ่งใดเพคะ ดียิ่ง อื้อ ซี้ด ซี้ด”
เสียงของนางแผ่วหวานยิ่งกว่าน้ำตาลเคลือบ เขาไม่เคยพบผู้ใดเสียงหวานมากเพียงนี้
รูรักอันบริสุทธิ์เมื่อถูกปลายลิ้นร้อนของชายหนุ่มเป็นครั้งแรกดูเหมือนว่าจะตอบสนองได้เป็นอย่างดี
ร่องของนางขมิบรัว สะโพกของนางยกขึ้นยังเด้งเข้าไปหาปากร้อน ฝ่าบาทเก่งกาจยังสามารถแยงลิ้นเข้าไปในรู อันซูเซี่ยถูกทาขี้ผึ้งหอมรอบปากทาง ขี้ผึ้งนี้นอกจากจะมีรสชาติดีส่งเสริมรสน้ำรักของนางแล้วยังมีคุณสมบัติอันวิเศษ
แม้จะเป็นหญิงพรหมจรรย์ก็จะไม่รู้สึกเจ็บปวด และเผลอทำร้ายฝ่าบาทจนบาดเจ็บ
อี้หลงดูดแบะขาของนางให้กว้างขึ้นแล้วรวบขึ้นไปให้ขาชี้ฟ้า จากนั้นมุดใบหน้าลงมาอย่างหลงใหล
“หอมอร่อยเหลือเกิน รู้สึกเหมือนดื่มสุราไม่เมามาย อ้า ข้าชอบยิ่ง หอยของฮองเฮาช่างใหญ่โต ดูโคกเนื้อโยนีแทบจะล้นริมฝีปากของข้า สีแดงเช่นนี้คงไม่เคยผ่านสิ่งใดมาก่อน บริสุทธิ์ยิ่งนัก ซี้ด”
นางดิ้นเร่าอยู่ในปาก ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรนอกจากเชื่อฟังในคำของฝ่าบาท
“อืม อร่อยยิ่งนัก อ้า ข้าไม่ไหวแล้วขอดูหน้าฮองเฮาของข้าหน่อยเถิด”
ดูเหมือนว่าร่องรักของนางยังขมิบ นางไม่อยากให้เขาเงยหน้าขึ้นจากตรงนั้นด้วยซ้ำ อยากถูกปลายลิ้นเลียเช่นนั้นจนกว่านางจะได้รับการปลดปล่อย
“อ้า ฝ่าบาทเพคะ อย่าหยุดเพคะ อื้อ”
นางได้ยินน้ำเสียงหัวเราะพึงพอใจ สตรีนางนี้เพียงวันแรกก็ร้อนเร่าถึงขั้นกล้าสั่งเขามิให้หยุด ช่างแตกต่างจากสตรีอื่นที่ไม่กล้าแม้แต่จะครางออกมา
“ประเดี๋ยวข้าต่อให้ ขอให้ข้าได้มองฮองเฮาเต็มตาเถิด”
เขาขยับลุกขึ้นและค่อย ๆ เปิดผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวออก สิ่งที่อันซูเซี่ยเห็นยามนี้ก็คือบุรุษร่างสูงผ่าเผย ใบหน้าหล่อเหลายิ่งกว่ารูปสลัก งดงามจนนางตกตะลึง
“ฝะ ฝ่าบาทหรือเพคะ”
แม้เขาจะอยู่ในอาภรณ์สีเหลืองทองและปักลวดลายมังกรแต่นางก็ไม่คิดว่าฝ่าบาทแคว้นเหมิงจะหนุ่มแน่นหล่อเหลาร่างกายตึงเปรี้ยะเช่นนี้
ใบหน้าของนางร้อนผ่าว เมื่อเขาต้องตาต้องใจนางเหลือเกิน