ห้างสรรพสินค้าหรูหราที่สุดในกรุงเทพเป็นที่สนใจของเหล่าวัยรุ่นและผู้คนที่มีฐานะมีอันจะกินมากมายมาเลือกเดินที่นี่นับเป็นจุดนัดพบแห่งใหม่ของเหล่าคนทำงานที่จะมาเดินท่องเที่ยวเลือกซื้อสินค้าเเบรนด์เนมแบบไฮเอนด์รวมทั้งมารับประทานอาหารร้านหรูหราราคาเเพงลิบเพื่อให้สมระดับกับฐานะ
หากเป็นปรกติราชาวดีไม่ค่อยได้มาที่นี่แน่นอนเพราะตั้งแต่รู้ว่าฐานะของบิดาซวนเซหล่อนก็ไม่ได้ใช้จ่ายอะไรฟุ่มเฟือยเลย... เสื้อผ้าเนื้อดีแบรนด์เนมที่หล่อนมีก็ตกรุ่นเกือบทั้งหมดแต่หล่อนก็นำมาประยุกต์และแก้ไขการตัดเย็บด้วยตนเองให้ทันสมัยจึงไม่ต้องพึ่งการเดินห้างสรรพสินค้าหรูหราหรือว่าร้านของแบรนด์เนมพวกนี้ถ้าไม่ใช่เพราะหลิงหลิงนัดไว้ที่นี่หล่อนคงไม่ได้ย่างกรายเข้ามา
เพราะยังเป็นผู้หญิงอยู่ทำให้เห็นของสวยๆ งามๆ ล่อตา
ล่อใจหล่อนก็อดอยากได้ไม่ได้หากแต่ซื้อไปแล้วมันคงทำให้หล่อนทุกข์มากกว่าสุขจึงได้แต่เดินชมเทรนด์แฟชั่นไปเรื่อยๆ ไม่ได้ซื้อหาอะไร
“หลิงหลิงนะหลิงหลิงทำไมไม่นัดที่ห้างที่ของมันราคาถูกกว่านี้จะได้พอซื้อหาอะไรได้บ้าง... นี่เล่นห้างพรีเมียมไฮเอนด์ฉันแทบต้องเดินสวมชุดราตรีเข้ามา” หญิงสาวพึมพำคนเดียวเพราะรู้ว่า
หลิงหลิงก็เหมือนหล่อนไม่ได้บ้าแบรนด์เนมมากแต่ก็ใช้ของที่ดีมีคุณภาพใช้ได้นานติดมือให้มาเดินซื้อของทีละคอลเลกชันหรือว่ารอสอยแต่ลิมิเต็ดอิดิชันไม่ใช่สไตล์หล่อนกับเพื่อนแน่ๆ แล้วทำไมเพื่อนหล่อนถึงเลือกที่นี่ราชาวดีก็ยังสงสัยอยู่เหมือนกัน
ราชาวดีเดินผ่านร้านแบรนด์ดังไปถึงสองฟลอร์แล้วหล่อนก็ค้นพบว่าหล่อนไม่ควรเดินเพราะเกิดกิเลสเปล่าๆ อีกอย่างวันพรุ่งนี้หล่อนก็จะเดินทางไปฮ่องกงกับครอบครัวแล้วหล่อนอาจจะได้ชอปปิงสินค้าที่ราคาถูกด้วยกำแพงภาษีที่แตกต่างจากไทยรวมทั้งการที่ฮ่องกงเป็นเจ้าของแบรนด์บางแบรนด์ทำให้ราคาถูกราชาวดีคิดว่าหล่อนรอซื้อตอนไปเที่ยวดีกว่าตอนนี้หล่อนควรนั่งที่ร้านสักร้านเพื่อรอเวลาหลิงหลิงมา...
ร้านชาอังกฤษคือที่ที่ราชาวดีเลือก... ชาวนิลากลิ่นหอมอบอวลพร้อมขนมหวานไม่กี่ชิ้นเพื่อทานรองท้องเพราะออกจากที่ทำงานมาโดยไม่ทานอะไรเลยเมื่อหลิงหลิงจะไปทำงานที่ต่างประเทศถึงครึ่งเดือนจึงนัดเจอหล่อนพอรู้ว่าต่างคนต่างว่างวันนี้มันทำให้หล่อนมาที่นี่อย่างรีบเร่งก่อนจะไม่ได้เจอกันหลายวัน
นั่งลงแล้วหล่อนก็ชะงักนิดหน่อยเมื่อรู้สึกเหมือนมีกลุ่มคนเดินมาทั้งกลุ่มเดินกระแทกกระทั้นเข้ามาที่ร้านรวดเร็วและหนักหน่วงอารมณ์จิบชาอุ่นๆ แบบละเมียดละไมของหล่อนแทบกระเจิง... ไม่แปลกใจที่ผู้มาใหม่ที่จับจองชุดโซฟานิ่มข้างๆ หล่อนนั้นเป็นผู้ชายแถมยังตัวโตกันทุกคนทำให้หล่อนรับรู้ถึงการเคลื่อนไหวเมื่อพวกเขามาทั้งที่พวกเขาเดินเหินเหมือนคนปรกติซ้ำเรียบร้อยระวัง... แต่พื้นของร้านหรือว่าโครงสร้างร้านไม่ได้เหมาะกับการรับน้ำหนักผู้ชายตัวโตๆ ห้าหกคนเหล่านี้...
เห็นแล้วนึกถึงพี่ชายของหลิงหลิงคนพวกนี้ไม่ใช่คนไทย... และพูดกันด้วยภาษากวางตุ้งที่หล่อนคุ้นหูบทสนทนาเกี่ยวกับการติดตามใครสักคนและการกำราบศัตรูที่มาระราน... ชารสนิ่มละมุนรวมทั้งขนมหวานดูเหมือนไม่มีรสขึ้นมาทันใดเมื่อหล่อนได้ยินเข้า
หญิงสาววางถ้วยชาลงแกล้งทำเป็นไม่เข้าใจ... มือไม้เจ้ากรรมพานสั่น... แล้วหล่อนก็สะดุ้งโหยงเมื่อเห็นข้อความเข้าของเพื่อนที่นัดกันไว้เด้งขึ้นพร้อมเสียงเตือนจากสมาร์ทโฟน
หลิงหลิงฉันกำลังต้องการเธอเป็นอย่างมาก... ราชาวดีอุทานในใจ... รีบตอบคำถามของเพื่อนสาวที่ถามว่าหล่อนอยู่ที่ไหนทันทีหัวใจของหล่อนรู้สึกโล่งเอามากๆ ที่เพื่อนจะเข้ามาสักทีเพราะนั่งฟังเรื่องการรบราฆ่าฟันจากหนุ่มจีนหน้าหล่อตัวโตเหล่านี้จนหล่อนกลัวว่าหากพวกเขารู้ว่าหล่อนฟังรู้เรื่องจะฆ่าหล่อนอีกคน...
พวกเขาไม่สนใจราชาวดีด้วยซ้ำแต่หล่อนเกร็งสุดไปเลยใจชื้นเหลือเกินที่ดูเหมือนพวกเขาจะถูกเรียกตัวจากที่ไหนสักแห่งบางคนยังไม่ได้เริ่มจิบชาที่เอามาเสิร์ฟพวกเขาไม่แตะของหวานที่เหมาะกับหน้าหล่อเหลาแบบโหดๆ ของพวกเขาเลยแล้วยังเรียกพนักงานมาวางเงินและบอกเป็นภาษาอังกฤษว่าขอโทษพวกเขาต้องรีบไป...
ราชาวดีลอบมองตามพวกเขาไปจากที่กลั้นหายใจจนเกือบขาดออกซิเจนหล่อนก็หายใจทั่วท้อง... รู้สึกว่าเหงื่อซึมทั้งที่อากาศแสนเย็นฉ่ำ... แต่กระนั้นยังอาจหาญแอบปรายตามองตามไป...ถ้วยชาที่ถูกจิบจนหมดโดยไม่รู้รสในมือหลุดดังแกร๊งกับภาพที่เห็น...
คนพวกนั้นเป็นคนของถังเหว่ยหลง!
ผู้ชายหล่อเหลาแต่หน้าแววตาโหดดุคนนั้นเดินเข้ามาเจอคนกลุ่มนั้นก็ทำความเคารพอย่างยำเกรง... หญิงสาวไม่มีเวลาหยิบถ้วยชาวางลงที่เดิมด้วยซ้ำเมื่อกำลังลุ้นดวงตาเรียวเบิกโพลงเหมือนเห็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกกลางห้างดัง... เพราะไม่ไกลกันนักภพเทพพี่ชายของหลิงหลิงเดินควงนาตาชามาทางที่ถังเหว่ยหลงยืนอยู่...
สองคนนั้นไม่ถูกกันหล่อนจำคำพูดของหลิงหลิงได้... อีกไม่กี่วินาทีพวกเขาต้องเจอกัน... จะเกิดการปะทะกันกลางห้างดังหรือไม่... หากมีการฆ่ากันตายหล่อนต้องถูกกันไปเป็นพยานชีวิตหล่อนย่างเข้าใกล้คนพวกนั้นย่อมไม่ปลอดภัยแน่... หญิงสาวควักกระเป๋าสตางค์ออกมาจ่ายเงินแต่ก็ยังไม่วายเขม้นมองเผื่อว่าเขายิงกันแล้วเล็งปืนมาทางนี้หล่อนจะพอหลบทันได้บ้าง...
แต่หล่อนก็ต้องตกใจกว่าเก่า...
ถังเหว่ยหลงพบและพูดจากันดีกับภพเทพลูกน้องของ
ถังเหว่ยหลงค้อมคำนับพี่ชายของหลิงหลิงนาตาชาสวมชุดเดรส
สีขาวคล้องกระเป๋าแบรนด์เนมฝรั่งเศสสีแดงสดไว้ที่แขนยืนอยู่ท่ามกลางผู้ชายหล่อเหลามาดเท่หล่อนเต็มไปด้วยรอยยิ้มไร้ซึ่งความขลาดกลัว...
หรือว่าสิ่งที่หล่อนคิดมันเวอร์เกินไปราชาวดีบอกกับตัวเอง...
“ฉันจะจินตนาการไปไหนกันนะเขาทำธุรกิจด้วยกัน... เขาจะเจอกันแล้วฆ่ากันได้ไงแค่ผู้หญิงคนเดียวที่เขาแย่งกันอาจไม่ได้ทำให้เขาโกรธก็ได้...” ราชาวดีเห็นท่าทางที่ดีต่อกันของภพเทพและ
ถังเหว่ยหลงแล้วก็เลิกกลัวและตั้งสติแล้วก็นึกขึ้นได้ว่าสายการบินของภพเทพยังตั้งแพ็กเกจร่วมกับโรงแรมในเครือไฟว์ดรากอนของ
ถังเหว่ยหลงหากพวกเขาโกรธกันแบบไม่เผาผีคงได้เกิดเรื่องกันแล้วไม่ยืนทักทายด้วยดีแล้วแยกจากกันไปแบบนั้น...
และสมมติฐานของหล่อนคงจะถูกพิสูจน์ว่าจริงเท็จก็คงต้องรอคำตอบของหลิงหลิง...
เมื่อกลุ่มชายฉกรรจ์ที่เรียกสายตาของสาวๆ ให้มาสนอกสนใจได้อย่างไม่ยากเย็นแยกตัวไปแล้วราชาวดีก็หันมาสนใจที่โต๊ะของหล่อนอีกถ้วยชาที่หลุดจากมือถูกพนักงานเปลี่ยนให้แล้ว... หล่อนยังไม่เรียกเช็กบิลจึงยังนั่งต่อรอหลิงหลิง...
“หนึ่ง... หวัดดีเป็นอะไรทำหน้าแบบนั้นโกรธที่รอฉันนานหรือว่าไม่สบาย” หลิงหลิงแต่งกายโฉบเฉี่ยวด้วยชุดสีดำสนิทเปิดหลังเข้ากันกับสาวๆ ที่แต่งกายสวยสะเด็ดมาเดินที่ห้างสรรพสินค้าอีกนิด... หล่อนแปลกใจเล็กน้อยที่เห็นเจียหย่งเหวินเดินตามหลิงหลิงมาแต่เขายืนอยู่ข้างโต๊ะซึ่งเป็นบริเวณนอกร้านไม่ได้เข้ามานั่ง...
“เจียหย่งเหวินตามพี่ชายฉันมาที่ห้างนี้... แล้วฉันก็แอบตามมาอีกทีเลยนัดเจียหย่งเหวินมาช่วยกัน... วันนี้ฉันจะขอให้เธอช่วยตีนังแนตตี้นั่นให้แตกพ่ายจากพี่ชายของฉัน” หลิงหลิงบอก... “เจียหย่งเหวินเข้ามานั่งที่นี่” หล่อนเรียกเจียหย่งเหวินทำสีหน้าไม่ค่อยเต็มใจ...
“พวกคุณมีเรื่องคุยกัน... ผมคิดว่าผมควรจะเดินตามภพเทพไปห่างๆ”
“ฉันรู้ว่านั่นคือเจ้านายของนาย... นายอยากได้นายหญิงแบบนาตาชาไหม... ถ้าไม่ก็มานั่งคุยกันที่นี่ถ้านายไม่ยอมฉันจะขอ
พี่ภพเทพให้ส่งนายมาเป็นการ์ดของฉันแทน”
แทบไม่ต้องคิด... เจียหย่งเหวินเดินเข้ามานั่งร่วมโต๊ะกับน้องสาวจอมเผด็จการของเจ้านายทันที... เขาไม่อยากเป็นบอดีการ์ดส่วนตัวคุณหนูหลิงหลิงตลอดเวลาเพราะแค่ช่วยอะไรนิดหน่อยเพราะถูกบีบบังคับเขาก็ยังรู้สึกถึงความวุ่นวายของชีวิตการยอมหล่อนในบางเรื่องจึงไม่ต่างกับเป็นการตัดไฟแต่ต้นลม...