"เป็นอะไรของมึงกันแน่อ้ำอึ้งอยู่ได้ หรือจับได้ว่า...ว่าที่เมียมึงมีโลกสองใบแบบที่เขากำลังนิยมกันอยู่ตอนนี้วะ แมร่งทำหน้าเครียดจนกูใจไม่ดีแล้วเนี่ยไอ้ห่าธาม"
แดนดนัยนั้นก็พูดติดตลกไปอย่างนั้น เพราะเห็นไอ้ว่าที่เจ้าบ่าวดูใกล้จะคลั่งเต็มแก่ และอีกส่วนเขาก็รู้สึกรับรู้ได้ถึงอารมณ์ของเพื่อนรัก ขนาดหญิงในอดีตยังเคยรับช่วงต่อ ย่อมต้องรู้ว่ามันผิดปกติและแปลกไปอยู่ไม่น้อย นับตั้งแต่ออกมาจากมหาวิทยาลัยชื่อดังที่มันเพิ่งสำเร็จการศึกษา แต่ก็นะ...ตามประสาสายงานของเขาที่ต้องละเอียดช่างสงสัยช่างสังเกต ทำให้ผู้กองหนุ่มเริ่มได้กลิ่นแปลกพิกล แต่ยังไม่อยากเซ้าซี้ถามกันมากในยามนี้ด้วยรู้นิสัยกันดี
ทุกวันนี้เขากับอีกสองสหายนั้นฟังแต่ทีมงานแต่งงานของมันกับแม่ยอดยาใจ แพรวารีอดีตดาวคณะเจ้าสาวคนสวยและเก่ง กับสถานที่จัดงานแต่งที่ยิ่งใหญ่อลังการล้านแปดของมันจนเลี่ยนแล้ว แต่มันคือความสุขของเพื่อนรัก พวกเขาทั้งสามเลยขี้เกียจจะไปขัดแข้งขัดขาและขัดคอ พวกเขาก็เลยยอมทนเอียนเลี่ยนกันไป แต่ทำไมวันนี้มันถึงดูเงียบนัก น่าเป็นห่วงเสียจริง
"เอาดี ๆ มึงพูดมาดีกว่า ก็ไม่เก่งขนาดมีญาณทิพย์นะเว้ย มึงมีอะไร...ตอบ...เอาดี ๆ "
น้ำเสียงที่ถามเริ่มมีแววห่วงใยมากขึ้นกว่าตอนแรกที่ถามไปตามปกติเท่านั้น มันไม่โอเคอย่างแรงกับสีหน้าคนที่อารมณ์เยือกเย็นเช่นไอ้คุณชายสามแห่งอาณาจักรหย่งธรรมคุณเกินไปมากแล้ว ถึงไอ้เฮียธามมันจะเป็นเสือยิ้มน้อยแต่มันไม่เคยดูแย่ขนาดนี้มาก่อน
"มึงดูเอาเองเถอะกู...พูดไม่ออก"
พอภาพนิ่งสลับกับคลิปที่ไม่ชัดเจนคล้ายเป็นกล้องที่ซ่อนแอบถ่าย ขนาดเขาเป็นผู้มีสติที่ดีและเข้มแข็งอยู่เสมอ ไม่ใช่พวกจิตอ่อนสติหลุดโดยง่าย เพราะแน่นอนทำงานมาก็ร่วมสองปี ยังถึงกับเผลอบังคับพวงมาลัยรถหรูไม่มั่นคงพอ เลยทำให้รถแกว่งไปวูบสั้น ๆ เลยทีเดียว
"สลัด!...ไอ้เซี่ย!"
ผู้กองหนุ่มบังคับรถชิดเข้าข้างทางหลังจากอุทานเสียงดัง เขาสูดลมหายใจเพื่อตั้งสติให้มั่นคงอีกครั้ง จากนั้นจึงรับสมาร์ตโฟนราคาแพงมาเลื่อนดูภาพนิ่งสลับกับคลิปภาพเคลื่อนไหวร่วมยี่สิบกว่าข้อความ แล้วก็ตกตะลึงนิ่งอึ้งไปอีกราวห้านาที ก็ใครจะไปคิดว่าประโยคที่กล่าวเล่น ๆ ว่าผู้หญิงของเพื่อนที่พูดตามจริงก็นับได้ว่าเป็นเพื่อนสะใภ้กับพวกเขามานับตั้งแต่ธาดายังเพิ่งจะเรียนอยู่แค่ปีสองนั่นแล้ว ส่วนงานพิธีที่จะถูกจัดขึ้นในอีกสามอาทิตย์ข้างหน้านั้น ก็เพียงทำให้ถูกต้องตามประเพณีและกฎหมายนั้น มีโลกสองใบแบบข่าวฮิตติดกระแสโซเชียลในช่วงนี้มันจะกลายเป็นความจริง!
ที่สำคัญดูเหมือนโลกใบที่สองก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกล แต่เป็น...พ่อของไอ้คุณชายสามแห่งอาณาจักรหย่งธรรมคุณเพื่อนสนิทของเขานี่เอง แดนดนัยไม่เคยรู้สึกว่าตนเองลำบากใจอะไรเท่านี้มาก่อน เหลือบสายตามองออกไปด้านนอกตัวรถ การจราจรในช่วงใกล้ค่ำของกรุงเทพ ค่อย ๆ ขยับจากมหาวิทยาลัยดังมาสู่คอนโดหรูตั้งแต่บ่ายสี่โมง ตอนนี้ใช้เวลาผ่านมาถึงทุ่มกว่าเข้าไปแล้ว
"อีกสองซอยก็จะถึง มึงคิดว่าจะไปจริงใช่ไหม...เอาให้ดีนะมึงว่ามึงไหว"
แดนดนัยที่ไม่คิดว่าวันนี้จะได้รับเกียรติยิ่งใหญ่มาเป็นผู้ช่วยจับกิ๊กของเพื่อนสนิท ถามย้ำให้แน่ใจว่าธาดานั้นปกติ เขาก็ไม่ค่อยจะสนิทกับผู้เป็นบิดาของมันอยู่แล้ว เพราะไม่เคยชอบความเจ้าชู้ของอีกฝ่ายที่ก็ไม่แตกต่างจากบิดาของตัวเขาเอง จนมารดาของเขานั้นทุกวันนี้ก็ยังวุ่ยวายต้องตรอมใจไม่เลิกทั้งที่ลูกเต้าก็เติบโตกันขนาดนี้แล้ว
ธาดาทอดสายตามองไปยังแสงไฟสะท้อนป้ายของคอนโดหรู พอจะรู้มาว่าเป็นทรัพย์สินส่วนหนึ่งของบิดา คิดว่าอย่างไรวันนี้เขาจะต้องรู้ให้ได้ว่า พ่อของตนเลวได้ถึงแก่นจริงหรือ ผู้หญิงที่เขาจริงจังขนาดเลือกเธอมาเป็นคู่ชีวิต มาร่วมสร้างครอบครัวด้วยกัน จะทำชั่วลับหลังสวมเขาให้กันได้ขนาดนี้จริงใช่ไหม
"เออ...กูเอาจริง ไปกันกูอยากเห็นความจริงกับตาตัวเองกูไม่ชอบมโนไปเอง "
สองมือแกร่งกำแน่น ดวงตาภายใต้แว่นกรอบเงินมุ่งมั่น เห็นแบบนั้นแดนดนัยจึงไม่ถามต่อออกรถตรงไปยังจุดหมายทันทีไม่รีรออีกต่อไป
ส่วนธาดานั้นพยายามสงบสติอารมณ์ตนเองให้นิ่ง ทั้งที่แท้จริงมันเต็มไปด้วยความกังวลใจหวั่นไหววูบโหวงยังไงชอบกล นี่เขากำลังกลัวใช่ไหม...กำลังกลัวความจริงสินะ...ความจริงที่อาจกรีดหัวใจของเขาจนยับเยิน หากว่ามัน...เกิดขึ้นมาจริงตำตา
พอถึงจุดหมายแดนดนัยที่พอรู้มาบ้างว่านี่คือทรัพย์สินของคนตระกูลหย่งธรรมคุณ ก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของไอ้เฮียธามว่าที่เจ้าบ่าวสุดหล่อ เข้าไปติดต่อ ร.ป.ภ. สอบถามประชาสัมพันธ์ถึงชั้นและหมายเลขห้องที่อยู่ตามภาพถ่ายหนึ่งของผู้หวังดีลึกลับที่ส่งมาให้ จากนั้นเขาก็เดินตามร่างสูงใหญ่ใกล้เคียงกันไปอย่างสงบ แต่ยังมีแก่ใจมองเห็นว่าพนักงานที่เหลือต่างมองตามทั้งเขาและธาดากันเป็นแถว พลางกระซิบกระซาบกันทันทีเมื่อเขาและไอ้คนจะมาจับโป๊ะหันหลังจากมา ทำไมถึงรู้นะหรือ…
...ก็กระจกหน้าลิฟต์ใสแจ๋วเสียขนาดนั้น แม่คุณเอ๊ยไม่เก็บอาการกันเลยอีหนูทั้งหลาย น้ำลายนองพื้นแล้วอีน้อง!...
...หึ...หึ...หึ...
หากว่านี่เป็นเวลาปกติผู้กองหนุ่มจอมทั่วถึง คงรีบตรงดิ่งไปขอแลกไอดีไลน์กับเธอเหล่านั้นแล้วอย่างแน่นอน แต่ยามนี้ในหัวของเขากลับยังเต็มไปด้วยภาพจากคลิปลึกลับ เป็นฉากดุเด็ดเผ็ดร้อนของการเริงสวาทของใครบางคนที่มีผลกระทบต่อหัวใจและสมองของเพื่อนสนิทอย่างที่สุดไปเสียแล้ว
บางทีความเก่งและฉลาดก็ใช้การไม่ได้เลยหากขาดซึ่งสติ คตอนนี้แดนดนัยคิดว่าธาดาคงมีคำว่าสติน้อยยิ่งกว่าน้อยเป็นแน่
...ก็นะ...
ถ้าสลับตำแหน่งมาเป็นเขาเองต้องมาเจอสถานการณ์เช่นเดียวกันนี้ ก็คงยากกับไอ้คำสติที่ว่า...ยิ่งตัวเลขของลิฟต์ใกล้ชั้นดังกล่าว เหงื่อก็ชื้นฝ่ามือทั้งที่ในลิฟต์นี้ก็มีเครื่องปรับอากาศเย็นฉ่ำโดยแท้
ใบหน้าหล่อเหลานั้นดูซีดเซียวตามหมายเลขบอกชั้นว่าถึงชั้นไหนแล้ว หาได้รอดสายตาของสิงห์ฝ่ายสืบสวนเช่นเขาไปได้ไม่ มือแกร่งที่ถนัดจับแต่อาวุธตบไหล่เพื่อนเป็นการแสดงออกแทนคำพูดว่าตรงนี้ยังมีตนอยู่เคียงข้างนะเว้ยมึง อย่าเพิ่งป๊อดจนลมแดกเข้า
เหมือนกระบอกตาของว่าที่เจ้าบ่าวจะร้อน แต่จำต้องกดมันลงไปเสียก่อน หากคนที่เข้ามาพัวพันกับแพรวารีไม่ใช่พ่อแท้ ๆ ของเขา ชายหนุ่มจะไม่ดิ่งลงเหวทางด้านอารมณ์ขนาดนี้ แต่บางที...มันอาจเป็นแค่การอำกันเล่นเท่านั้นก็ได้ อย่าเพิ่งด่วนตัดสินอะไรทั้งที่ไม่ได้เห็นจากตาสองข้างของตนเอง ว่ามันคือการกระทำของว่าที่เจ้าสาวของตนยามลับหลัง เพราะเวลาที่คบกันมาไม่ใช่แค่ปีหรือสองปี แต่มันเป็นเวลานานร่วมสี่ปี ว่าที่เจ้าบ่าวพยายามคิดในทางที่ดีไว้ อย่างน้อยหากถูกเธอทรยศจริงโดยผู้ชายคนนั้นไม่เกี่ยวข้องกับเขา งานแต่งก็แค่ยกเลิก เขาคิดว่าคงทนได้ ก็แค่ผู้หญิงคนเดียวนอกใจมันไม่ถึงตาย
...ติ๊ง...
ประตูลิฟต์เปิด ไม่นานเลยที่คนทั้งสองมาถึงจุดหมาย แต่สำหรับธาดาแล้วมันเหมือนเขาต้องติดอยู่ในเจ้ากล่องสี่เหลี่ยมนานนับปีจนเกือบจะหมดอากาศหายใจเสียให้ได้ เสียงข้อความจากไลน์ดังเตือนขึ้นมาอีกหนึ่งครั้ง แต่คราวนี้เขายังไม่กล้าเปิดมันดูซ้ำอีก ตัดสินใจว่าเป็นอย่างไรก็จะไปดูให้เห็นกับตาตัวเองคงดีที่สุด
"ไม่ดูละวะไอ้ธาม"
ผู้มาเป็นเพื่อนร่วมจับกิ๊กเอ่ยเตือน เพราะเสียงเตือนมันดังทีไรไอ้คนตัวโตมันก็สะดุ้งเฮือกทุกครั้ง ก็ในเมื่อมาขนาดนี้แล้ว อะไรมันจะเกิดมันก็คงต้องเกิดแล้วละ ในเมื่อไอ้ผู้หวังดีแต่คงประสงค์ร้ายคนนี้มันขยันส่งมานัก ก็สมควรจะเปิดดูเสียให้มันชื่นใจสักหน่อย แต่พอเห็นว่าเพื่อนสนิทดูกำมือถือแน่น เขาแทบอยากกระชากมาเปิดดูเสียเอง แล้วจะแถมด้วยส่งข้อความไปขอบใจมันให้ชุ่มปอด แต่เห็นหน้าซีดเซียวของเพื่อนก็ให้รู้สึกอยากมีมารยาทเพราะเกรงใจความเป็นส่วนตัวของผู้เป็นเพื่อนขึ้นมาแบบกะทันหัน
ยืนทื่ออยู่หน้าห้องชุดสุดหรูเพียงครู่ใหญ่ คล้ายกับว่าธาดาพยายามเรียกสติให้คงมั่น พอรวบรวมแรงกายแรงใจได้ เขาก็ใช้คีย์การ์ดสำรองที่เพิ่งขอมาจากเจ้าหน้าที่ดูแลคอนโดเมื่อครู่ เพราะเขาแสดงบัตรประชาชนออกไป พอประตูเปิดความเย็นฉ่ำของเครื่องปรับอากาศที่คาดว่าคงถูกเปิดมาหลายชั่วโมงก็พุ่งปะทะหน้าและผิวกายของทั้งสองทันที
แต่ที่หนาวเหน็บยิ่งกว่าคงเป็นเสียงกรีดร้องของผู้หญิงที่ว่าที่เจ้าบ่าวไม่คิดว่าเขาจะจดจำผิดไป...
แพรวารีแน่นอน...และเสียงคำรามพึงใจของฝ่ายบุรุษนั่นธาดากลับจดจำได้แม่นยิ่งกว่า...นั่นคือบิดาของเขาไม่ผิดแน่...ผู้ชายที่เขาจะลืมเลือนเสียงนั้นไปได้อย่างไร ก็ได้ยินมาตั้งใจเริ่มจำความได้...
...พ่อ!...
มันช่างเป็นความจริงอันแสนเจ็บปวดดังที่คาดกัน อย่างไม่คิดหน้าคิดหลังตามนิสัยบ้าระห่ำมุทะลุเลือดร้อนของนายตำรวจหนุ่มอย่างแดนดนัย เขาไม่รออะไรอีก ไม่อยากเดาอะไรทั้งสิ้น แต่เดินตรงดิ่งไปยังห้องที่เป็นต้นกำเนิดของเสียงระเริงสวาทนั้น แล้วมือแกร่งจึงเอื้อมบิดลูกบิดแล้วผลักประตูเปิดเข้าไปพิสูจน์กันชัดเจนทั้งภาพและเสียงไปเลย
"ไอ้...เฮีย...ธาม...สลัดเป็ดเอ๋ย..."
รองสารวัตรหนุ่มอุทานชื่อเพื่อนสนิท ก่อนจะหันหลังกลับไปมองหน้าของมันว่าตอนนี้จะย่ำแย่เพียงใด กับภาพหนังสดจัดหนักบนเตียงคมชัดทั้งภาพและเสียง จึงกลัวนักว่าในเวลานี้เพื่อนเขาจะเป็นลมล้มทั้งยืนไปแล้วหรือยัง แต่สภาพใบหน้าไร้สีเลือดกับดวงตาหลังเลนส์ใสก็ดูนิ่งค้างราวกับช็อกไปแล้ว ดูไม่อาจจะเอ่ยอะไรออกมาได้แม้เพียงครึ่งคำนั้น บอกได้ว่าธาดานั้นมันเสียใจเจียนจะคลั่งได้แล้วเป็นแน่
...สลัด!...เป็นกู...กูก็ช็อกวะ!...