“คุณ...” แพรวพิมพ์เดินสะบัดหัวออกมาจากห้องน้ำ หลังจากที่ยืนมึนอยู่พักหนึ่ง ตอนนั่งไม่เห็นจะรู้สึกอะไร แต่พอลุกมาเข้าห้องน้ำเท่านั้นก็รู้สึกว่าตัวเองเริ่มจะไม่ไหว คิดว่าจะขอกลับก่อน
กาจน์ยืนอยู่ตรงนี้ สายตาวาววับของเขาบอกชัดว่าเขาดักรอหล่อน ยังไม่ทันที่จะพูดอะไร เขาก็รัวใส่หล่อนแบบไม่ยั้ง
“เงินที่แม่ฉันส่งเธอมาเรียน เธอคงเอามาผลาญกับเพื่อนไฮโซกลุ่มคลั่งปาร์ตี้นี้หมดสินะ... ท่านพูดให้ฉันเข้าใจมาตลอดว่าเธอเป็นเด็กดีตั้งใจเรียน อย่าไปทำอะไรร้ายแรงจนตำรวจจับได้แล้วให้แม่ต้องไปประกันตัวเชียวล่ะ ไม่อย่างนั้นหน้ากากเด็กเรียบร้อยที่สวมไว้จะหลุดเอาได้”
แทบสร่างเมา... แพรวพิมพ์กัดริมฝีปาก เขาก็รู้จักเพื่อนกลุ่มนี้บ้าง ทำเป็นยกตนข่มไปได้... ใบหน้าเชิดหยิ่งมองเขาอย่างถือดีแม้จะเตือนตัวเองอีกใจหนึ่งว่าเขาเป็นลูกชายของพ่อแม่บุญธรรมหล่อน คงโกรธที่เห็นหล่อนอยู่ในสถานที่อโคจรเช่นนี้ แต่เขาก็ไม่ควรดูถูกหล่อนขนาดนี้ไม่ใช่หรือ...
“ขอบคุณที่คุณกาจน์เตือนค่ะ แต่ว่าวันนี้เราไม่ได้มาในฐานะคนรู้จักกันดังนั้นเราต่างคนต่างอยู่เถอะค่ะ แพรวไม่มีทางทำเรื่องอะไรเสียหายจนคุณแม่คุณไม่สบายใจแน่นอน ไม่ต้องห่วง”
หล่อนบอกเขากลับ
ความเมาแท้ๆ ทำให้หล่อนกล้าปานนั้น ดูรู้ว่าเขาไม่พอใจ ตอนนั้นหล่อนก็ยังไม่ได้สำนึกอะไร พอตอนเช้าของอีกวันที่ได้คุยโทรศัพท์กับกีรติเท่านั้นล่ะ ถึงได้รู้ว่า หล่อนได้เผลอแสดงความเป็นอริกับเขาไปก่อนโดยไม่ได้ตั้งใจ...
“ไปปาร์ตี้กับเพื่อนสนุกไหมล่ะ” กีรติ พงษ์วาณิชย์ ผู้ปกครองที่แพรวพิมพ์รายงานเรืองชีวิตทุกย่างก้าวให้ท่านฟัง ท่านไม่เคยบังคับหรือตีกรอบเรื่องการประพฤติตัวและให้หล่อนได้ใช้ชีวิตภายใต้แง่คิดและการตัดสินใจของตัวเอง ทำให้แพรวพิมพ์กล้าคิดกล้าทำในหลายอย่าง และกล้าเล่าทุกอย่างให้ท่านฟัง แม้แต่เรื่องไปปาร์ตี้เมื่อคืน
“ก็สนุกค่ะ ดื่มไปครึ่งแก้ว มึนจนตอนเช้าเลยค่ะคุณแม่” ไม่กล้าปริปากเล่าเรื่องกาจน์ให้ท่านฟังสักนิดเดียวเพราะท่านชวนคุยเรื่องอื่นไปตามประสาคนชอบโทรหาลูกหาหลาน
“อ้อ.... แม่ยังไม่ได้บอกตากาจน์เลยว่าหนูจะเข้ามาอยู่บ้านวันไหน บอกไว้แค่ว่าจะย้ายเข้าตอนให้คนเตรียมห้องไว้ให้ เสียดายกำหนดวันที่หนูจะมา ตากาจน์ไปต่างประเทศพอดี หนูอยู่บ้านได้เป็นอาทิตย์เลยมั้งถึงจะได้กลับมาเจอกัน เลยยังไม่ได้เจอกันจริงจังสักที” กีรติพูดถึงลูกชาย
แพรวพิมพ์จะอ้าปากบอกแล้วว่าเจอกันแล้ว แต่ท่านก็พูดขึ้นก่อน “หนูแพรวเดี๋ยวแค่นี้ก่อนนะ พ่อเขามาเรียกแม่ไปดูแม่บ้านแพ็กขนมที่จะเอาไปแจกพนักงานที่บริษัท เนี่ย ใครทำก็ไม่ค่อยถูกใจคิดถึงตอนหนูมาช่วยทำตอนปิดเทอมมาก รีบๆ ย้ายเข้าบ้านมาอยู่ด้วยกันได้แล้ว แม่จะได้มีลูกมือเก่งๆ มาช่วยทำขนมแจกลูกน้องคุณเกื้อเขาในงานประชุม โอ๊ย เดี๋ยวพูดอีกก็ยาวไปอีกแม่วางล่ะ ไว้เดี๋ยวค่อยคุยกันใหม่นะจ๊ะ”
วางโทรศัพท์แล้วก็เสยผมลวกๆ ยามที่ต้องใช้ความคิด...
กาจน์ไม่รู้ว่าหล่อนกำลังจะเข้าไปอยู่ในบ้านเขา แต่เขากับหล่อนมีอคติต่อกันเสียแล้ว... แต่ก็ยังดีที่ยังมีเวลาให้หายใจอีกเกือบสองอาทิตย์ถึงจะได้ร่วมชายคากับเขาอย่างจริงจัง...
ไว้ค่อยหาวิธีรับมือเขาหากเขาจะโกรธเกลียดหล่อนขึ้นมา...
ถึงจะบอกกับตัวเองอย่างนั้นแต่แพรวพิมพ์ก็ได้ตกใจที่ได้เจอกับกาจน์ก่อนเวลาที่คาดหมายไปหลายวันเพราะในช่วงบ่ายของวันถัดมานั้นเองที่หล่อนออกไปทานข้าวกับมีนาซึ่งชวนและบอกว่านัดกลุ่มเพื่อนเอาไว้... พอมาถึงก็แทบอยากหยิกเพื่อนสนิทที่เจ้าตัวไม่พูดความจริงว่าอันที่จริงแล้วคนที่หล่อนนัดทานข้าวด้วยคือโมกข์กับกาจน์ไม่ใช่เพื่อนกลุ่มบิวตี้บล็อกเกอร์อย่างที่แพรวพิมพ์เข้าใจแต่แรก ถ้ารู้ว่าเป็นสองหนุ่มตรงหน้ามีหรือหล่อนจะมา
แต่พอไม่ได้ดั่งใจก็ไม่ได้โวยวายเพื่อนที่นั่งทำหน้าเป็นต่อหน้าหนุ่มๆ ทั้งสอง นึกย้อนไปเมื่อเช้าที่มีนาบอกหล่อนเป็นทีเล่นทีจริงว่าจะรีบหาแฟนให้หล่อนจะได้ไม่ต้องไปอยู่บ้านพ่อแม่บุญธรรม เลยคิดว่ามีนากำลังจับคู่ตนให้กับพี่ชายของตัวเองแน่ๆ เพราะเจ้าตัวก็เหมือนเอาเอาอกเอาใจพูดดีกับกาจน์ในขณะที่หล่อนนั่งอึดอัดอยู่
ให้ตาย... มาถึงแล้วถอยหนีไปไหนก็ไม่ได้ ดูสายตาที่กาจน์มองหล่อนเอาเถอะ
หล่อนจึงได้นั่งเกร็งทานอะไรแทบไม่ลง โมกข์ต้องคอยถามบ่อยๆ จนดูเหมือนว่าเขาสนใจหล่อนมาก พลอยต้องอึดอัดกับสายตาดูแคลนของกาจน์ไปอีก...
แพรวพิมพ์คิดว่าน่าจะเป็นกรรมของหล่อนแน่ๆ ที่เกิดมาเป็นคนปากหนักไม่ค่อยพูดอะไรอย่างที่คิดได้ทั้งหมด สุดท้ายก็ทำได้แค่บอกมีนาไปว่าหล่อนจะไม่ยอมไปไหนด้วยอีกหากนัดให้ไปกินข้าวราวกับไปออกเดตคู่กันเช่นนี้อีก...
ในหัวของหล่อนมีแต่สายตาของกาจน์ที่จ้องมองเหมือนไม่พอใจ นี่ถ้าเขากลับมาจากต่างประเทศแล้วเห็นว่าหล่อนเข้าไปอยู่ในบ้านเขา เขาคงไม่ได้รังเกียจหล่อนมากนัก ไว้แพรวพิมพ์จะรีบหาโอกาสขอโทษเขาให้เร็วที่สุดเพื่อที่จะอยู่อย่างปรองดองกันมากกว่าที่จะให้เขาจ้องมองด้วยสายตาเช่นนี้...
หญิงสาวเอาแต่มองสายตาของกาจน์แล้วก็ก้มหน้าก้มตาจนแยกย้ายกันกลับบ้าน โดยที่ไม่รู้เลยว่าระหว่างที่มีนาเอาแต่คุยจ้อกับโมกข์และกาจน์นั้น เพื่อนสาวเองก็ลอบมองหล่อนไม่วางตาเช่นกัน....