ทั้งๆ ที่ฉันก็ไม่ได้เต็มใจจะขึ้นรถมากับอีตาธาม แต่ก็ถูกเขาพามาถึงที่หมายอยู่ดี ฉันเบิกตากว้างเมื่อเห็นอาคารทรงสี่เหลี่ยมรูปทรงยุโรปตรงหน้าภายในรั้วอิฐแดง ก่อนประตูรั้วจะเลื่อนเปิดออกอัตโนมัติทันทีที่รถชะลอเข้ามาใกล้ ความหะรูหะรา (หรูหรา) อลังการนั้นทำให้ฉันต้องหันขวับไปหาคนข้างๆ หมายจะถามว่าที่นี่คือที่ไหน แต่ไม่ทันได้เอ่ยปาก เขาก็โพล่งขึ้นมาก่อน
“บ้านของท่านประธานน่ะ ยังไม่ต้องถามอะไรต่อ เดี๋ยวเข้าไปแล้วจะรู้เองว่าพี่พามาที่นี่ทำไม”
รู้ทันไม่พอยังดักคออีก =_= ฉันจึงได้แต่เงียบ รอรถเคลื่อนตัวเข้าไปเทียบหน้าอาคารอย่างไร้ปากเสียง
คนใช้มากมายออกมาต้อนรับราวกับฉันเป็นแขกคนสำคัญ ก่อนจะเดินนำหน้าฉันกับอีตาธามไปข้างใน กระทั่งหยุดลงยังหน้าห้องหนึ่งถัดจากห้องรับแขกของบ้าน พลันธามก็ว่าขึ้น พลางมองฉันด้วยสายตาเป็นมิตร
“เดี๋ยวพี่จะแนะนำให้น้องอองฟองรู้จักกับคุณหญิงปรางค์นะ ไม่ต้องตื่นเต้นล่ะ ท่านใจดี วางตัวให้เรียบร้อยก็พอ ท่านชอบเด็กมีมารยาท”
ชื่อคุณหญิงปรางค์ที่อีตาเสี่ยธามเอ่ยถึงจนนับครั้งไม่ถ้วนนั้นทำให้ฉันรู้สึกหนักอึ้งขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผลจนบอกไม่ถูก เมื่อประตูห้องเปิดออก ภาพของหญิงวัยกลางคนท่าทางภูมิฐาน นั่งวางมาดนางพญาอยู่บนโซฟาก็ปรากฏสู่สายตา แม้หน้าตาจะดูมีอายุแต่ก็ยังดูดีไม่น้อย ผิวพรรณเต่งตึงแน่นเปรี๊ยะชนิดสาวๆ อย่างฉันยังอาย อย่างว่าแหละ คนรวยซะอย่าง มีเงินเหลือกินเหลือใช้ก็เอาไปทำหน้าได้ ไม่ได้หาเช้ากินค่ำอย่างฉันนี่ = =
“คุณหญิงปรางค์ครับ เด็กที่ให้ไปตามมาแล้วครับ”
สิ้นเสียงธาม คนถูกเรียกก็เหลือบมามองฉันเล็กน้อย สายตาเหมือนจะเป็นมิตรแต่ก็ไม่ค่อยญาติดีเท่าไหร่ แลดูคล้ายจะจับผิดฉันยังไงยังงั้น เล่นเอาฉันตัวแข็งทื่อไปชั่วขณะ ก่อนจะถูกดันหลังให้เดินเข้าไปหาเจ้าของบ้านแล้วถูกกดไหล่ให้นั่งบนโซฟาด้วยฝีมือของอีตาธาม
“เธอสินะละอองฟอง ท่าทางไม่เลวนี่”
คุณหญิงปรางค์ว่า พลางชำเลืองมองหน้าฉัน ในมือถือแฟ้มอันเขื่องที่ธามส่งให้เมื่อครู่ เดาได้ว่าคงจะเป็นข้อมูลเกี่ยวกับตัวฉัน ฉันพยักหน้ารับเล็กน้อย ไม่ทันจะได้พูดอะไร คุณหญิงปรางค์ก็วางแฟ้มลงข้างตัว แล้วเริ่มเข้าเรื่องทันที
“ถ้าอย่างนั้นก็เข้าเรื่องงานของเธอเลยแล้วกัน ...รู้หรือยังว่าทำไมคนอย่างเธอถึงผ่านการคัดเลือกให้มาเป็นติวเตอร์ของลูกชายฉัน”
ส่ายหัวแทนคำตอบทันใด ว่าแต่ไอ้ประเด็นว่าทำไมถึงผ่านการคัดเลือกจากผู้สมัครหลายสิบคนนั้นมันไม่น่าสงสัยเท่าที่พูดว่า ‘คนอย่างเธอ’ เลยนะ คนอย่างฉันมันทำไมกันยะ! = =*
“ฉันคิดว่าเธอคงจะจำได้นะว่าเมื่อวานธามทำอะไรเธอบ้าง เรื่องที่เกิดขึ้นในห้องสัมภาษณ์เมื่อวานนี้ ฉันดูจากกล้องวงจรปิดหมดแล้ว”
“ละ...แล้วมันเกี่ยวอะไรกับที่หนูได้รับคัดเลือกให้เป็นติวเตอร์คะ”
ถึงตรงนี้ฉันรู้สึกอึดอัดไม่น้อย ภาพเหตุการณ์อัปยศอดสูของฉันที่วิ่งไล่จับกับอีตาธามเมื่อวานไหลเวียนเข้ามาในหัวฉับพลัน หันไปมองหน้าคนต้นเหตุก็เห็นว่าเขาอมยิ้มอยู่น้อยๆ ที่เห็นสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกของฉัน ฮึ่ย! ก็ใครจะรู้เล่าว่านอกจากฉันกับหมอนี่แล้วก็ยัยใบเฟิร์นแล้ว จะมีคนรู้เรื่องนี้ชนิดเรียลลิตี้อีกคนนึง -_-*
และคำถามของฉันคงจะใสซื่อเกินไป คุณหญิงปรางค์ถึงได้ส่งสายตาดุๆ มาให้ฉันเล็กน้อย ก่อนจะโอ้อวดสรรพคุณของลูกชายตัวเองเป็นการใหญ่
“เกี่ยวสิ ฉันจะหาติวเตอร์ให้ลูกชายทั้งทีก็ต้องคัดสรรติวเตอร์ที่วางตัวเหมาะสม ที่ธามทำแบบนั้นกับเธอก็เพราะต้องการทดสอบว่าเธอเป็นผู้หญิงเจ้ามารยาหรือเปล่า ฉันจะได้วางใจว่าลูกชายฉันจะปลอดภัยจากเขี้ยวเล็บของพวกนางแมวยั่วสวาทอะไรพวกนี้”
“ละ...แล้วมันเกี่ยวกันยังไง -_-;;” ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีนั่นแหละ คุณหญิงนั่นเลยมองค้อนส่งมาให้ฉันก่อนอธิบายอีกรอบ
“สามีฉันหย่ากับฉันไปอยู่กับติวเตอร์คนเก่าที่ฉันจ้างมาสอนลูกชายตอนเขาอายุได้สิบกว่าขวบ นังนั่นทำครอบครัวฉันพังพินาศเพียงเพราะเห็นว่าสามีฉันมีเงินทองมากมายให้ถลุง ฉันยอมให้นังติวเตอร์นั่นขโมยสามีไปแล้ว ฉันจะไม่ยอมให้ใครหน้าไหนมาพรากลูกชายไปจากฉันอีก นอกจากคนๆ นั้นจะเป็นผู้หญิงที่ฉันเลือกให้เท่านั้น”
แค่นี้ฉันก็เข้าใจคุณหญิงปรางค์ชัดเจนแจ่มแจ้งแดงแจ๋ นี่คำถามฉันไปแทงใจดำอะไรเจ้าหล่อนหรือเปล่าน่ะ ดูสีหน้าเจ้าหล่อนซิน่ะ เปลี่ยนสีเชียว =_=;; แต่ก็พอเข้าใจอยู่นะว่าทำไมถึงได้ดูแปลกๆ ที่แท้ก็กลัวจะถูกผู้หญิงอื่นแย่งผู้ชายที่ตัวเองรักไปอีกนั่นเอง ถึงผู้ชายอีกคนจะเป็นลูกชายก็เถอะนะ
“คุณหญิงปรางค์ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ หนูจะดูแลคุณหนูเป็นอย่างดี” ฉันว่าให้คนตรงหน้าวางใจ คุณหญิงปรางค์พยักหน้ารับแล้วว่า
“อืม หวังว่าเธอคงไม่ซ่อนอะไรไว้ใต้หน้าตาใสซื่อนี่นะ ฉันล่ะกลัวเธอตบะแตกแล้วงาบลูกชายฉันจริงจริ๊งงง แต่ก็นะ ลูกชายฉันทั้งหล่อทั้งรวย ถ้าเธอจะอดใจไม่ไหวก็ไม่แปลก ผู้หญิงอย่างเธอก็ต้องอยากได้เป็นธรรมดา”
อะ...อะไรของยัยป้านี่น่ะ =_=;; พูดชมลูกตัวเองออกมาได้ไม่อายปาก คนรวยนี่หลงตัวเองอย่างนี้กันทุกคนหรือเปล่านะ แล้วไอ้ที่เน้นว่าผู้หญิงอย่างเธอสองรอบสามรอบนี่หมายความว่ายังไงกัน! ตกลงอยากได้ฉันทำงานหรือเปล่าเนี่ยยะ!
“ค่ะ! หนูก็คงไม่มีเวลาไปสนใจลูกชายป้า...เอ้ย! คุณหญิงปรางค์หรอกค่ะ หนูอยากได้งานนี้ก็เพราะเงินเท่านั้น คุณหญิงไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ”
ด้วยความปากไวบวกความหมั่นไส้ ฉันก็สวนพร้อมค้อนปะหลับปะเหลือกกลับทันที ทั้งคุณหญิงปรางค์และธามพากันอึ้งไปเล็กน้อย แต่ฉันไม่สนใจหรอกนะ พอใจก็จ้าง ไม่พอใจก็ไม่ต้องจ้าง ฉันเจอมามากละไอ้พวกพ่อแม่เข้าข้างลูกทุกอย่างเนี่ย เฮอะ! คิดว่าฉันอยากสอนมากนักหรือไง เจอป้าเรื่องมากแบบนี้ ต่อให้เงินเยอะแค่ไหนก็ขอบายเหมือนกันแหละ ที่สำคัญ... ฉันไม่ชอบกินเด็กย่ะ! -_-*
“อย่างนั้นก็ดี เราจะได้มาตกลงเรื่องค่าจ้างกัน” พอตั้งหลักได้ คุณหญิงปรางค์ก็เข้าเรื่องอีกครั้ง
“ค่าสอนชั่วโมงละสองพันบาทใช่มั้ยคะ”
ฉันรีบแทรกขึ้นถามเพื่อความแน่ใจ ขณะที่คุณหญิงปรางค์ก้มหน้าเขียนอะไรบางอย่างขยุกขยิกก่อนเงยหน้าขึ้นสบตาฉัน
“ใช่ วันละสองชั่วโมง จ่ายสดสำหรับค่าติวเข้ม ส่วนนี่เป็นค่าเสียเวลาของเธอที่อุตส่าห์มาพบฉันวันนี้ ต้องการอะไรเพิ่มเติมก็บอกธามได้เลย ฉันจะรับเรื่องจากธามอีกที”
ว่าแล้วก็ยื่นแผ่นกระดาษส่งมาให้ฉัน พอรับมาได้เท่านั้นแหละ ตาฉันแทบถลนออกมาจากเบ้าทันที... จะไม่ให้ถลนได้ไงล่ะ ก็ไอ้กระดาษที่คุณหญิงปรางค์ส่งให้ฉันมันเป็นเช็คเงินสดน่ะสิ! แถมยังจำนวนตั้งห้าหลักอีกต่างหาก! ถ้าเสียเวลาแค่ชั่วโมงเดียวแล้วได้เยอะขนาดนี้ จะเอาไปอีกหลายๆ ชั่วโมงก็ได้ค่า! T^T
“นะ...นี่ให้จริงๆ หรือคะ”
ฉันมือไม้สั่นเป็นเจ้าเข้า เกิดมาเพิ่งเคยได้รับเงินค่าเสียเวลาก้อนโตขนาดนี้เป็นครั้งแรก ถึงจะไม่ได้ดูเยอะมากมายสำหรับบางคน แต่สำหรับฉันนี่ทำงานทั้งเดือนยังเก็บได้ไม่ถึงเลยนะ T.T;;
“ก็บอกแล้วไงว่าเป็นค่าเสียเวลา เธอจะได้เยอะกว่านี้นอกเหนือจากค่าสอนอีกถ้าลูกชายฉันมีพัฒนาการดีขึ้น เรียกว่าเป็นเงินโบนัสแล้วกัน”
ได้ยินเท่านั้นฉันก็ตาวาวทันใด รีบรับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะ ลืมสิ้นซึ่งความหมั่นไส้ก่อนหน้านี้โดยพลัน
“หนูจะทุ่มเทแรงกายแรงใจและจิตวิญญาณเพื่ออบรมสั่งสอนคุณชายน้อยอันเป็นที่รักอย่างสุดความสามารถเลยค่ะ *O*”
ว่าพลางกำมือชูด้วยอารมณ์มาดมั่นอย่างลืมตัว ก่อนจะค่อยๆ ชักมือกลับแล้วหัวเราะเจื่อนๆ กลบเกลื่อนความโลภของตัวเองเมื่อครู่ = =;; สาบานว่าทำไปโดยไม่รู้ตัวจริงๆ ฉันแอบเห็นอีตาธามหลุดขำฉันน้อยๆ ด้วยล่ะ
“หวังว่าจะเป็นอย่างนั้น แต่เอาเถอะ นอกจากเรื่องค่าสอนแล้ว ฉันยังมีเงื่อนไขอีกอย่างที่เธอต้องรับรู้ไว้”
“เงื่อนไขอะไรคะ”
คุณหญิงปรางค์ไม่ตอบทันที หันไปกระดิกนิ้วเรียกธามให้เอาเอกสารบางอย่างมากางลงบนโต๊ะรับแขก แล้วคว้าปากกาเซ็นลงไป ก่อนกลับมานั่งท่าเดิมแล้วเริ่มพูดอีกครั้ง
“เงื่อนไขก็คือ ตลอดระยะเวลาที่เธอติวลูกชายฉัน เธอห้ามกระทำการใดๆ ที่เป็นไปในลักษณะยั่วยวนหรือเชิงชู้สาวกับลูกชายฉันเป็นอันขาด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ห้ามตกหลุมรักลูกชายฉัน หรือทำให้ลูกชายฉันตกหลุมรัก หรือห้ามยกเลิกสัญญาจนกว่าจะครบหนึ่งปี ไม่เช่นนั้นถือว่าเธอละเมิดเงื่อนไข ต้องเสียค่าปรับเป็นสิบเท่าจากจำนวนเงินทั้งหมดที่ฉันจ่ายให้เธอไป ส่วนกระดาษแผ่นนี้เป็นสัญญาว่าจ้าง ถ้าเธอคิดว่าทำตามเงื่อนไขของฉันได้ก็เซ็นยอมรับซะ ถ้าทำไม่ได้ ฉันก็คงต้องหาติวเตอร์ใหม่อีกครั้ง”
คุณหญิงปรางค์ว่าพลางเลื่อนสัญญาพร้อมปากกามาตรงหน้าฉัน ฉันได้แต่มองกระดาษแผ่นนั้นสลับกับใบหน้าของนายจ้างอย่างอึ้งๆ
นะ...นี่เว่อร์กันถึงขนาดนี้เลยเรอะ!! =O=;;
แต่ก็นะ จะว่าไปแล้วเงื่อนไขมันก็ไม่ได้เลวร้ายหรือยากเสียจนทำไม่ได้เสียหน่อย แล้วฉันก็มั่นใจมากด้วยว่าไม่มีทางตกหลุมรักลูกชายยัยป้านี่แน่ๆ ก็อย่างที่บอก ฉันไม่ชอบคนอายุน้อยกว่า แล้วก็มีจรรยาบรรณมากพอที่จะไม่กินนักเรียนของตัวเองด้วย ที่สำคัญ งานสบายรายได้ดีแบบนี้จะหาที่ไหนได้อีก! =.,= ฉะนั้นฉันจึงแทบไม่ต้องใช้เวลามากมายในการตัดสินใจ คว้าปากกาเซ็นแกร๊กลงไปทันที