EP 2. ฉันคือพ่อทูนหัวของเธอ
กุสลา ธมฺมา อกุสลา ธมฺมา อพฺยากตา ธมฺมา…
เสียงพระสงฆ์สวดมนต์ดังกึกก้องไปทั่วทั้งศาลา ปรานต์เปลี่ยนใจไม่เดินเข้าไปภายในงาน แต่ยังคงยืนอยู่ใต้ต้นจามจุรีดังเดิม ทอดมองไปยังโลงศพของอภิรักษ์ผู้เป็นเพื่อนรุ่นพี่ด้วยความสะเทือนใจ
เขาเพิ่งเดินทางกลับเมืองไทยตามคำสั่งของผู้เป็นบิดาเมื่อวาน แล้วข่าวแรกที่เขาได้รับก็คือการจากไปอย่างไม่อาจหวนกลับของ ‘อภิรักษ์’ เพื่อนรุ่นพี่ที่เคารพรักดั่งพี่ชาย
อภิรักษ์เป็นคนดี ขี้เกรงใจ และเพราะความเป็นคนดีจึงทำให้ธุรกิจของเขาล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่า ถึงแม้จะลำบากเข้าตาจนสักเพียงใด แต่อภิรักษ์ก็ไม่เคยเล่าเรื่องทุกข์ใจให้ใครฟัง เขาจึงไม่เคยระแคะระคายเลยว่าเพื่อนรุ่นพี่ตกที่นั่งลำบากถึงเพียงนี้
หากเขารู้...เขาจะไม่ปล่อยให้อภิรักษ์ต้องต่อสู้เพียงลำพังเด็ดขาด
อภิรักษ์ทำงานหามรุ่งหามค่ำแทบไม่ได้พักผ่อน จนท้ายที่สุดก็หลับในขณะขับรถ จึงประสบอุบัติเหตุรถชนเสาไฟฟ้าเสียชีวิตคาที่
“ผมน่าจะกลับมาเร็วกว่านี้...”
ปรานต์ใช้ชีวิตอยู่ที่อเมริกานานกว่าสิบปี ด้วยไม่ลงรอยกับบิดา เพราะท่านเป็นคนเจ้าชู้มักมากในกามและยังเป็นสาเหตุทำให้มารดาของเขาต้องทุกข์ทรมานใจจนฆ่าตัวตาย เขายอมรับว่าเขาทั้งโกรธและผิดหวังในตัวบิดา จึงคิดจะใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นไม่คิดหวนกลับมาเมืองไทยอีกเลย
จนกระทั่งบิดาป่วยหนักและเป็นฝ่ายขอร้องให้เขากลับมาช่วยบริหารโรงแรม ทิฐิของเขาจึงคลายลงเมื่อได้เห็นว่าท่านแก่ชราลงมาก อีกทั้งท่านได้สำนึกผิดกับสิ่งที่ทำไว้กับมารดา ความเสียใจกัดกร่อนหัวใจของท่านเรื่อยมาจนร่างกายผ่ายผอมทรุดโทรมลง
ช่วงเวลาที่ขาดหาย เขาพลาดอะไรไปมากมายเหลือเกิน
“คุณคะ...”
ชายหนุ่มตื่นจากภวังค์ความคิด เมื่อจู่ๆ เด็กสาวในชุดนักเรียนมัธยมปลายก็มาหยุดยืนอยู่ตรงหน้า ใบหน้าของเธอซีดขาว กำลังจ้องมองเขาอย่างหวาดกลัว
เขามองเลยผ่านศีรษะของคนตัวเล็กไป จึงเห็นว่าแขกเหรื่อในศาลาได้ทยอยกลับกันไปเกือบหมดแล้ว
“หนูขอโทษค่ะ แต่หนูไม่มีเงินจริงๆ”
จู่ๆ ปี่แก้วก็ยกมือขึ้นไหว้เขา ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยหยาดน้ำใส ดวงตาบวมช้ำราวกับผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก ปรานต์ขมวดคิ้วมุ่น ไม่เข้าใจสิ่งที่เด็กสาวกำลังพูด
“เธอพูดเรื่องอะไร ฉันไม่เข้าใจ”
คนตัวเล็กกว่าถึงกับสะดุ้ง เมื่อได้ยินเสียงตะคอกห้วนของคนที่ตัวโตกว่าร้อยแปดสิบห้าเซนติเมตร เขามีรูปร่างสูงใหญ่ สวมสูทและแว่นตาสีดำยิ่งทำให้เขาดูน่าหวาดหวั่น
เมื่อเห็นท่าทางตื่นกลัวของเด็กสาว ปรานต์ก็ถึงนิ่วหน้าด้วยความหงุดหงิดตัวเอง
‘บ้าฉิบ! ไอ้ปรานต์แกกำลังทำให้เด็กกลัว!’
เขาเป็นคนตัวใหญ่ เสียงใหญ่ และมีใบหน้าดุ เมื่อเอ่ยถามโดยลืมควบคุมโทนเสียงจึงกลายเป็นตะคอกห้วน ทั้งที่จริงแล้วเขาเพียงแค่เอ่ยถามออกไปโดยไม่ได้คิดอะไรเลย
“หนูไม่มีเงินจริงๆ ค่ะ ช่วงนี้หนูกำลังสอบปลายภาคเพื่อสำเร็จการศึกษา แล้วต้นเดือนหน้าหนูจะไปสมัครงานที่ร้านอาหารแถวบ้านค่ะ หนูจะพยายามเก็บเงินมาคืนคุณ ขอเวลาหนูหน่อยเถอะนะคะ ตอนนี้หนูไม่รู้จะหาเงินจากไหนมาใช้คืนแทนคุณพ่อจริงๆ”
ปี่แก้วพนมมือสั่นเทาไหว้เขา เธอร้องไห้จนตัวโยนแทบทรุดฮวบลงไปกองกับพื้นดิน หัวใจดวงน้อยๆ ไม่อาจตั้งรับปัญหาที่กำลังถาโถมเข้ามาราวกับคลื่นทะเลคลั่ง หนทางในการมีชีวิตของเธอช่างมืดมน ไม่มีแม้เพียงแสงพริบพราวนำทางของหิ่งห้อยตัวน้อย
มือหนาเอื้อมไปจับไหล่บอบบางเอาไว้เพื่อประคองไม่ให้เด็กสาวล้ม แต่เธอกลับสะดุ้งสุดตัวราวกับกลัวว่าเขาจะทำร้าย
‘เกิดอะไรขึ้น! ทำไมลูกสาวของพี่รักษ์ถึงได้น่าสงสารขนาดนี้’
“ฉันไม่ได้มาทวงหนี้ แต่ฉันคือพ่อทูนหัวของเธอ”
เสียงเกือบจะห้วนเอ่ยออกไป ยังผลให้คนตัวเล็กที่เอาแต่ก้มหน้าร้องไห้ ค่อยๆ เงยขึ้นช้าๆ ดวงตากลมโตเบิกโพลง ริมฝีปากเล็กได้รูปอ้าค้างด้วยความตกใจ
“คุณคือ...คุณอาปรานต์เหรอคะ”
ปี่แก้วทวนถามอย่างไม่อยากเชื่อสายตา บิดาเคยบอกว่าเมื่อแรกเกิดเพื่อนสนิทรุ่นน้องที่บิดารักมากเป็นคนช่วยรับขวัญให้ อีกทั้งยังเป็นพ่อทูนหัวของเธออีกด้วย บิดาเล่าเพียงว่าพ่อทูนหัวของเธอชื่อ ‘ปรานต์’ แต่เธอจำอะไรเกี่ยวกับเขาไม่ได้เลย เพราะตอนนั้นเธอเป็นเพียงแค่เด็กทารกที่ไม่รู้ประสา...