ห้าปีให้หลัง
กฤติกา นางร้ายเบอร์หนึ่งแห่งวงการบันเทิงไทย เธอหันซ้ายแลขวายามยืนอยู่หน้าห้องแต่งตัวของดารารุ่นใหญ่ เธอจะเข้าไปในห้องนี้ แต่เกรงว่าใครจะมาเห็นเข้า อาจเป็นครั้งที่ร้อยที่เธอมาตามตื๊ออีกฝ่าย แต่จะไม่ทำก็ไม่ได้ ความเป็นความตายมันค้ำคอ
แล้วในที่สุดหญิงสาวหน้าสวยหุ่นอวบอัด ก็ผลักประตูเข้าไปโดยไม่ได้เคาะ
แอ๊ด...
ไหมขวัญ รัชฌา ดาราสาวใหญ่วัยสี่สิบสองผู้เป็นเจ้าของห้อง มองปราดมายังกฤติกาอย่างตำหนิ ช่างแต่งหน้าช่างทำผมที่กำลังเสริมความงามให้หล่อนอยู่ ถูกไล่ออกไปเสีย พวกเขามองผู้มาเยือนอย่างไม่ค่อยพอใจนัก ราวกับว่าอีกฝ่ายกำลังจะมาสร้างความยุ่งยากให้
“แต่เล็กจนโต ก็ไม่เคยมีมารยาท” ไหมขวัญเอ่ยกับดาราสาวที่อายุอานามน้อยกว่าตัวเองกึ่งหนึ่ง เธอรู้ดีว่ากฤติกามาที่นี่ด้วยเรื่องอันใด มันไร้ประโยชน์ที่หล่อนจะมาพูดซ้ำในเรื่องเดิมๆ
“จะให้ทำยังไงล่ะ ก็ไม่มีแม่มาสั่งสอนนี่”
ไหมขวัญตวัดมองกฤติกาในกระจกบานใหญ่ ก่อนจะหันมาเผชิญหน้า
“มีอะไรก็ว่ามา”
“พ่ออาการทรุดอีกแล้ว”
“เดี๋ยวก็ดีขึ้น ห้าปีมานี้ก็ทรงๆ ทรุดๆ ไม่เห็นจะเป็นอะไร” เอ่ยตามความจริง ไม่ใช่ครั้งแรกที่กฤติกามาพูดเรื่องเรื่องนี้ มันไม่เคยสำเร็จหรอก
หญิงสาววัยยี่สิบเอ็ดได้แต่กัดฟันกรอดๆ ทำไมถึงใจร้ายใจดำได้ขนาดนี้นะ
“ขอร้องล่ะ พ่ออยากเจอคุณจริงๆ”
กฤติการ้องขอ เธอพยายามอย่างยิ่งแล้วกับเวลาที่ผ่านมา เธอขอเพียงเวลาไม่กี่นาทีของอีกฝ่ายเท่านั้น ต้องให้จ่ายเงินจ้าง เธอก็ยอม
ไหมขวัญยกยิ้มที่มุมปาก ก่อนจะเอ่ยคำตอบที่เคยเอ่ยมานับครั้งไม่ถ้วน นับตั้งแต่สาวน้อยกฤติกาปรากฏตัวต่อหน้าสื่อเมื่อห้าปีก่อน
“ฉันไม่ไป”
“แต่พ่อกำลังจะตาย! ท่านแค่อยากเจอคุณ แค่ครั้งเดียวจริงๆ”
หยดน้ำตาของกฤติกาเริ่มคลอเบ้า ต้องกำหมัดแน่นๆ ด้วยความแค้นใจ
“ฉัน...ไม่ว่าง” ไหมขวัญตอบกลับด้วยวาจาแสนเย็นชา ไร้ความเห็นอกเห็นใจในวงหน้า ไร้ซึ่งความเมตตาที่ควรมี
นางร้ายหน้าสวยน้ำตาหยดแหมะ ปากสั่นระริก แต่ดวงตาวาววับจับจ้องที่ไหมขวัญอย่างแค้นเคือง
“แม่คะ!?”
“ฉันไม่เคยเป็นแม่ใคร!”
เหมือนยืนอยู่ใต้ตึกที่กำลังถล่มลงมา กฤติกาเจ็บปวดใจเกินจะกล่าว ผู้หญิงตรงหน้านี้เป็นมารดาของเธอเอง มารดาที่สวยสดงดงามราวกับสาวแรกรุ่น ความงามของหล่อนยังปรากฏบนใบหน้าของลูกสาวคนนี้ แต่เจ้าตัวไม่เคยยอมรับมันเลย
“ขอแค่ครั้งเดียว แค่ครั้งเดียว แล้วเรื่องที่หนูเป็นลูกคุณ หนูจะเหยียบให้มิด หนูจะไม่บอกใคร” เธอบอกอย่างรีบรน
“บอกเลยสิ บอกเลย ทุกวันนี้ก็มีข่าวซุบซิบเรื่องเราไม่เว้นแต่ละวัน ถ้าหนูอยากเป็นข่าวฉาวกับฉันก็เชิญเลยสิ ฉันไม่สนหรอก”
กฤติกาเพียงแค่ขู่เท่านั้น เธอรู้ว่าหากเปิดเผยเรื่องนี้ออกไป คงเสียมากกว่าได้ ไหมขวัญคำนวณดูดีแล้วถึงได้กล้าพูดออกมา เธอยังพูดอะไรไม่ได้หรอก ตราบใดที่ไหมขวัญยังไม่ตกลงไปโรงพยาบาล
“ทำไมถึงเป็นแม่ที่ใจร้ายได้ขนาดนี้นะ”
“งั้นเหรอ ไม่รู้สิ พอดีฉันไม่เคยมีลูก” ไหมขวัญยืนยันด้วยมาดอันเรียบเฉย
น้ำตาของนางร้ายเลยได้หยดลงแก้มครั้งแล้วครั้งเล่า แต่เจ้าตัวก็ปาดมันทิ้งแรงๆ บิดาของกฤติกาป่วยด้วยโรคมะเร็งมาหลายปี ตอนนี้ท่านรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล สิ่งเดียวที่บิดาร้องขอ มีเพียงเรื่องนี้เท่านั้น
‘ช่วยบอกไหมขวัญมาหาพ่อที พ่ออยากเจอไหมขวัญ’
เธอไม่รู้เรื่องราวในอดีต บิดาไม่ยอมเล่าอะไรเลย เธอเติบโตมาด้วยความรักที่ท่านมีให้ บ้านใหญ่ราวกับวัง เงินทองมากมาย ข้าวของทุกสิ่งที่อยากได้ เธอมีครบทุกอย่าง ยกเว้นอย่างเดียวคืออ้อมแขนของมารดา เธอไม่เคยมีแม่ แต่เธอรู้ว่าแม่เป็นใคร ทว่าเมื่อเริ่มโตเป็นสาว ธุรกิจของบิดาเริ่มมีปัญหา แล้วไม่นานหลังจากนั้น บ้านหลังใหญ่อย่างกับวังก็หายไป เงินทอง รถหรู ข้าวของเครื่องใช้หลายสิ่งอย่างก็หายไปด้วย เคราะห์ซ้ำเวรกรรมเล่นตลก บิดาของเธอยังตรวจพบว่าเป็นโรคร้าย แล้วในตอนนั้นเองที่เด็กสาววัยสิบหกต้องกลายเป็นหัวหน้าครอบครัว
เธอไม่เคยมาร้องขอความช่วยเหลือจากมารดา ไม่เคยบากหน้ามาขอให้ส่งเสียเล่าเรียน เธอโตมาได้ด้วยลำแข้งเล็กๆ ของตัวเอง เธอขอแค่ตอนนี้ ช่วยไปเยี่ยมบิดาของเธอสักครั้ง ก่อนที่ท่านจะจากไป
“พ่อไปทำผิดอะไรกับคุณนักหนา คุณถึงได้ใจร้ายกับท่านนัก”
ไหมขวัญยิ้มเยาะที่มุมปาก กฤติกาเกลียดรอยยิ้มนั่นเหลือเกิน รอยยิ้มอันน่าเกลียดไม่น่าประดับอยู่บนใบหน้าสวยๆ ของอีกฝ่ายเลย
“ไปถามพ่อเธอสิ ถ้าเขากล้าบอกละนะ”
“แม่!?”
“ออกไป” ไหมขวัญไล่ส่งด้วยวาจาที่ไร้การแสดงอารมณ์ เธอยังมีหลายซีนที่ต้องถ่ายทำ และตอนนี้ยังแต่งหน้าทำผมไม่เสร็จ
“ยังไงวันนี้คุณก็ต้องไปโรงพยาบาล ต้องลักพาตัวคุณไป หนูก็จะทำ”
“หึๆๆ อย่ามาพูดเรื่องตลกนะเด็กน้อย กลับไปทำงานเถอะ ผู้ชายคนนั้นน่ะ เขาไม่ตายง่ายๆ หรอก”
กฤติกากำหมัดอย่างแค้นเคือง ไหมขวัญจะไปรู้อะไร บิดาของเธออาการทรุดมากกว่าทุกคราว ไม่ว่าจะรักษาด้วยวิธีไหนก็ไม่มีทางรอดแล้ว ไม่มีทางแล้วจริงๆ