EP 2/2 หัวใจที่บอบช้ำกับการการะทำของคุณ

1056 Words
เวหามองคนที่กำลังคุกเข่าร้องไห้ ไหล่ของหล่อนสะเทือนสะท้านเพราะแรงสะอื้น เขาไม่เคยเห็นกฤติการ้องไห้มากขนาดนี้มาก่อน หล่อนไม่สนว่าหน้าตาเนื้อตัวจะเป็นเช่นไร ไม่สนว่าน้ำมูกน้ำตาจะทำให้หล่อนดูไม่สวย หล่อนเพียงแค่อยากร้องไห้ให้สมกับความคับข้องหมองใจ เขาไม่รู้จะปลอบหล่อนอย่างไร เขารู้ว่าหล่อนเจ็บปวด แต่พี่ไหมล่ะ พี่ไหม...ก็เจ็บปวดเช่นกัน ฟึ่บ! เสื้อแขนยาวตัวหนึ่งถูกโยนใส่คนที่นั่งอยู่บนพื้น ก่อนที่เจ้าของจะย่อกายลงเพื่อโอบประคองเอาร่างของกฤติกา พาหล่อนเดินไปหาม้านั่งที่อยู่ไม่ไกล หญิงสาวที่กำลังร้องไห้ ไม่รู้สักนิดว่าเขาทำแบบนี้ทำไม แต่เสื้อตัวใหญ่ที่คลุมศีรษะอยู่ ช่วยทำให้เธอร้องไห้ได้มากกว่าที่เป็น เธอไม่ต้องสนว่าใครจะมองมา ไม่ต้องสนว่าจะมีภาพแย่ๆ ไปปรากฏในกล้องของนักข่าว เธอแค่อยากร้องไห้ ร้องให้หนักๆ ให้สมกับความทุกข์ทรมานที่กำลังเผชิญ “นั่งลง” เวหาบอกแล้วดันร่างกฤติกาให้นั่งลง แรกเริ่มนั้นหล่อนขืนร่างเอาไว้ ทว่าไม่อาจทนแรงที่เขาบังคับ เขานั่งลงข้างหล่อน นั่งเงียบๆ ฟังเสียงสะอื้นถี่ๆ ที่ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะจิตวิญญาณของนักแสดง แต่มันคือจิตวิญญาณของความเป็นลูก ลูกที่กำลังสูญเสียบิดาผู้เป็นที่รัก ไม่แปลกที่หล่อนจะร้องไห้คร่ำครวญ เพราะหากเป็นเขา ก็คงทำไม่ต่างจากหล่อนเช่นกัน “เธอเสียใจ ฉันรู้ ฉันเข้าใจเธอ แต่พี่ไหม...” “อย่าพูดชื่อนั้น ได้โปรด...คุณอยากเห็นฉันตายอีกคนเหรอ ฉันไม่อยากได้ยินชื่อนั้น ฉันเกลียด เกลียดที่สุดเลย...ฮึกๆ” พร่ำบอกแล้วใช้หลังมือปาดน้ำตาแรงๆ ยิ่งได้ยินชื่อนั้นน้ำตายิ่งไหลไม่หยุด “เธอมาดี” “ฉันไม่ต้องการ ห้าปีที่ผ่านมาฉันรอผู้หญิงคนนั้นมามากพอแล้ว พ่อฉันไม่ได้ต้องการอะไรเลย ท่านแค่อยากขอโทษเท่านั้น ขอโทษเรื่องอะไรฉันยังไม่รู้ด้วยซ้ำ” เวหากัดริมฝีปาก อยากพูดออกมาในสิ่งที่รู้ แต่ว่า...มันไม่ใช่เรื่องของเขา “มันเป็นเรื่องของผู้ใหญ่” เขาเอ่ยออกไป บางทีก็นึกสงสารกฤติกานะ เหมือนอย่างที่หล่อนว่า มีแต่คนทิ้งหล่อนไปจริงๆ ฟึ่บ! เสื้อตัวใหญ่ที่คลุมศีรษะหล่อนไว้ถูกดึงออกแรงๆ เผยใบหน้าชุ่มน้ำตาของคนที่กำลังร้องไห้ เวหาอยากขำก็ขำไม่ออก อยากมีกระจกให้หล่อนส่องดูสภาพตัวเองเหลือเกิน “ฉันก็เป็นผู้ใหญ่ ฉันไม่ใช่เด็กแล้วนะ บรรลุนิติภาวะแล้วด้วย” “ถ้าเธอโตจริงๆ คงไม่ทำอย่างนั้นกับคนที่มางานศพพ่อตัวเองหรอก ต่อให้เธอเกลียดเขาแค่ไหน แต่อีกฝ่ายก็มาเพราะพ่อของเธอ มาเพราะอยากส่งเขาไปสวรรค์ เธอต้องทำอย่างนั้นกับคนที่หวังดีกับพ่อของตัวเองเหรอ แล้วนี่ก็อีก...” ว่าพลางหยิบชายเสื้อที่คลุมบ่าหล่อนอยู่มาเช็ดถูที่ใต้ตา ด้วยว่ามาสคาร่าของหล่อนเลอะเทอะชนิดที่ว่าถ้าใครมาเจอหล่อนตอนมืดๆ คงคิดว่าเป็นผี มิใช่มนุษย์ “ทำอะไร” “เช็ดไง ใครใช้ให้แต่งหน้า” “เจ๊หวี เจ๊บอกว่าเขียนคิ้วกับปัดมาสคาร่าก็ยังดี รูปจะได้ออกมาไม่น่าเกลียดเกินไป” “แล้วทำไมไม่ใช่มาสคาร่ากันน้ำ เจ๊ลืมหรือไงว่าวันอย่างนี้เธอต้องมีน้ำตา” กฤติกานั่งคิดในสิ่งที่เขาพูด ในขณะที่มือเขาเช็ดที่ใต้ตาของเธอแรงๆ ไม่ได้ทำอย่างอ่อนโยน แต่ทำไมเธอถึงรับรู้ว่าเขากำลังอ่อนโยนนะ เขาสงสารกันใช่ไหม เป็นเพราะความสงสารแน่ๆ “เออ...อย่างนี้ค่อยดูได้หน่อย พอเถอะนะ” “พออะไร” “เธอร้องไห้มากพอแล้ว หักห้ามใจไว้บ้าง พ่อเธอไม่อยู่ แต่เธอยังอยู่บนโลกนี้ เธอต้องทำร้ายตัวเองด้วยการร้องไห้ตลอดเวลาเหรอ กินข้าวกินปลาซะบ้าง งานศพมันไม่ได้จบแค่นี้ อย่างน้อยเธอก็ควรกินอะไรให้มีเรี่ยวแรง” “คุณห่วงฉัน?” เวหาสะดุดลมหายใจ “ฉัน...ทำหน้าที่ผู้กำกับที่ดีไง ถ้าเธอหายเศร้าไวๆ เราจะได้กลับไปถ่ายงานกันต่อ” กฤติกาหน้าเจื่อนในบัดดล เขาต้องพูดอย่างนั้นเพื่อทำร้ายใจเธอเหรอ แค่พูดออกมาว่าห่วง มันเสียฟอร์มนักหรืออย่างไร “บางทีคุณก็เป็นคนดีนะ” “แน่นอน ฉันดีจะตาย แต่บางทีฉันก็ร้ายนะ โดยเฉพาะกับเด็กดื้ออย่างเธอ” “ฉันไม่ใช่เด็ก!” “ชู่ว์...ฉันขี้เกียจเถียงด้วย เธอกลับไปที่ศาลาเถอะ ฉันจะพาพี่...เอ่อ...จะพาผู้หญิงคนนั้นกลับแล้ว” เขาเอ่ยเพียงเท่านั้นแล้วลุกจากไปเงียบๆ แผ่นหลังกว้างใหญ่ของชายที่กำลังเดินห่างออกไป กฤติกาอยากรู้นักว่าเหตุใดจึงไม่สามารถละสายตาไปได้ เธอยังมองเขา กระทั่งเขาเดินเข้าไปในศาลาแล้วประคองพี่ไหมของเขาออกมา เธอลุกจากม้านั่งตัวยาว เดินตรงไปช้าๆ พวกเขาหันมามองเธอ เหมือนกับว่าผู้หญิงคนนั้นกำลังร้องไห้ ช่างสิ จะมามีน้ำตาอะไรตอนนี้ ตั้งแต่วันนี้ไปเธอไม่ต้องหน้าด้านไปอ้อนวอนขอร้องอีกฝ่ายอีกแล้ว เราสองคน...ไม่มีอะไรให้ต้องมาเกี่ยวข้องกันอีกต่อไป! “หนูกุ๊ก เข้าข้างในเถอะ ฟ้าจะมืดแล้ว” เจ๊หวีเดินออกมาเรียก มือข้างหนึ่งคว้าแขนหนูกุ๊ก แต่อีกฝ่ายไม่นำพา กลับขืนกายเอาไว้ เจ๊จึงได้เห็นว่าบนร่างของดาราสาว มีเสื้อตัวใหญ่คลุมไหล่อยู่ เสื้อ...ของเวหา “เขากลับแล้ว พาพี่ไหมออกไปแล้ว” “หนูเห็นแล้วค่ะ เห็นเต็มตาเลย” บอกอย่างนั้นแล้วมองกลุ่มควันที่กำลังพุ่งออกจากปากปล่องเมรุ ก่อนจะหันไปมองคนทั้งสองอีกรอบหนึ่ง “สองคนนั้นดูแลกันดีจัง เป็นญาติกันก็ไม่ใช่”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD