“พี่ไม่ยักรู้ว่าเจ้าของผับแห่งนี้คือรดา เพื่อนพี่บอกว่าเจ้าของผับนี้เป็น...เป็น...เอ่อ”
วรวิชญ์ไม่กล้าพูดคำๆ หนึ่งออกไป เพราะตัวเขาเองก็ไม่อยากเชื่อว่าสาวน้อยที่สดใสในอดีตจะผันตัวเองเป็นแม่เล้า ไม่ต้องคิดให้เปลืองสมองเลยว่า อาชีพแม่เล้าคืออะไร
“เป็นแม่เล้าใช่หรือเปล่าคะ” รดาพูดด้วยรอยยิ้มเจื่อนๆ
“อืม” ชายหนุ่มรับคำในลำคอ
“รดาไม่แคร์หรอกค่ะ ว่าคนภายนอกเขาจะคิดยังไง รดาคิดว่ารดาไม่ทำให้ใครเดือดร้อน แม้ว่าอาชีพนี้จะเป็นอาชีพที่ไม่มีเกียรติ ไร้ซึ่งศักดิ์ศรี ขายร่างกายเพียงเพื่อแลกกับเงิน หากแต่ทางเลือกของคนเรามันต่างกันนะคะ และที่สำคัญเหตุผลก็ต่างกันด้วย”
รดาพูดออกมาจากใจจริง เธอไม่เคยนึกรังเกียจผู้หญิงที่ทำอาชีพนี้เลยสักคน เพราะ เนื้อแท้ของหญิงเหล่านั้นไม่ใช่ต้องการใช้ร่างกายเพื่อแลกกับเงินอย่างเดียว หากแต่ความจำเป็นที่บีบบังคับต่างหาก ทำให้เธอทั้งหลายจำต้องเลือกเดินที่จะทำอาชีพนี้
“เหมือนรดาใช่ไหม ที่มีความจำเป็นต้องทำอาชีพนี้” วรวิชญ์ย้อนถามหญิงในดวงใจของเขา
“ใช่ค่ะ ทางเลือกของรดามีไม่มากนักสำหรับตอนนั้น และตอนนี้ก็เช่นกัน”
“แต่พี่ไม่เคยรังเกียจรดาเลยนะ ตั้งแต่เล็กจนถึงบัดนี้”
เป็นคำพูดที่ซาบซึ้งใจรดาเป็นอย่างมาก น้อยคนนักที่จะคิดแบบนี้ ชายที่เข้ามาพัวพันกับเธอ หวังแต่ร่างกายของเธอเท่านั้น ไม่มีใครเข้ามาด้วยความจริงใจ คงมีแต่อัคคีชายหนุ่มเจ้าของดอกไม้ที่เธอถืออยู่นี่กระมัง เป็นชายคนแรกที่บอกรักเธอ
“พี่วิชญ์ไปนั่งกับเพื่อนเถอะค่ะ เพื่อนคงรอพี่วิชญ์อยู่ รดาก็ต้องไปดูแลลูกค้าท่านอื่นเหมือนกัน”
เธอพูดออกตัวเสียงนุ่มและรอยยิ้มพิมพ์ใจให้กับชายหนุ่ม
“ขากลับพี่ขอคุยอะไรกับรดาหน่อยได้ไหม”
“ได้ค่ะ...บอกกับพนักงานนะคะว่าอยากพบรดา เขาจะมาตามรดาเอง”
วรวิชญ์ยิ้มรับคำพูดของรดา หากแต่ก่อนที่รดาจะก้าวเดินห่างออกไป มือหนาคว้าที่ข้อมือบางของเธอไว้แน่น ดึงรั้งร่างบางให้แนบชิดกับร่างของเขา และทำในสิ่งทุกคนในที่นั้นรวมถึงตัวของรดาไม่คาดคิดมาก่อนว่าวรวิชญ์จะกล้าทำ ปลายจมูกโด่งสวยบรรจงจูบที่แก้มเนียนใสของรดาอย่างแรง สูดดมความหอมเข้าไปในปอด เป็นความหอมที่เขาไม่เคยได้สัมผัสจากหญิงคนไหนมาก่อนในชีวิต แม้รู้ว่าแก้มเนียนใสนี้จะถูกชายมากหน้าหลายตาดอมดมมาแล้วก็ตาม รดารีบเดินออกไปจากตรงนั้นทันที เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ถูกผู้ชายหอมแก้ม
วรวิชญ์มองตามสาวน้อยที่หลงรักจนสุดสายตาโดยไม่รู้ตัวเลยว่ามีสายตาของอัคคีมองดูเหตุการณ์อยู่ตั้งแต่ต้นจนจบ เขาไม่เคยคิดว่าไม่เพียงแต่ยุทธการเท่านั้นที่มาติดพันรดา แม้แต่วรวิชญ์ชายหนุ่มรุ่นน้องที่นารีรัตน์น้องสาวคนเล็กหมายปองไว้ ก็มาติดพันรดาเช่นกัน
“เธอมีอะไรดีรดา ไอ้ต้อมกับไอ้วิชญ์ถึงหลงเธอหัวปักหัวปำ ถ้าเธอทำให้น้องฉันเจ็บเธอต้องเจ็บยิ่งกว่า”
สายตาที่อัคคีมองร่างของรดาเป็นสายตาดุจเปลวไฟ ที่พร้อมจะมอดไหม้ร่างของเธอให้ดับสูญในพริบตา หากแต่คนอย่างอัคคีชอบมองศัตรูของเขาตายอย่างช้าๆ ยิ่งตายทั้งเป็นเขายิ่งชอบ และรอคอยวันนั้นทุกนาทีและทุกลมหายใจ
นารีรัตน์กรีดร้องลั่นบ้านด้วยความขัดใจ เมื่อเธอพยายามติดต่อวรวิชญ์เป็นเวลาหลายชั่วโมง หากแต่หาสำเร็จไม่ เพราะวรวิชญ์ปิดโทรศัพท์ ทำให้เธอไม่สามารถติดต่อเขาได้ ดั่งที่ใจคิดไว้
“เป็นอะไรครับคุณรัตน์ ร้องซะลั่นบ้านเลย”
เอกชัยวิ่งหน้าตาตื่นออกมาจากในครัว เมื่อได้ยินเสียงกรีดร้องของนารีรัตน์ที่ดังก้องไปทั่วบริเวณ
“รัตน์ติดต่อพี่วิชญ์ไม่ได้เลย พี่วิชญ์ปิดมือถือ พี่เอก...รัตน์จะทำยังไงดี” เอกชัยลูกชายของมานะหนึ่งในคนสนิทของอัครา บิดาของอัคคีที่ตอนนี้อยู่ที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เขาส่ายหัวอย่างเบื่อหน่ายกับปัญหาเดิมๆ ของนารีรัตน์ ที่มีอยู่เรื่องเดียว คือผู้ชายที่ชื่อวรวิชญ์
“คุณรัตน์ก็อยู่เฉยๆ รอให้คุณวิชญ์เขาติดต่อมาเองบ้างสิครับ”
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เอกชัยตักเตือนนายจ้างสาว เขาเห็นอาการแบบนี้มาตั้งแต่เด็กจนกระทั่งนารีรัตน์มีอายุยี่สิบห้าปี นิสัยก็ยังเหมือนเดิม
“ถ้ารัตน์รออย่างที่พี่เอกพูด รัตน์คงรอจนแก่ตาย ไม่ได้การแล้ว ต้องออกไปตามหา พี่วิชญ์”
นารีรัตน์พูดอย่างร้อนรน ตั้งท่าจะเดินตรงไปที่รถยนต์ของเธอ หากแต่ร่างหนาของ เอกชัยมาขวางไว้เสียก่อน ทำให้คุณหนูเอาแต่ใจถึงกับตวาดเสียงดัง
“พี่เอกมาขวางรัตน์ทำไม...ถอยไปนะ ถอยไป”
นารีรัตน์ทั้งทุบทั้งผลักร่างหนาให้ออกห่าง หากแต่เรือนร่างดุจดังตึกของเขาหาได้เคลื่อนไหวไปไหนไม่
“คุณรัตน์ใจเย็นๆ ก่อนนะครับ นี่ก็ดึกมากแล้ว จะไปตามหาคุณวิชญ์ที่ไหน...จะออกไปจากบ้านเนี่ย รู้หรือยังว่าจะออกไปไหน”
นารีรัตน์กระทืบเท้าด้วยความขัดใจอีกครั้ง เมื่อได้ยินคำพูดที่นุ่มนวลแต่บาดลึกของเอกชัย ใช่เธอไม่เคยรู้เลยว่า วรวิชญ์ไปไหน ทำอะไรตอนนี้ อยู่กับใคร เพราะทุกครั้งที่โทรฯ ไปถามชายหนุ่มที่ตนหมายปอง คำตอบที่ได้ มันทำให้เธอเจ็บทุกครั้ง
‘จะรู้ไปทำไม ไม่ต้องรู้ดีแล้ว เดี๋ยวก็ตามมาอีกรำคาญ น่าเบื่อ’
“ไม่รู้ล่ะ รัตน์ไม่ได้เจอพี่วิชญ์มาหลายวันแล้วนะ ยังไงวันนี้รัตน์ก็ต้องเจอพี่วิชญ์ ให้ได้”
นารีรัตน์สวมบทคุณหนูเอาแต่ใจอีกครั้ง เป็นตายร้ายดียังไง วันนี้เธอต้องหาวรวิชญ์ให้เจอจงได้
“จะไปหาที่ไหน” เอกชัยถามเสียงเครียด ไม่สบอารมณ์กับนิสัยของเจ้านายสาว
“ไม่รู้ล่ะ พี่เอกต้องช่วยรัตน์ตามหาด้วย ไม่งั้นโกรธร้อยปีอย่ามาดีร้อยชาติ”
หญิงสาวสะบัดใบหน้า ก่อนจะเดินออกไปทางประตูมุขของบ้าน ตรงไปที่รถยนต์ คันหรูของเธอ โดยมีเอกชัยส่ายศีรษะอย่างระอาในนิสัยที่ดื้อด้านของเจ้านายสาว ถ้าไม่ติดที่ว่าเป็นเพียงลูกจ้าง จะจับหวดก้นให้หายดื้อ