ผลัวะ!
ประตูห้องถูกผลักเข้ามาสุดแรง ตามด้วยร่างสูงใหญ่ของผู้กำกับมาดเข้ม เขาตีหน้ายุ่งใส่คนที่ยืนอยู่ จับข้อมือหล่อนไว้มั่นแล้วดึงแรงๆ
“ปล่อยนะ!” กฤติการ้องใส่หน้าคนที่กล้ามาแตะเนื้อต้องตัว
“ออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้” ผู้กำกับมาดเข้มสั่งเสียงเขียว ดวงตาดุๆ เขม้นมองนางร้ายดาวรุ่งราวจะกินเลือดกินเนื้อ
“ไม่ไป ฉันจะไม่ไปไหนจนกว่าผู้หญิงคนนี้จะยอมไปโรงพยาบาลกับฉัน!”
“กฤติกา! เธอล้ำเส้นมากไปแล้วนะ!”
“เรื่องของฉัน อย่ามาแส่!” นางร้ายปากดีโต้คืนคนที่บังอาจมาดึงแขนกัน เธอสลัดเขาจนหลุดแล้วจ้องเขม็งไปที่ไหมขวัญ
“ถ้าวันนี้คุณไม่ไปโรงพยาบาล คุณได้เสียใจไปตลอดชีวิตแน่”
ไหมขวัญยักไหล่ไม่ยี่หระ มองตรงไปยังผู้กำกับหนุ่มรุ่นน้อง
“พาเธอออกไป เดี๋ยวนี้”
“ฉันไม่ไป! ว้าย!”
ไม่ร้องได้อย่างไรในเมื่อจู่ๆ ถูกแบกขึ้นบ่า อีตาผู้กำกับจอมป่าเถื่อน ทำกับเธออย่างนี้ได้อย่างไร!
“ปล่อยฉันลงนะ ปล่อย! บ้าไปแล้วเหรอ ปล่อยนะ!!!”
เวหา วัฒนนท์ ขบกรามดังกรอดๆ ถ้าฟาดก้นได้ละก็ เขาคงฟาดไปแล้ว เขาอุ้มหล่อนออกมาไกลพอสมควร ไกลจากห้องแต่งตัวของไหมขวัญ หล่อนเป็นบ้าหรือ ทำไมถึงก่อเรื่องไม่จบไม่สิ้น
“อ๊า! หนัก!” เขาบ่นดังๆ ยามปล่อยร่างอวบอัดของกฤติกาลงพื้น หล่อนดิ้นพราดๆ ไม่ยอมอยู่นิ่งๆ ยิ่งทำให้เขาแบกหล่อนยากมากขึ้นไปอีก
“กรี๊ดดด!!! คนบ้า! คนเลว! มาว่าฉันหนักได้ยังไงฮะ!”
“ก็มันหนักจริงๆ นี่!”
เขาเถียงเสียงดัง ทำเอาทีมงานที่กำลังเซ็ตฉากหันมามองเป็นตาเดียว
“ปากหมาจริงๆ”
“ยัยเด็กคนนี้นี่! พูดให้มันดีๆ หน่อย ยังไงฉันก็อายุมากกว่าเธอนะ”
“เรื่องของคุณสิ อยากเกิดก่อนทำไมล่ะ” บอกเขาแล้วจะก้าวขากลับไปทางเก่า อีกฝ่ายก็ดึงแขนไว้อีก ดึงจริงๆ นะ ดึงแรงด้วยไม่ใช่แค่ดึงให้หยุด “เจ็บ!!”
“ก็อยากให้เจ็บไง เลิกไปรบกวนพี่ไหมได้แล้ว”
“อย่ามายุ่ง เกี่ยวอะไรด้วยฮะ”
“ฉันพูดในสิ่งที่ต้องพูด เธอเลิกทำตัวเป็นเด็กเที่ยวระรานคนอื่นได้แล้ว ปล่อยให้ฉันทำงานอย่างมีความสุขไม่ได้เหรอ”
“ไม่ได้! ตราบใดที่ฉันยังคุยกับเธอไม่รู้เรื่อง ฉันก็จะตามตื๊อตามราวีไปอย่างนี้แหละ คุณปกป้องเธอไม่ได้ตลอดไปหรอกนะ!”
“เธอมันบ้า!”
“ใช่! ฉันรู้ ฉันมันบ้าเหมือนหมานั่นแหละ บ้ามากด้วย อย่ามาใกล้นะ เดี๋ยวแม่กัดไส้ขาดเลย!”
กฤติกาเท้าสะเอวรอเอาเรื่อง และในตอนที่จ้องหน้าเวหานิ่งๆ อีกฝ่ายจึงได้เห็นความผิดปกติ ปลายนิ้วเขาเลื่อนมาที่ปลายคางมน บีบมันเล็กน้อยแล้วเชยขึ้นอีกนิด
“นี่รอยอะไร? ร้องไห้เหรอ”
กฤติกาปัดมือเขาออก อีตานี่ชอบทำงานเกินขอบเขต ทำไมชอบแตะเนื้อต้องตัวเธออยู่เรื่อย
“เรื่องของฉัน!” บอกแล้วใช้หลังมือซับหยาดน้ำตาชื้นๆ บนแก้ม
“ประสาทหรือไง แต่งหน้าเสร็จแล้วจะร้องไห้เพื่อ?”
“คุณสิประสาท ฉันเป็นคนนะไม่ใช่หุ่นยนต์ เวลาเจ็บปวดฉันก็ร้องไห้ได้เหมือนกัน เลิกพูดเหมือนว่าฉันไม่มีหัวใจได้ไหม!”
“ไม่รู้สิ ก็ภาพลักษณ์เธอมันเป็นอย่างนั้นนี่ นางร้ายอย่างเธอก็เป็นนางร้ายวันยังค่ำ เล่นบทอื่นไม่ได้หรอก คนไม่อิน”
“นี่!?”
“หยุด! เลิกเถียงฉันแล้วเตรียมตัวเข้าฉาก เจ๊หวี เจ๊หวี!” เรียกหาช่างแต่งหน้าประจำกอง “พากุ๊กไปแต่งหน้าใหม่อีกรอบซิ หน้าเลอะหมดแล้วเนี่ย!”
กะเทยร่างหมีนามว่าหวี รีบวิ่งสี่คูณร้อยมาหา มือข้างหนึ่งของช่างแต่งหน้ายังถือพัฟค้างอยู่
“คะ!? ผู้กำกับเรียกหวีหรือคะ”
“ใช่ พากุ๊กไปแต่งหน้าใหม่ ให้เสร็จในห้านาที เร็วๆ เลย”
หวีมองมายังกฤติกาอย่างเกรงๆ
“หนูกุ๊กขา ไปเถอะค่ะ ไปแต่งหน้ากันนะคะลูก เจ๊ไม่อยากโดนด่าค่า”
คนถูกแนะหน้าหงิกหน้างอ
“ไม่ถ่งไม่ถ่ายแล้ว ไม่มีอารมณ์”
“หืม?” ผู้กำกับมือทองครางเสียงต่ำ หรี่ตามองคนที่ไม่มีอารมณ์ทำงานแล้วอยากจับหล่อนเหวี่ยงลงคลองให้สมแค้น เขาไม่ลืมหรอกนะว่ากฤติกาทำอะไรไว้กับเขาตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้ทำงานด้วยกัน
“ก็ตามนั้นละค่ะผู้กำกับ ถ่ายชาวบ้านไปก่อนแล้วกัน วันนี้ฉันไม่ถ่าย”
“กฤติกา!”
คนโดนเรียกชื่อลอยหน้าลอยตาใส่ผู้กำกับมือทอง ชาติที่แล้วเธอคงเกิดเป็นหมาแล้วคงมีหมาคู่อริเป็นเขานี่แหละ พอชาตินี้เกิดมาเป็นคนเลยต้องตามมากัดกัน ปกติเธอไม่เคยมีปัญหากับผู้กำกับหรอกนะ ยกเว้นเขานี่แหละ เขาคนเดียว!
“เท่านี้ข่าวเธอยังฉาวไม่พอเหรอ เอาสิ อยากไปก็ไปเลย จบละครเรื่องนี้ถ้าไม่มีคนจ้างก็อย่ามาว่าฉันก็แล้วกัน เข้าใจไหมว่าการไม่มีคนจ้างมันคืออะไร ไม่มีเงินไง เธอชอบไม่ใช่เหรอ เงินน่ะ!”
พอเขาพูดถูกจุด นางร้ายตัวแม่เลยได้แต่ขบปากขบฟัน เธอชอบสิ เงินน่ะ ชอบมากด้วย!
“ไปก็ได้!” คนสวยตอบรับแบบพาลๆ ยอมเดินตามแรงจูงของช่างแต่งหน้าร่างหมี ไม่มีประโยชน์ที่จะทำให้ตัวเองเสียชื่อ นอกเหนือจากข่าวฉาวที่จะได้รับ นั่นคือเงินทองที่จะหดหาย เธอยังต้องการเงิน เงินเยอะๆ ด้วย!
เวหามองตามร่างกฤติกาแล้วส่ายหน้า พระเอกนางเอกไม่มีใครพูดยากสักคน จะมีก็แต่หล่อน แม่นางร้ายนี่แหละ