กรอด!
เสียงกัดกรามดังลอดออกมาจากริมฝีปากหนาเมื่อจอดรถติดไฟแดงอยู่แล้วสายตาก็ดันไปเห็นหญิงในชุดคลุมท้องกำลังนั่งคุยหัวเราะต่อกระซิกกับชายหนุ่มอยู่ในร้านอาหาร มือหนากำพวงมาลัยแน่นแล้วหักเลี้ยวพวงมาลัยรถออกเลนนอกเพื่อจะไปหาคนที่ตัวเองมองเห็นในร้านอาหาร
เมื่อเลี้ยวรถเข้ามาจอดที่ลานจอดรถของร้านอาหารก็รีบดับเครื่องยนต์แล้วเปิดกระชากประตูรถก้าวขาลงไปยืนข้างรถแล้วปิดกระแทกประตูเต็มแรงเดือดดาล ก่อนจะกดล็อกแล้วเดินสาวเท้าเร็วๆ เข้าไปในร้านอาหารที่มีเป้าหมายของตนนั่งอยู่
แอค!
มือหนากระชากเปิดประตูกระจกแล้วสาวเท้าลงส้นเท้าหนักๆ ตรงไปยังโต๊ะที่อยู่มุมสุดของร้านทันที และพอเดินมาถึงก็เอ่ยวาจาขุ่นเคืองทันที
“หน้าไม่อาย ท้องแก่ใกล้คลอดแล้วยังนัดผู้ชายออกมาข้างนอกอีก” น้ำเสียงห้วนแข็งดังขึ้นทำให้ทั้งสองที่กำลังพูดคุยกันนั้นพากันเบี่ยงเบนสายตาหันมาทางต้นเสียงที่ยืนข้างโต๊ะของตัวเองทันที
“คุณศึก” ชื่อของเขาดังลอดออกมาจากริมฝีปากอวบอิ่มของหญิงท้องแก่ใกล้คลอด ซึ่งอีกแค่เดือนเดียว หล่อนก็จะคลอดลูกแล้ว แล้วทำไมถึงยังนัดผู้ชายชู้ออกมาข้างนอกอีกล่ะ เขาชักไม่แน่ใจแล้วสิว่าเด็กในท้องนั่นเป็นลูกตนหรือลูกไอ้หน้าอ่อนนี้กันแน่
“นึกว่าจำไม่ได้แล้วว่ามีผัว อ้อ...หรือว่ามันกันแน่ที่เป็นพ่อของเด็กในท้องเธอเอม” เสียงทุ้มห้วนดังขึ้นพร้อมกับฉวยข้อมือเล็กฉุดดึงรั้งเธอให้ลุกขึ้นโดยไม่สนว่าเจ้าตัวจะดิ้นขัดขืน และไม่สนใจว่าตอนนี้จะตกเป็นเป้าสายตาของคนในร้านอาหาร
“คุณดูถูกผมกับเอมมากเกินไปแล้วนะครับคุณศึก” เขาทนมานานแล้วกับวาจาดูถูกของชายคนนี้ กี่ครั้งแล้วที่พูดจาทิ่มแทงหัวใจของเอมมิการ์
“พอเถอะน่าน ยังไงซะเขาก็เชื่อไปแล้ว และปล่อยเอมค่ะ” เอมมิการ์เอ่ยบอกเพื่อนสนิทคนเดียวด้วยน้ำเสียงดังแผ่วพร้อมกับบิดข้อมือออกจากอุ้งมือหนาสากกร้านของจับศึก
“หึ! แล้วไม่ให้ฉันคิดได้ยังไงว่าเด็กในท้องเธอมันเป็นลูกฉันหรือลูกไอ้หน้าอ่อนนี่!”
เผียะ!
มือเล็กตวัดใส่หน้าคร้ามเข้มของอีกฝ่ายทันทีด้วยความเหลือทนกับวาจาร้ายกาจของคนโอหังคนนี้ กี่ครั้งแล้วที่เขาพูดจาแบบนี้ กี่ครั้งแล้วที่เธอทน และวันนี้ก็พอกันทีกับความต่ำทางความคิดของจับศึก
“เธอกล้าตบฉันเหรอเอม! เธอกล้าตบฉันเพราะมันเหรอเอม!”
จับศึกลูบแก้มสากตัวเองด้วยความเคืองแค้น ไม่เคยคิดว่าเอมมิการ์จะกล้าตบหน้าตัวเองเพียงเพราะจะปกป้องไอ้หน้าอ่อนนี่
“ทีคุณศึกยังพูดจาดูถูกเราสองคนเลย ทำไมเอมจะตบเรียกสติของคุณศึกไม่ได้คะ”
พูดจบเธอก็คว้าจับกระเป๋าสะพายแล้วเดินหนีทันที โดยไม่สนใจว่าจับศึกจะสาวเท้าตามมา ส่วนน่านก็ได้แต่ยืนมองทั้งสอง เพราะรู้ดีว่าตัวเองเป็นคนนอก ตามไปก็ช่วยอะไรไม่ได้
“หยุดนะเอม! ฉันสั่งให้เธอหยุดไม่ได้ยินรึไง” น้ำเสียงเข้มดังตะโกนจากด้านหลังสั่งให้เธอหยุดเดินหนี แต่ยิ่งเขาสั่ง เธอก็ยิ่งรีบสาวเท้าเดินพาร่างอุ้ยอ้ายตัวเองเดินหนีไปจากคนคิดต่ำอย่างจับศึก
“ไม่ค่ะ” เธอตะโกนตอบพร้อมกับสาวเท้าเดินหน้าต่อเพื่อจะข้ามถนนไปอีกฝั่ง แต่แล้วก็ต้องหยุดชะงักเมื่อถูกคว้าข้อมือเล็กฉุดรั้งไว้จากทางด้านหลังและแน่นอนว่าเขาเดินตามเธอมาทันแล้ว
“ปล่อยเอมค่ะคุณศึก” เธอสะบัดมือเขาออกจากข้อมือเล็กของตนเอง
“เธอไม่มีสิทธิ์มาเดินหนีฉันนะเอม กลับบ้านกับฉัน” เมื่อถูกสะบัดมือจนหลุดก็หมายจะจับมือเธออีกครั้ง แต่ไม่ทันเสียแล้ว ร่างอุ้ยอ้ายได้ก้าวเท้าวิ่งหนีข้ามถนนไปด้วยความรวดเร็ว และในจังหวะนั้นเอง เธอก็ถูกรถยนต์ที่วิ่งทางตรงด้วยความเร็วสูงพุ่งชนเข้าอย่างแรง
เอี๊ยด!
ตุ้บ!
ร่างอวบอิ่มลอยเคว้งไปในอากาศไปตกกระแทกอยู่ในสระน้ำของสวนสาธารณะ
“เอม!”
จับศึกร้องเรียกชื่อของคนที่ลอยบนอากาศไปตกในสระน้ำของสวนสาธารณะอีกฝั่ง เขารีบวิ่งข้ามถนนไปไม่สนใจว่าตอนนี้รถจะวิ่งหรือหยุด เพราะใจของเขามันแทบแตกสลาย เขาเพิ่งรู้ตอนนี้เองว่าเอมมิการ์และลูกสำคัญกับเขาแค่ไหน