“ไม่เคยเห็นเลย?”
แพรวิภาไม่ปล่อยให้ความสงสัยของตัวเองจางหาย เด็กคนนี้ใครรับเข้ามา ดูท่าทางแล้วเส้นใหญ่ไม่เบา เพราะสคิปของพิธีกรในมือ ถ้าไม่ได้รับความไว้วางใจ คงไม่ได้รับมอบหมายงานสำคัญอย่างพิธีกรในงานแน่ๆ หรือว่าจะเป็นพิธีกรพิเศษที่คุณนิรา แม่ของอคินจ้างมา
“ขอตัวนะคะ”
“นี่!”
แพรวิภารั้งคนข้างๆไว้ไม่ทัน ร่างสูงปราดเปรียวทั้งที่สวมชุดเดรสรัดรูปเดินไปหยุดยืนข้างเวที ตรงนั้นมีพ่อกับแม่ของอคินยืนอยู่ เธอเห็นว่าพวกท่านคุยกับผู้หญิงคนนั้นสักพัก ไม่นานเธอคนนั้นก็เดินขึ้นไปบนเวที ด้วยท่วงท่าที่สง่างาม
“ได้เรื่องว่าไง?”
“ได้อะไรล่ะ ไม่รู้เรื่องอะไรเลย”
เป็นครั้งแรกที่แพรวิภารู้สึกหงุดหงิด เธอไม่เคยทำงานพลาด ไม่ว่างานนั้นจะขัดต่อต่อมศีลธรรมอันดีงามของเธอ อย่างเช่นการหาผู้หญิงมาให้เพื่อนนอนด้วย เธอไม่เคยทำพลาด แต่ครั้งนี้เธอพลาด พลาดแบบยังไม่ได้เอ่ยปากด้วยซ้ำ
แต่เพราะอะไรไม่รู้ แพรวิภารู้สึกว่าผู้หญิงคนนั้น ไม่เหมาะจะเป็นของเล่นให้เพื่อนเธอขย้ำเลย ถ้าเป็นตัวจริง น่าจะเหมาะมากกว่า
“ไม่ได้เรื่อง”
“เอ้า!”
“อย่างนี้ห้ามลาเด็ดขาด”
“ได้ไง อคิน กลับมาก่อน”
แพรวิภาเรียกเพื่อนให้กลับมา แต่ร่างสูงกว่า 185 เซนติเมตรเดินไปยืนอยู่ข้างเวทีเป็นที่เรียบร้อย โธ่! คนเขาอุตส่าห์จะหยุดพาลูกไปเที่ยว ไอ้คนโสดทำไมไม่เข้าใจเลยวะ
อคินเดินมาหยุดอยู่ข้างเวที ทักทายพ่อกับแม่ที่มาร่วมงานเพียงไม่กี่คำ ก็หันเหความสนใจไปที่อื่น สายตาคู่คมมองคนที่ยืนทำหน้าที่เป็นพิธีกรอย่างสนอกสนใจ ยิ่งได้มาเห็นใกล้ๆ ยิ่งตรงเสปคเขาทุกอย่าง ทั้งรูปร่างหน้าตา การกระทำ รวมถึงสายตาที่เหลือบมองและเบนหนีทันทีเหมือนไม่สนใจ มันให้ความรู้สึกดีชะมัด
“มองอะไรเหรอลูก?”
นิราถามลูกชายด้วยรอยยิ้ม มองตามสายตาของลูกไปหยุดที่พิธีกรสาวคนสวย ที่ยังคงทำหน้าที่อยู่บนเวที น้ำเสียงไพเราะเสนาะหู กิริยาท่าทางกระฉับกระเฉง
“สวยเหรอ?”
“ก็เฉยๆ”
อคินตอบแม่ตรงข้ามกับที่เขารู้สึก เขาไม่ต้องการให้แม่มาวุ่นวายกับคนที่เขากำลังให้ความสนใจอยู่ แม่ได้รู้จักเธอแน่ แต่ต้องไม่ใช่ตอนนี้
“เหรอ! คินไม่มีคนในใจแบบนี้ งั้นเรื่องที่แม่คุยค้างไว้”
“ไม่! คินไม่ยอมเด็ดขาด แม่จะให้เด็กนั่นกลับมาอาศัยอยู่ในบ้านคินไม่ขัด จะเอามาเป็นคนสวน แม่บ้านหรืออะไร ก็เอาไป แต่ต้องไม่ใช่เอามาเป็นเมียคิน!”
อคินไม่ปล่อยให้แม่พูดจบก็พูดแทรกท่านทันที ซ้ำยังแนะนำยาวเหยียด ก่อนจะตบท้ายด้วยการปฏิเสธสิ่งที่แม่ต้องการ แค่คิดถึงรูปร่างหน้าตาของผู้หญิงบ้านนอกนั่น ก็รู้สึกขนลุกแล้ว
“ทำไมไม่ไปคุยกันที่บ้าน เรื่องแบบนี้มาคุยที่นี่ได้ไง”
พยัคฆ์ปรามลูกชายกับภรรยาที่ยืนคุยกันเสียงดังมากกว่าปกติ ซ้ำหัวข้อการสนทนายังเป็นเรื่องในครอบครัวที่ไม่ควรเอามาพูดที่นี่ด้วย
“ก็ลูกชายของคุณเสืออยู่ให้นิวพูดด้วยไหมล่ะ ถ้าไม่ตามมาที่นี่ จะได้เจอได้คุยกันไหม”
ดวงตากลมโตแม้จะผ่านวันเวลามาเนินนาน ยังคงสุกสกาวอยู่เสมอ แม้จะรู้สึกโกรธเคืองสามีที่เอ่ยตำหนิ หรือน้อยใจลูกที่ไม่ค่อยมีเวลาให้ แต่แววตาคู่นั้นยังคงอ่อนโยนเสมอ และเจือไปด้วยความน้อยใจ
“เรื่องของลูก ไม่ปล่อยให้ลูกจัดการล่ะ”
“นิวจะปล่อยแล้ว ทั้งพ่อทั้งลูกเลย”
คนเป็นเมียพูดอย่างน้อยใจ สามีเธอไม่เข้าใจเธอเลยสักนิด ถ้าลูกชายทำตัวปกติเหมือนลูกชาวบ้านเขา เธอจะไม่ห่วงเลย จะปล่อยให้ลูกเลือกคู่ครองด้วยตัวเอง แต่เพราะลูกชายเชื้อไม่ทิ้งแถว ไข่ไปเรื่อยจนรู้สึกเหนื่อยหน่าย แค่อยากหาคนที่พอจะหยุดลูกชายได้ก็แค่นั้นเอง
“พี่เกี่ยวอะไร?”
“สม!”
อคินเบะปากเหยียดยิ้มให้พ่อ จนคนเป็นพ่อค้อนใส่ตาเขียว ลูกชายเขามันตัวแสบ สมควรที่จะโดนแม่จับใส่กระสอบที่เรียกว่าการคลุมถุงชน
“แต่งพรุ่งนี้เลยก็ดีนะ!”
“อย่ามาพูดแบบนี้นะพ่อ พ่อยังเลือกแต่งกับคนที่พ่อรักเลย ทำไมไม่ให้คินทำแบบนั้นบ้างอะ”
แม้อายุจะเข้าใกล้เลขสามแล้ว แต่อคินยังคงมีความเป็นเด็กอยู่ นั่นทำให้นิราผู้เป็นแม่ยังห่วง ไม่ปล่อยให้เขาทำอะไรอย่างอิสระ เหมือนพี่สาวทั้งสองที่ออกเรือนไปแล้ว
“คนที่แม่เลือก แม่มั่นใจว่าคินจะรักเธอได้ไม่ยาก น้องน่ารักนะคิน นิสัยดี”
เพราะคนของสามีกันคนออกไปจากบริเวณที่ทั้งสามคนยืนอยู่หมดแล้ว จึงพูดได้อย่างสบายใจ ไม่ต้องกลัวว่าคนอื่นๆจะมาได้ยินด้วย นิรายังคงอวยผู้หญิงที่ตัวเองเลือกให้ลูกชายฟังไม่หยุด หวังว่าเขาจะยอมฟังบ้าง
“ไม่อะ! คินไม่เอาใครที่ไหนก็ไม่รู้มาเป็นเมียหรอกนะ!”
“คินแน่ใจใช่ไหมว่าจะไม่เลือกผู้หญิงที่แม่หาให้”
“แน่ซะยิ่งกว่าแน่อีก!”
“ได้คิน! แม่ก็อยากรู้เหมือนกันว่าคินจะหาผู้หญิงดีๆแบบที่แม่หาให้ได้จากที่ไหน ในเมื่อคินก็ไม่ได้มีอะไรดีสักอย่าง ถ้าคินไม่มีเงิน คิดเหรอว่าคนอย่างอคิน จะมีผู้หญิงที่ไหนอยากได้ไปเป็นผัว!”
นิราไม่ได้ดูถูกให้ลูกเสียใจ แต่นั่นคือสิ่งที่ลูกชายของเธอเป็น ถ้าไม่ได้ชื่ออคิน อัครโยธินกุล ถ้าไม่มีเงินทองมากมาย ถ้าไม่ใช่เจ้าของบริษัท AKS คนเสเพลแบบเขาเหรอจะมีผู้หญิงอยากได้ เดี๋ยวนี้รวยอย่างเดียวไม่ได้นะ ต้องดีและมีสมองด้วยผู้หญิงถึงจะเอาไปเป็นสามี
“นิวนั่นลูก!”
“ก็เพราะเป็นลูก ถึงได้เตือนสติ แต่ในเมื่อพูดดีๆไม่ชอบ ก็ไม่ต้องพูด ลองหามาให้แม่ดูนะคิน แม่ให้เวลาสามเดือน ถ้าคินหาไม่ได้ อย่าหวังว่าจะได้บริหารบริษัทนี้ต่อ”
พูดจบก็เดินหนีไปอย่างรวดเร็ว เพื่อไม่ให้ลูกชายหรือสามีได้แย้งอะไร เป็นการเปลี่ยนความตั้งใจของเธอ เธอต้องดัดนิสัยของอคินบ้าง ไม่ใช่ตามใจทุกอย่างอย่างที่สามีทำ