ตอนที่สอง 2

1189 Words
“โอโหตั๋วเครื่องบินชั้นธุรกิจเช็คเงินสดเป็นแสนโรงเเรมในเครือไฟว์ดรากอนที่ค่าห้องต่อคืนเเพงกว่าตั๋วเครื่องบินกรุงเทพฯไปยุโรป... มันมากเกินไปหรือเปล่าคะเนี่ยไหนพี่หนึ่งบอกว่าเศรษฐกิจไม่ดีกิจการที่บ้านกำไรน้อยแล้วต้องเอากำไรไปลงทุนต่อเพื่อขยายธุรกิจอาจจะทำให้การเงินของที่บ้านเราขาดสภาพคล่องแล้วทำไม พี่หนึ่งให้สองมากขนาดนี้ล่ะคะ” “จริงๆ แล้วอันนี้พี่ไม่ได้ให้เองหรอกจ้ะ…พี่ไปช่วยงานหลิงหลิง เพื่อนพี่ที่เป็นน้องสาวของเจ้าของสายการบินฮ่องกงซิตี้เเอร์ไลน์เพื่อแลกกับของขวัญที่จะให้สองเกี่ยวกับการบินไปเที่ยวญี่ปุ่น... หลิงหลิง เลยจัดการตั๋วเครื่องบินกับโรงเเรมที่ดีลกันไว้ให้... ตอนเเรกจะให้รถเช่า ด้วยเเต่พี่บอกปฏิเสธไปเพราะน้องสองขับรถไม่เป็นส่วนเงินพ็อกเก็ตมันนี่พี่หลิงหลิงขอให้น้องสองเองเป็นของขวัญที่เรียนจบ” “อู้หูพี่หลิงหลิง... สวยใจดีน่ารักเหลือเกินนะคะ... แต่ที่น่ารักที่สุดคือพี่หนึ่งนี่แหละที่ยอมไปทำงานพิเศษเพื่อมอบของขวัญให้น้องขอบคุณมากนะคะขอบคุณมากจริงๆ” “จ้ะแม่คนขี้อ้อน... ตั๋วเครื่องบินเป็นตั๋วแบบเปลี่ยนเครื่องที่ฮ่องกงนะเพราะฮับของสายการบินอยู่ที่นั่น... แล้วค่อยนั่งเครื่องไปญี่ปุ่น... เราจะเลือกไปเที่ยวฮ่องกงก่อนสักสามสี่วันก็ได้...” ตอนสมัยมัธยมบิดาของหล่อนส่งหล่อนกับน้องสาวไปเรียนที่ฮ่องกงก่อนจะกลับเข้ามาเรียนมหาวิทยาลัยนานาชาติที่เมืองไทย... ชีวิตความเป็นอยู่อาหารการกินที่เกาะฮ่องกงรวมทั้งเพื่อนฝูงก็เป็นอะไรที่ชวนคิดถึงเเละคุ้นเคยอยู่มาก... ขนาดว่าตัวราชาวดีเองไปติดต่อธุรกิจกับบิดาเมื่อไหร่ก็ยังมีเเอบเเวะไปหาเพื่อนที่ฮ่องกงเลยโดยเฉพาะหลิงหลิง ที่ไปๆ มาๆ ไทยฮ่องกงบ่อยเหมือนเธอแล้วก็นัดเจอกันมากที่สุดหากเทียบกับบรรดาเพื่อนในกลุ่มคนอื่น... “ได้เลยค่ะ... เดี๋ยวสองจะแวะไปที่อพาร์ตเมนต์ของเราที่ฮ่องกงสักสองคืนก่อนไปญี่ปุ่น... พี่หนึ่งสัญญาด้วยนะคะว่าต้องไปด้วยกันนะคะนะคะ” หญิงสาวออดอ้อนคนเป็นพี่สาวลำบากใจเพราะว่าการเดินทางเช่นนั้นต้องมีค่าใช้จ่ายเยอะแล้วกำหนดวันเดินทางก็อีกเเค่ห้าวัน... หล่อนมีเงินติดตัวไม่มากนักเพราะที่ทำงานตั้งแต่แรกเข้ามานี่หล่อนไม่เคยได้รับเงินเดือนสักบาทรายได้ที่ติดบัญชีไว้ใช้จ่ายก็มาจากการไปรับจ็อบพิเศษพวกงานเดินแบบและออกอีเวนต์ช่วยเพื่อนๆ ในวงการแต่หล่อนก็ใช้จ่ายอย่างประหยัดมากๆ เพราะว่าไม่อยากรบกวนเรื่องเงินกับบิดาเพราะแค่ระดมทุนใช้จ่ายในบริษัทก็ทำให้ท้อใจวันละหลายหนแล้ว... นับตั้งแต่เกิดวิกฤติมาห้าหกเดือนนี้หล่อนกับบิดาทำงานตัวเป็นเกลียวแต่เหมือนโชคไม่เข้าข้างที่ทำอะไรได้เเค่เสมอทุนหากแต่หนี้นั้นกลับเบ่งบานดอกเบี้ยพอกพูนจนบริษัทจะประสบภาวะหนี้เสีย... ตอนนี้ที่ดินบ้านรถรวมทั้งที่ตั้งบริษัททุกอย่างก็ถูกจำนองกับธนาคารแลกกับเงินเพื่อรักษาสภาพคล่องเพื่อให้บริษัทดำเนินกิจการได้ตามปรกติแม้ประสบภาวะขาดทุน แต่เงินที่เอาไปอุดตรงนั้นสามารถยืดระยะเวลาชำระหนี้ก้อนโตได้อีกเพียงครึ่งเดือนเท่านั้นตอนนี้หล่อนกับบิดาพยายามหาแหล่งเงินกู้วงเงินหลายสิบล้านมาลงทุนใหม่โดยที่ราชาวดีหมายมั่นปั้นมือว่าหล่อนกับน้องจะเข้ามาช่วยบิดาบริหารงานเต็มตัวและเปลี่ยนระบบหลายๆ อย่างในบริษัทให้ประสบภาวะขาดทุนน้อยที่สุดแต่มันก็ขึ้นอยู่กับว่าจะหาเเหล่งเงินกู้ทันหรือไม่ถ้าหากว่าไม่ครอบครัวจะต้องสูญเสียทุกอย่างไปและเริ่มนับหนึ่งใหม่ทั้งหมด... ซึ่งก็ไม่รู้ว่ามันจะออกมาเป็นเช่นไร... หล่อนและบิดาหาคำตอบไม่ได้เลย... “พี่งานยุ่งอาจจะไปไม่ได้น่ะจ้ะ” หญิงสาวบอกน้องสาวเพราะอยากทำงานแม้จะอยากมีช่วงเวลาดีๆ ร่วมกับน้องสาวอยู่ “โธ่พี่หนึ่งขาไปด้วยกันเถอะนะคะพ็อกเก็ตมันนี่นี่เราแบ่งกันก็ได้นี่คะ... สองพอมีเงินเก็บสองอยากให้พี่ไปฮ่องกงด้วยกันเพราะว่าอยากมีพี่สาวที่น่ารักไปเที่ยวด้วยกันในช่วงเวลาดีๆ จริงๆ สองอยากให้พ่อไปด้วยช่วงนี้พ่อทำแต่งานไม่ออกไปเที่ยวไหนเลยไม่ต้องไปถึงญี่ปุ่นก็ได้แค่ไปฮ่องกงด้วยกันสองสามวันอยู่กันพร้อมหน้าบ้างก็คงดีเราไม่มีช่วงเวลาแบบนั้นมานานมากแล้วนะคะ” คำอ้อนวอนของน้องสาวทำให้ราชาวดีอดใจอ่อนไม่ได้... หล่อนพอหาตั๋วเครื่องบินราคาไม่เเพงมากได้เพราะมีโค้ดพิเศษที่เพื่อนสนิทอย่างหลิงหลิงให้ไว้เผื่อว่าอยากจองตั๋วเครื่องบินของ สายการบินฮ่องกงซิตี้เเอร์ไลน์ซึ่งจะได้ส่วนลดพิเศษซึ่งราคาย่อมเยาอีกทั้งยังมีคอนโดมิเนียมที่ฮ่องกงที่บิดาเคยซื้อไว้สมัยที่พวกหล่อนยังเรียนอยู่และท่านบินไปพักที่นั่นยามติดต่อธุรกิจบ่อยๆ มันเป็นสมบัติชิ้นเดียวที่ไม่ได้นำมาจำนองกับธนาคารที่ไทยหล่อนคิดสรตะอยู่พักใหญ่ก่อนจะยอมตกลงกับน้องสาว... “พ่ออาจไม่ว่างไปเที่ยวกับเราต้องลองถามก่อนส่วนพี่ไปเที่ยวด้วยก็ได้พี่พอมีตังค์ติดตัวอยู่พ็อกเก็ตมันนี่น่ะสองเก็บเอาไว้ไปเที่ยวเถอะจ้ะพอไม่พอค่อยบอกพี่นะ...” กรรณิการ์ร้องไชโยดังลั่นจนต้องบอกให้เบาเสียงไม่อย่างนั้นพี่จันดาที่อยู่เรือนข้างล่างคงได้เอ็ดขรมที่ดึกป่านนี้แล้วคุณหนูของนางยังร้องดังลั่นทำอะไรไม่งามเลย “ดีใจจังเลยค่ะ...” กรรณิการ์กอดพี่สาวเเน่น... ท่าทางดีใจและความน่ารักไร้เดียงสาของน้องสาวทำให้คนเป็นพี่อดยิ้มไม่ได้หล่อนกับน้องเสียมารดาไปเมื่อยังอายุไม่เต็มสิบขวบในการเลี้ยงดูของพี่เลี้ยงอย่างจันดาหล่อนสองพี่น้องได้รับการดูแลเป็นอย่างดีรวมทั้งหล่อนสองคนก็วัยไล่เลี่ยกันสนิทกันมากจนน้องสาวยึดหล่อนเป็นหลักแทนมารดาที่เสียไปการที่น้องสาวรักเเละไว้ใจทุกอย่างรวมทั้งเคารพหล่อนมากทำให้หล่อนใจเเข็งกับน้องไม่ลงและมักตามใจน้องสาวอยู่ตลอดเพราะว่าสงสารแต่ว่ากรรณิการ์ก็น่ารักไม่ได้เสียคนให้ต้องลำบากใจอะไรยิ่งทำให้หล่อนรักและตามใจน้องสาวมากๆ ที่หล่อนเป็นเด็กดี...
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD