15
ชัยชนะ
เสียงประกาศเริ่มต้นการแข่งขันดังขึ้นขณะที่ผู้เข้าแข่งขันสองคนได้เดินลงสู่สนาม ก่อนขึ้นประจำหลังพวงมาลัยยังรถประจำตัวของตน
ตนุธิปปรายสายตามองผ่านกระจกรถข้างตัวไปยังคู่แข่งของตัวเองในค่ำคืนนี้เล็กน้อย จากนั้นเขาก็หันกลับมาให้ความสนใจกับหนทางตรงหน้าที่จะต้องบังคับตัวรถและนำพาให้ไปถึงเส้นชัยเป็นอันดับแรก
“สวัสดีครับ! ยินดีต้อนรับสู่การแข่งขันรถยนต์รายสัปดาห์ ณ สนามแข่งรถที่ใหญ่ที่สุดใน...”
เสียงพิธีกรกล่าวเปิดเมื่อถึงเวลาการเริ่มการแข่งขันรถยนต์แมตช์รายสัปดาห์
เครื่องยนต์สองคันดังกระหึ่มจากคันเร่งที่ถูกเหยียบสุดไมล์ กลุ่มควันสีขาวเกิดขึ้นน้อย ๆ เคล้าไปกับเสียงร้องเชียร์กังวานของผู้คนในสนามแห่งนี้
ตนุธิปยกยิ้มบาง ๆ ส่งให้กับคู่แข่ง พร่ำพูดกับตัวเองในใจว่าอีกไม่กี่นาทีชีวิตของมันก็จะต้องพบเจอกับความวิบัติที่เขาจะเป็นคนพิพากษาด้วยตัวเอง
“และการแข่งขันกำลังจะเริ่มต้นขึ้น ณ บัดนี้!”
สาม!
สอง!
หนึ่ง!
GO!
สิ้นคำประกาศตัวรถสองคันก็พุ่งตรงไปตามทางด้วยความเร็วสูงสุด
รถยนต์คันหรูขับเทียบใกล้บดเบียดจนเกือบเสียหลัก นอกจากเส้นชัยแล้วก็คือวิธีการกลั่นแกล้งคู่แข่งให้เสียสมาธิ
รถของตนุธิปขับปาดทั้งหน้าหลังและเบียดชิดหวังปั่นประสาทอีกฝ่าย แต่จากนั้นไม่นานเขาก็เหยียบเต็มคันเร่งสุดแรง ฝ่ามือสองข้างโอบอุ้มประคองพวงมาลัยอย่างคล่องแคล่วและแนบแน่น
แม้ว่าจะห่างหายจากการลงสนามไปหลายปี แต่ประสบการณ์และความชำนาญที่พึงมีก็ไม่ได้น้อยลงไปเลย หนำซ้ำความกรุ่นโกรธที่ปะทุร้อนสาดสุมอยู่ข้างในก็เหมือนกับเป็นเชื้อเพลิงอย่างดีที่ทำให้เขาต้องการคว้าชัยชนะมาให้ได้
ปัง!
“เหี้ยไรวะ!” นายสบถด่าตวัดสายตามองข้างกระจกไปยังคู่แข่งขันที่ขับรถพุ่งชนรถตัวเอง
“โทษทีว่ะ ไม่ได้แข่งนานเลยคุมรถไม่อยู่” ตนุธิปเอ่ยปนเสียงขำ
ตัวรถเบียดข้างก่อนที่คนขับจะหักพวงมาลัยพุ่งชนกับคู่แข่งอย่างนายทันที และแน่นอนว่าตัวรถของนายเสียหลัก รถบดไปตามหนทางจนเกิดเสียงและรอยดำ ซึ่งมันก็เป็นโอกาสเหมาะที่ตนุธิปจะตีนำทิ้งระยะห่างไปได้ไกลพอสมควร
“จัดการเลย” เสียงเข้มเอ่ยขึ้นเบา ๆ กับเครื่องมือสื่อสารที่ใส่ติดตัวเอาไว้
และเพียงสิ้นคำสั่งตัวรถยนต์ที่ขับแล่นตามจากทางด้านหลังมาติด ๆ นั้นก็เกิดอาการรวนซวนเซขึ้นมา เครื่องยนต์หยุดทำงานไปชั่วขณะ ตัวรถส่ายกระสับเอนเอียงออกนอกเส้นทาง ก่อนที่ทิศทางของรถจะหมุนวนเป็นวงกลมหวิดพลิกคว่ำ
จนกระทั่ง...
ปรี๊ด!
เอี๊ยด!
เสียงเบรกดังกังวานไปทั่วทั้งสนาม ก่อนที่ฝูงควันกลุ่มใหญ่จะก่อตัวอบอวลบดบังตัวรถทั้งสองคัน กระทั่งมันค่อย ๆ จางหายเลือนราง และเสียงร้องคำรามโห่เชียร์ก็กึกก้องแทนที่ไปทั่วทั้งสนามเป็นการสรรเสริญผู้ชนะในค่ำคืนนี้
“และผู้ชนะในค่ำคืนนี้ก็คือทีมสีแดง เฮียต๊อดของเรานั่นเองครับทุกคน!”
ตนุธิปเดินลงจากรถเมื่อถูกประกาศชัยชนะ เขาหยัดยิ้มน้อมรับรางวัล แต่จากนั้นไม่นานมันก็เปลี่ยนกลับมาเป็นแรงโทสะที่ระเบิดสุมอยู่ภายในใจ
“จับตัวไอ้เหี้ยนายไปด้านหลังสนาม!”
การแข่งขันจบแล้ว แต่บทลงโทษของคนเลว ๆ มันเพิ่งเริ่มต้น!
พลั่ก!
ตุ้บ!
“อึก!”
ร่างของนายถูกเหวี่ยงเข้ากับสังกะสีด้วยฝีมือของชายชุดดำร่างกำยำซึ่งเป็นลูกน้องใต้ปกครองของออสติน
“กระทืบมัน” เสียงเข้มเอ่ยขึ้นราบเรียบหลังจากปล่อยพ่นควันบุหรี่สีขาวให้ลอยล่องเหนือศีรษะ
และอีกไม่กี่วินาทีฝีเท้าและหมัดหนัก ๆ ก็สวนซัดลงไปยังร่างไร้เรี่ยวแรงของนายทันที
คนสั่งการยกยิ้มและกดสายตามองภาพตรงหน้าอย่างพึงพอใจ เลือดสีแดงสดที่ชหลั่งไหล เสียงร้องโหยหวนโอดครวญ สิ่งเหล่านั้นเป็นเหมือนความสุขเล็ก ๆ ที่ก่อเกิดขึ้นภายในค่ำคืนนี้
“คุณออสตินครับ คุณเวย์แล้วก็น้องผู้หญิงสองคนกำลังมาที่โกดังครับ” เดย์เดินเข้ามาบอกกับออสตินที่รับหน้าที่จัดการกับนาย
ความจริงแล้วเขาเองตั้งใจจะพานายไปที่โกดังหลังสนามแข่งเพื่อสั่งสอนให้หลาบจำ หากแต่ก่อนที่นายจะไปเจอ 'ของจริง' นั้นก็ควรได้ลิ้มลองรสชาติยำตีนเล็ก ๆ น้อย ๆ จากเขาเสียก่อน
ออสตินก้มมองนาฬิกาเรือนหรูบนข้อมือพลางนับถอยหลังเวลาที่ล่วงผ่านไป กระทั่งเห็นว่าสมควรแล้วถึงได้เอ่ยบอกกับเหล่าลูกน้องให้ยั้งแรง จากนั้นก็พาตัวนายไปยังโกดังซึ่งเป็นสถานที่พิพากษาชีวิตทันที
พลั่ก!
ชายฉกรรจ์ผลักร่างอาบเลือดของนายให้เดินเข้ามาในโกดังใหญ่ แม้ว่าจะถูกรุมทำร้ายสาหัสสักเท่าไหร่ก็ยังเหลือแรงและเสียงต่อต้านที่แผดลั่นออกมาจนดังสนั่นไปทั่วพื้นที่กว้างขวาง
“ปล่อยกูนะเว้ย! จะพากูไปไหนวะ ไอ้พวกเลว ไอ้เหี้ย ปล่อยกู กูบอกให้ปล่อยไงวะ!” นายตวาดกร้าวและพยายามสะบัดตัวออกจากการเกาะกุม มันคือหนทางเดียวที่จะทำให้เขารอดพ้น หากแต่คนที่มองกลับว่ามันช่างเป็นวิธีที่โง่เขลามากที่สุด
ตุ้บ!
“อึก!” นายถูกผลักจนใบหน้าแนบไปกับพื้น ครั้นยันตัวขึ้นถึงได้เห็นรองเท้าหนังสีดำราคาแพงที่ยืนอยู่ไม่ไกล พอลากสายตาขึ้นมองก็พบว่าเจ้าของรองเท้าคู่นั้นคือตนุธิป โดยที่ข้างกายก็เป็นแฟนสาวของเขาที่อยู่ในสภาพตัวสั่นหวาดหวั่น
“อะ มีกระสุนเหลืออยู่สามนัด อยากยิงตรงไหนก็จัดเลย” เวย์คินส่งยื่นกระบอกปืนสีดำให้กับหญิงสาว จากนั้นก็พยักพเยิดไปยังเป้าหมายการยิงซึ่งก็คือแฟนหนุ่มของเธอที่จะเป็นตัวทดลองความแม่นยำในค่ำคืนนี้
“ไม่...” กุ๊กสั่นหน้าปฏิเสธ เธอหันมองเจ้าของปืนและพยายามผลักไสสิ่งที่ได้รับให้พ้นมือ แต่ทว่าร่างสูงใหญ่ของตนุธิปกลับตรงเข้าประชิดซ้อนแผ่นหลังบางเอาไว้
มือของเขาจับประสานกอบกุมมือเธออย่างบางเบา จากนั้นก็จับประคองลำปืนขึ้นมายังระดับจ่อเล็งที่จุดศูนย์หน้า
“จับแบบนี้ แล้วก็เล็งไปตรงจุดที่อยากยิง” ตนุธิปกระซิบบอกอย่างอ่อนโยนพลางจับมือให้หญิงสาวบังคับเล็งไปยังร่างอาบเลือด
เธอหันมองเขาด้วยแววตาตื่น นี่มันก็แทบไม่ต่างอะไรกับการจับมือให้เธอฆ่าคนเลยสักนิด!