โรงพยาบาลพงษ์รพี
หนึ่งฤทัยขับรถไปชนกับหมอพงษ์รพี เพราะเธอรีบมากจนลืมคาดเข็มขัดนิรภัย จากการที่เธอขับมาอย่างเร็วในลานจอดรถก็ชนเข้ากับรถของหมอพงษ์รพีอย่างแรง จนทำให้เธอหมดสติไป
กรพิณได้ข่าวจากหมอพงษ์รพีก็แจ้งกับทุกคนในบริษัท แล้วก็ฝ่ายบุคคลให้ทราบว่าหนึ่งฤทัยประสบอุบัตติเหตุตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาลพงษ์รพี คุณวิศิษฐ์ทราบข่าวก็ตกใจมากจึงให้กรพิณรีบมาดูอาการเธอก่อน แล้วเดี๋ยวเขาจะรีบตามมา
“หนึ่งจะไม่เป็นอะไรมากใช่ไหมพีท..?”
“ต้องรอดูอาการอีกทีนะ เพราะศีรษะของคุณหนึ่งกระแทกกับคอนโซลรถอย่างแรกจนแตก เย็บไปตั้งเกือบ 10 เข็ม”
“แล้วนี่มีใครโทรตามญาติของหนึ่งมาหรือยังหรอ..?”
“ยังเลย..คุณหนึ่งไม่มีประวัติคนไข้ที่นี่ ผมเลยไม่รู้ว่าจะให้พยาบาลโทรไปแจ้งใคร เลยโทรบอกกรนี่แหละ..”
“เดี๋ยวกรโทรถามฝ่ายบุคคลให้นะ เผื่อเขามีเบอร์ติดต่อทาครอบครัวหนึ่ง..”
กรพิณหายไปคุยโทรศัพท์โดยปล่อยให้หมอพงษ์รพีอยู่ในห้องกับเธอ 2 คน เขาเดินไปขยับผ้าห่มให้เธอเล็กน้อย แล้วก้มไปดูที่แผลเธอว่ามีเลือดไหลซึมออกมาไหม
“คุณหมอ..”
เขาตกใจมากที่ได้ยินเสียงเธอก็ก้มหน้ามามอง และใบหน้าของเขาและเธอก็อยู่ใกล้กันไม่ถึงคืบฝ่ายมือเท่านั้น เขาจึงรีบเด้งตัวออกห่างอย่างไว
“พอดีว่าผมจะก้มลงไปดูแผลให้นะครับ..”
เธอมองจ้องหน้าเขานิ่งๆด้วยสายตาพล่ามัวจากฤทธิ์ของยาชาและยาแก้ปวด
“คุณหมอ..ที่เป็นแฟนกับกรหรือเปล่าคะ..?”
“ใช่ครับ..ผมหมอพงษ์รพีครับ..”
“นี่หนึ่งเป็นอะไรคะ..?”
“รถคุณหนึ่งกับรถของผมชนกันนะครับ แล้วคุณหนึ่งก็หมดสติไป..”
“หนึ่งจำอะไรไม่ได้เลยคะ มันเร็วมากตอนนั้น”
“คุณศีรษะแตกเพราะกระแทกกับคอนโซลรถนะครับ แล้วอีกอย่งคุณหนึ่งก็ไ่ได้รัดเข็มขัดด้วยศีรษะของคุณเลกระแทกแรงแลบนั้น..”
“หนี่งรีบไปหน่อยนะคะ เพระต้องรีบกลับไปเคลียร์งานก็เลยไม่ทันระวัง..”
“สุขภาพของเราสำคัญที่สุดนะครับ คุณต้องระวังมากกว่านี้..”
“ขอบคุณนะคะคุณหมอ..”
เธอยิ้มให้เขาอย่างรู้สึกดี ทำไมรอยยิ้มของเขาถึงได้น่ารักแบบนี้นะเธอคิดในใจ
“เรื่องประกันผมจัดการให้แล้วนะครับ ฝ่ายประกันผมจะเป็นคนซ้อมรถให้คุณทั้งหมดเอง แล้วก็เรื่องค่ารักษาพยาบาลด้วยผมรับผิดชอบให้ครับ ถ้าคุณไหมจะเรียกค่าตกใจเรียกมาได้เลยนะครับผมเต็มใจ..”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะคนกันเอง..จริงๆหนึ่งน่าจะเป็นฝ่ายผิดด้วยซ้ำเพราะหนึ่งขับรถเร็วมากเกินไปจนไปชนรถคุณหมอเข้า..”
“ไม่เป็ยรัยครับ ผมรับผิดชอบเอง”
“แต่หางคิ้วคุณหมอก็มีแผลนี่คะ..”
“นิดหน่อยครับ ของผมยังไม่ถึงกับต้องเย็บอะไรแค่แปะพาสเตอร์ก็โอเคแล้วครับ..”
“...”
เธอมองหน้าเขาอย่างรู้สึกทึ้งในความคิดของเขา และคำพูดที่ฟังดูอ่อนโยนของเขา
“หนึ่งไม่คิดเลยว่าโลกจะกลมขนาดนี้ หนึ่งมาหาหมอที่นี่นะคะเพราะปวดหัวมาก แต่พอดีมีงานเข้าก็เลยต้องรีบกลับ”
“ตอนผมเห็นว่าเป็นคุณหนึ่ง ผมก็ตกใจมากครับ เลยโทรไปบอกกรให้ทราบเป็นคนแรกเลย..เพราะผมไม่รู้จะแจ้งของคุณยังไง..”
พอเธอได้ยินเขาพูดถึงกรพิณก็เปลี่ยนสีหน้าทันที
แกร๊ก>>
“พีทคะ..กรโทรไปแจ้งฝ่ายบุคให้แจ้งไปทางญาติของหนึ่งแล้วนะคะ แต่ว่าหนึ่งไม่ได้ใส่ข้อมูลของคนี่ติดต่อได้ไว้นะคะ..”
กรพิณเดินเข้ามาบอกกับหมอพงษ์รพีโดยไม่ได้ดูเลยว่าหนึ่งฤทัยลืมตาตื่นขึ้นมาแล้ว
“คุณหนึ่งฟื้นแล้วละกร ถามจากคุณหนึ่งก็ได้..”
“หนึ่ง..”
กรพิณหันไปมองที่เตียงก็เห็นหนึ่งฤทัยมองมาที่เธอพอดี เธอเดินเข้าไปด้วยความดีใจที่เห็นหนึ่งฤทัยฟื้นแล้ว
“หนึ่ง..ฟื้นแล้วหรอเป็นยังไบ้าง เจ็บแผลไหม..?”
“ก็นิดหน่อยนะ..”
“ทุกคนในบริษัทเป็นห่วงหนึ่งมากรู้ไหม นี่คุณวิศิษฐ์เขายอมให้กรมาเยี่ยมหนึ่งได้ก่อนเลยนะ แล้วเดี๋ยวตอนเย็นๆคุณวิศิษฐ์จะตามมาเยี่ยมหนึ่งนะ..”
“อืม..ฝากขอบใจทุกคนด้วยที่เป็นห่วง”
“ทางโรงพยาบาลยังไม่ได้แจ้งญาติหนึ่งเลย หนึ่งจะให้กรโทรบอกใคให้ไหม..?”
“ไม่เป็นไร..ขอบใจนะ”
“ให้กรโทรหาแม่ให้เอาไหม หรือโทรหาพ่อก็ได้ พี่น้องละให้กรโทรให้ได้นะ..?”
“ไม่ต้อง..ไม่ต้องโทรหาใครทั้งนั้นแหละ..”
หนึ่งฤทัยเริ่มทำสีหน้าหงุดหงิดและรำคาญ จนหมอพงษ์รพีสังเกตุได้จึงเดินเข้าไปแตะแขนของกรพิณเบาๆ
“คุณหมอคะ..หนึ่งอยากนอนพักผ่อนค่ะ ไม่ต้องให้ใครเข้ามาเยี่ยมหนึ่งแล้วนะคะ..”
หนึ่งฤทัยพูดกับหมอพงษ์รพีจบก็พลิกตัวหันข้างไปอีกทางอย่างหงุดหงิด
เขาจึงพากรพิณเดินออกจากห้องไป แล้วไปสั่งกำชับพยาบลทุกคนว่าไม่ให้ใครเข้าไปเยี่ยมหนึ่งฤทัยเด็ดขาด เพราะเธอต้องการพักผ่อน แล้วเขาก็จูงมือพากรพิณมาที่ห้องทำงานของเขา
“เมื่อกี้กรจู้จี้จุกจิกเกินไปกับหนึ่งใช่ไหม..?”
“ไม่หรอก..พีทรู้ว่ากรเป็นห่วงเพื่อนอย่าคิดมากนะ..”
“แต่หนึ่งดูไม่พอใจกรมากเลย..”
“คุณหนึ่งอาจจะกำลังปวดแผลอยู่ก็ได้ ก็เลยหงุดหงิดนะให้เธอนอนพักผ่อนให้เต็มที่กอนเธออาจจะเย็นลงกว่านี้ก็ได้..”
“อืม..”
กรพิณนั่งนิ่งไม่พูดอะไรต่อ พงษ์รพีจึงเดินเข้าไปนั่งคุกเข่าตรงหน้าเธอ ใช้มือทั้ง 2 ข้างประคองใบหน้าของเธอไว้
“อย่าคิดมากนะครับคนดีของพีท..เวลากรทำหน้าแบบนี้พีทใจไม่ดีเลย..”
“ทำไมคะ..?”
“พีทกลัวว่ากรจะมีรอยย่นที่หน้าผากนะซิ.555”
“หมอพีท..เดี๋ยวเถอะ”
เธอยิ้มขึ้นมาได้แล้วเขาจึงดึงตัวเธอเข้าไปกอดไว้ด้วยความรัก
“กรต้องกลับไปทำงานอีกไหม..?”
“ไม่ได้ไปแล้ว..คงกลับบ้านเลย”
“งั้น..ให้พีทไปส่งที่บ้านนะ..”
“อื้ม..”
เขาจุ๊บเหม่งเธอไป 1 ทีแล้วก็คลายอ้อมกอดออก มองใบหน้าของเธอแบบยิ้มๆ
“มองอะไรกรเนี้ย หน้ากรมีอะไรติดหรอ..?”
“ไม่มีหรอก..พีทแค่อยากมองแฟนที่น่ารักของพีทไปแบบนี้นานๆไม่ได้หรอ..?”
“อย่ามาเลี่ยนได้ไหม..ไปเลยไปเก็บของเลย”
“พีทรักกรนะ..”
“รู้แล้ว..พูดแบบนี้ทุกวันไม่เบื่อหรือไง..?”
“ไม่เบื่อ..”
“เดี๋ยวพอวันหนึ่งพีทไปรักคนอื่นมากกว่า ก็คงไม่มาบอกรักกรแบบนี้หรอก..”
“มันจะไม่มีวันนั้นเด็ดขาด..”
“ดีมาก..บอกรักกรทุกวันเลยนะห้ามขาดแม้กระทั่งวันหยุด ถ้าวันไหนที่พีทไม่บอกรักกร วันนั้นกรจะถือว่าพีทไม่ได้รักกรแล้ว..”
“โอเค..พีทจะทำตามอย่างเคร่งครัดเลยครับ”