เสียงอึกกระทึกครึกโครมดังขึ้น ณ บ้านหลังใหญ่ทางภาคตะวันตกของประเทศ บ้านที่ตั้งอยู่อาณาเขตบริเวณที่ไม่มีผู้คนพลุกพล่าน
ปัง ปัง ปัง!
เสียงซ้อมยิ่งปืนของลูกเจ้าของบ้าน ราชสีห์และเพื่อนอีกสองคน ยืนถือปืนคนละกระบอกพร้อมกับใส่ที่คอบหู เอเจ-เจเจ สองแฝดที่ยืนดูเพื่อนตัวสูงเล็งปลายปืนไปที่เป้า
"ไอ้สิงห์ แม่ง..ยังแม่นเหมือนเดิม" เอเจแฝดพี่เอ่ยชมเพื่อนเมื่อลูกกระสุนตรงเข้ากลางลำของเป้านั้น จนทะลุไป
"ธรรมด๊า! ให้กูหลับตายิงยังได้เลย" พูดแล้วสิงห์ก็ยักไหล่ให้เพื่อน สามหนุ่มพูดคุยกันไปมา จนกระทั่ง
"เรื่องที่พ่อมึงบอกให้เข้ากรุงเทพฯเอาไงวะ มึงจะมีเมียจริงๆเหรอ" เจเจแฝดน้องถามเพื่อนรัก เมื่อรู้มาว่าอีกไม่กี่วันตัวเขาก็ต้องเข้าไปอยู่ในเมืองกรุง เพื่อบริหารงานช่วยอีกคนที่ตัวเขานั้นไม่รู้จักด้วยซ้ำ
"กูหนักใจ มึงอย่าเรียกว่าเมีย กูยังไม่เห็นหน้ามันด้วยซ้ำ ดีไม่ดีปัญญาอ่อนหรือเปล่ายังไม่รู้เลย ถ้าสมองดี จะเอากูไปช่วยทำไม"
พูดแล้วก็เดินมานั่งที่โต๊ะยกเบียร์เย็นๆขึ้นมาดื่ม ไม่อยากจะคิดว่าไอ้หมอนั่นมันจะมีสภาพแบบไหน พ่อก็อะไรอยู่ๆอยากให้ไปอยู่กับเขา
"แล้วมึงจะไปวันไหน" เจเจถามต่อพร้อมกับสาวเท้ามานั่งลงข้างๆเพื่อนปล่อยเอเจซ้อมยิ่งปืนต่อไป
"อีก2วัน"
"ชิบหาย! ไวจังวะ ยังงี้พวกกูก็มาหามึงไม่ได้แล้วสิ" เจเจตกใจได้ยินว่าอีกสองวันเพื่อนก็จะต้องไปอยู่ที่อื่น นั่นหมายความว่าเขาและพี่จะไม่ได้มาซ้อมยิงปืนอีก
"พวกมึงคิดถึงกูก็ไปหาได้ กูไม่ได้ไปต่างประเทศสักหน่อย" มันก็จริงที่สิงห์พูดแบบนั้น ขับรถไม่กี่ชั่วโมงก็ถึงกรุงเทพแล้ว
"นายน้อยครับ นายใหญ่เรียกหาครับ" เสียงลูกน้องในบ้านวิ่งมาบอกยังลูกชายเจ้าของบ้าน ราชสีห์รีบลุกจากเก้าอี้ก่อนจะหันมาบอกเพื่อน
"พวกมึงนั่งรอกูตรงนี้ก่อนนะ" บอกเพื่อนแล้วเขาก็เดินไปยังตัวบ้านทันที อดิศวรพ่อของราชสีห์ ยืนล้วงกระเป๋าอีกมือก็ถือเอกสารอ่าน
"ป๊า..เรียกผมมีอะไร" ราชสีห์ที่เดินตรงเข้ามาไม่พูดพร่ำทำเพลงเอ่ยถามคนเป็นพ่อทันที
"พรุ่งนี้แกต้องเข้ากรุงเทพ" ชายวัย60เอ่ยขึ้นพร้อมกับหันหน้ามามองลูกชาย
"อ้าว!ไหนบอกว่าอีก2วัน ทำไมให้ผมรีบไป" เมื่อพ่อพูดมาแบบนั้น แน่นอนว่าราชสีห์เองก็ตั้งตัวไปทัน ที่เขายอมพ่อก็เพราะพ่อขอร้องเอาโรคภัยไข้เจ็บต่างๆนานามาอ้าง จนตัวเขายอมทำตาม
"ทางนั้นเขาจะเลี้ยงต้อนรับแก แกต้องไปเตรียมตัวอีกอย่างไปรู้จักกับพี่เขาไว้จะได้คุ้นชิน"
ประโยคของพ่อทำเอาราชสีห์คิดหนักหรือว่าต้องให้ไปเตรียมตัวเตรียมใจ ทางนั้นพิการเดินไม่ได้หรืออาจเป็นใบ้หูหนวก
"มัน...เขาหนะ ปกติดีใช่ไหม" น้ำเสียงที่ถามพ่อออกไปดูเป็นกังวลยิ่งนัก
"ก็เหมือนแก่ละ ปกติไหมล่ะ" พูดแล้วพ่อก็เดินจากไปปล่อยราชสีห์ต้องครุ่นคิด เหมือนตัวเขามันก็ปกติทุกอย่าง ก็แค่ชอบผู้ชายด้วยกันเท่านั้น เมื่อได้ยินพ่อบอกมาแบบนั้น แสดงว่าวันนี้เขาต้องเตรียมตัวเข้ากรุงเทพ หลังจากออกมาจากบ้านสิงห์ก็ตรงดิ่งมาที่เพื่อน
"พ่อมึงว่าไงบ้าง" หลังจากเดินออกมาจากบ้านแล้ว เอเจแฝดพี่ก็ก็ถามขึ้น
"กูต้องไปพรุ่งนี้แล้ว แม่ง..บอกจะเลี้ยงต้อนรับ"พูดแล้วก็สะบัดหน้าเพราะความเซ็ง
"ก็แหงแหละ ลูกเขยเข้าบ้านทั้งที เขาต้องเลี้ยงต้อนรับสิวะ" เจเจพูดพลางยิ้มใส่ หมายจะเยาะเย้ยเพื่อนตัวสูง
หลังจากวันที่ป๊าบอกวันนั้น ราชสีห์ก็เข้ามากรุงเทพพร้อมนายอดิศวร ส่วนทางนี้ก็จัดการเตรียมต้อนรับผู้บริหารอีกคน เข้าร่วมบริหารงาน ณ บริษัท เกรียงไกรอินเตอร์ไพรส์ หนุ่มหล่อตัวสูงแต่งตัวดูดี สมฐานะ โดยมีพ่อของเขาจัดเตรียมให้ทุกอย่าง อย่างที่บอกไป ราชสีห์และเหมราชยังไม่เคยเจอหน้ากันสักครั้ง ได้ยินแต่ชื่อ เพราะต่างคนต่างอยู่คนละที่ มีชีวิตที่แตกต่าง คนน้องชอบชีวิตโลดโผน จับไม้ถือปืน ส่วนคนพี่ชอบใช้สมอง ในการทำงาน แน่นอนว่าคนที่ยังไม่เคยเจอกัน แต่ต้องมาอยู่บ้านหลังเดียวกัน มันก็ไม่ค่อยชินนัก เช่นงานวันนี้ทั้งคู่ต้องขึ้นเวทีกล่าวเปิดงานด้วยกัน จึงทำให้ราชสีห์ผู้ไม่เคยชอบงานสังคมประหม่าไม่น้อย
"ชิบหาย!!สคริปต์ยาวยังกะหางว่าวใครจะไปจำได้วะ" เขานั่งบ่นให้กับสคริปต์ตรงโดยมีพ่อนั่งข้างๆกลัวลูกชายตัวดีจะหนีงาน
"ก็แกมันโง่ไง เลยต้องพึ่งทางนั้น" อดิศวรอดที่จะว่าลูกชายไม่ได้ ส่วนราชสีห์ที่ได้ยินพ่อพูดแบบนั้นก็ถึงกับเซ็งทันที
"ผมไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ"
"อย่าไปนานล่ะ" อดิศวรไม่ค่อยไว้ใจลูกชายตัวแสบเท่าไหร่นักเพราะกลัวว่าเขาจะทำให้ขายหน้า
ราชสีห์เดินมาเข้าห้องน้ำอย่างที่บอก ล้างหน้าล้างมือให้สดชื่นแต่เขาไม่รู้เลยว่ามีอีกคนอยู่ในห้องน้ำด้วย
"เหอะ!ผมนี่นะโง่ ป๊ามองคนผิดแล้ว คนที่โง่น่าจะชื่อเหมราชมากกว่า คนห่าอะไรวะไม่มีปัญญาบริหารงานต้องเอาผมมาเกี่ยวข้อง สงสัยสมองจะเท่าสมองกุ้งละมั้ง" ทั้งพูดทั้งล้างมือ สิ้นประโยคก็หัวเราะคริๆ ไม่นานก็มีร่างสูงเดินออกมาจากห้องน้ำแล้วมาหยุดล้างมือข้างๆ พร้อมกับคำพูดที่พูดขึ้น
"ไม่รู้จักเขาดีพอ อย่าตัดสินคนอื่นไปทั่ว" คำพูดของหนุ่มหล่อข้างๆทำเอาราชสีห์ต้องหันมามองแล้วพูดขึ้น
"มึงเป็นใครวะแล้วยุ่งอะไรด้วย กูจะว่าใครมันก็เรื่องของกูป่ะ...เสือก!" พูดแล้วก็ทำหน้าใส่ทันที
"กูก็ไม่ได้ยากยุ่งกับพวกสถุนเท่าไร่หรอก ดูท่าแล้วคงไม่มีสมองจริงๆ คงใช้แต่กำลังแก้ปัญหา" สายตาที่เหมราชมองราชสีห์นั้นมันเหมือนดูถูกเหยียดหยามศักดิ์ศรีไม่น้อย จนตัวราชสีห์ข่มอารมณ์แทบไม่อยู่ สาวเท้าไปประชิดร่างแล้วจับคอเสื้อของอีกคนทันที แต่ก็ยังไม่ได้ทำอะไรลูกน้องนายอดิศวรก็วิ่งมาตามซะก่อน
"นายน้อยครับ นายใหญ่เรียกแล้ว" วินาทีที่ทั้งคู่จ้องตากันจนราชสีห์ต้องยอมปล่อยมือ ก่อนจะไปยังอุตส่าห์ทิ้งท้าย
"ฝากไว้ก่อนเถอะมึง!"
หลังจากเข้ามายังห้องพักเตรียมตัวออกงานแล้ว ฝั่งนายเกรียงไกรก็เข้ามาทันที
"เป็นไงบ้าง งานถูกใจฝั่งนี้ไหม" พ่อของทั้งสองเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่สมัยเรียน ตอนนั้นเคยลั่นวาจาว่าถ้าหากลูกฝั่งไหนเป็นชายหญิง ก็จะให้แต่งงานกัน แต่ด้วยทั้งคู่มีลูกชายทั้งสองคำหมั้นนั้นเกือบยกเลิกจนกระทั่งสองหนุ่มโตเป็นผู้ใหญ่ จึงทำให้รู้ว่าเด็กทั้งสองมันชอบอะไรเหมือนกัน อีกอย่างธุรกิจก็ต้องผนึกกำลังกันให้ยิ่งใหญ่ จึงทำให้เกิดงานครั้งนี้ขึ้น
"ดี กูว่าโอเคไม่มีอะไรขาด ไหนละเหมราชมาหรือยัง" อดิศวรถามนายเกรียงไกรผู้เป็นเพื่อน ส่วนคนลูกก็เอาแต่นั่งเบ้ปากไม่อยากเจอสักนิด
"มาแล้ว เข้าห้องน้ำอยู่ เดี๋ยวก็มา" นายเกรียงไกรหย่อนสะโพกลงนั่งอีกฝั่งของโซฟาในห้องรับรองไม่นานร่างสูงใบหน้าขาวก็เดินเข้ามา พร้อมยกมือไหว้นายอดิศวร ส่วนคนน้องก็เอาแต่ก้มหน้าเล่นมือถือจนกระทั่ง
"เอ้ย!!เงยหน้าทำความรู้จักพี่เขาไว้หน่อย" เสียงกระซิบของพ่อทำเอาราชสีห์ต้องเงยขึ้นมองคนตรงหน้า
"ยินดีที่ได้...เหี้ย!!" ราชสีห์ตกใจเมื่อคนที่ชื่อเหมราชคือคนที่เขาพึ่งจะมีเรื่องในห้องน้ำ จึงสบถคำหยาบต่อหน้าผู้ใหญ่ทันที
"ไอ้ลูกคนนี้..เดี๋ยวปั๊ดสักที"ว่าแล้วนายอดิศวรก็ง้างมือจะตบกะโหลกลูกชายตัวแสบแต่ก็ถูกห้ามไว้เสียก่อน
"หึย!ใจเย็น เอางี้ปล่อยให้เด็กมันทำความรู้จักกันก่อน อ่านทวนสคริปต์ไป ส่วนเราออกไปรอรับแขกด้านนอกดีกว่า"
นายเกรียงไกรพูดแล้วก็ลุกขึ้น พร้อมนายอดิศวรพ่อของทั้งสอง ไม่นานห้องรับแขกก็เหลือแค่สองหนุ่มเท่านั้น คนจอมเนี๊ยบอย่างเหมราชก็นั่งลงแล้วหยิบเอกสารมาอ่าน โดยไม่พูดกับราชสีห์สักนิด
"มาดซะ..ไอ้สัส!!!" ด้วยความปากแจ๋วของคนน้องที่พูดออกมาแต่ไม่ดังมากคนพี่ก็ได้ยิน
"มึงว่าใคร?"เอกสารในมือถูกลดลงพร้อมประโยคคำถาม
"เปล๊า!!"ถึงจะปฏิเสธไปแต่สายตาก็มองมาทางเหมราชจนคนพี่อดที่จะว่าไม่ได้
"ไร้มารยาท สันดานดิบ!"
"โห่!!ขึ้นเลย เล่นกับใครไม่เล่น มาเล่นกับราชสีห์แห่งภาคตะวันตก"พูดแล้วก็ทำท่าทางพับแขนเสื้อสูททันที
"ไอ้เหี้ย!!! ใครตั้งชื่อให้มึงวะ ราชสีห์ ถุยน่าจะชื่อ จิ้งจอก มากกว่า"
"มึงเหอะ เหมราช สัส!! ในวรรณคดี เรื่องไหนวะ กูว่าน่าจะชื่อลูกหนูมากกว่า"
"ไอ้!!...."
"มึงด่ากูสิ กูจับปล้ำนะเว้ย" พูดแล้วราชสีห์ก็ยกยิ้มขึ้นทันที เขาทั้งคู่รู้ดีว่าสถานะที่พ่อของเขาให้อยู่ด้วยกันคืออะไร คงไม่ใช่พี่น้องหรอกนะ เมื่อคนน้องพูดแบบนั้นเหมราชก็เถียงไม่สู้เลยลุกหนีไปทันที ปล่อยให้ราชสีห์ยิ้มอย่างผู้ชนะ
ปล เหมราชคือคนพี่ที่นั่งเก้าอี้ ส่วนราชสีห์คือคนน้องที่นั่งพื้นนะคะ.