“เธอ เธอ”
ฉันรู้สึกว่าเจ็บจี๊ดที่แก้มราวกับถูกตบ จึงค่อย ๆ ปรือตาขึ้นมา ใบหน้าคมคายอยู่ห่างจากใบหน้าของฉันไม่กี่เซน ด้วยความตกใจจึงเอามือดันใบหน้าหล่อเหลานั้นให้ออกห่าง
“ไม่เห็นเจ็บ” ฉันลูบเนื้อตัวตัวเองแล้วไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดจากอุบัติเหตุเลยสักนิด หรือว่าฉันหลับไปนานหลายวันจนรักษาหายแล้ว
“ทำไมต้องเจ็บ?”
ฉันหันไปหาต้นเสียงที่เอ่ยถาม ไล่สายตามองเขาตั้งแต่หัวจดเท้า การแต่งกายไม่น่าใช่หมอ น่าจะเป็นพวกนักธุรกิจ อีกฝ่ายเองก็ไล่สายตามองฉัน คิ้วหนาของเขาย่นเข้าหากันราวกับงุนงงมากเหลือเกิน
“เธอเป็นบ้าอะไร” เขาถาม ฉันไม่ได้ให้คำตอบและกวาดตามองรอบ ๆ ห้องที่ตัวเองกำลังนอนอยู่ การตกแต่งแบบนี้แน่นอนว่าไม่ใช่โรงพยาบาล
“คุณคือคนขับรถพ่วงใช่ไหม”
“ฉันขับรถพ่วง?” เขาชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง
“คุณกลัวความผิดก็เลยแอบอุ้มฉันออกมารักษาเองใช่ไหม”
“เลิกไร้สาระแล้วรีบอาบน้ำซะ”
ทำไมเขาพูดเหมือนกับว่าฉันอยู่ที่นี่มาตลอด ฉันก้าวขาลงจากเตียงแล้วมองหาห้องน้ำ เมื่อพบก็รีบเดินผ่านชายคนนั้นไป
“กรี๊ดดดด”
“อะไร!?” ไอ้หน้าหล่อแต่เก๊กดุวิ่งพรวดเข้ามาในห้องน้ำ
“อีนี่เป็นใคร” ฉันชี้นิ้วไปที่กระจก นี่ไม่ใช่ฉัน! ไม่มีส่วนไหนที่เป็นฉันเลย คิ้วสวยเป็นทรงโดยที่ไม่ต้องเขียน ดวงตาคู่สวย จมูกโด่งมาก และปากก็เรียวเล็กน่าจุ๊บเป็นที่สุด
เมื่อก่อนไม่ได้สวยขนาดนี้!
“เพียงรัก ฉันชักจะหงุดหงิดกับเธอแล้วนะ เธอคิดว่าฉันว่างมากจนต้องมาฟังเธอพูดอะไรบ้า ๆ แบบนี้เหรอ”
เพียงรัก…ก็ชื่อฉันนี่ แต่หน้าตาและรูปร่างนี่มันไม่ใช่ฉันไง ฉันจับแก้มป่อง ๆ แล้วบีบแรง ๆ หน้าตาพลันเหยเกด้วยความเจ็บ แน่นอนว่าไม่ได้ฝัน
“คุณศัลยกรรมหน้าฉันเหรอ”
“รำคาญ!” เขาพูดด้วยความหงุดหงิด เดินออกจากห้องน้ำแล้วปิดประตูดังปัง!
ฉันยืนส่องกระจกแล้วหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้ ก็เลยเปิดประตูแล้วรีบเดินออกไป ไม่รู้ว่าชายคนนั้นไปทางไหน เขาหายตัวไวจริง ๆ
บ้านหลังนี้หลังใหญ่มาก ไม่ต่างกับคฤหาสน์ที่ได้เห็นในละครเลยละ ฉันมองสำรวจจนไม่ทันได้เห็นว่ามีคนมาขวางอยู่
“คุณเพียงคะ!”
ได้ยินเสียงจึงชะงักแล้วมองตรงหน้า ผู้หญิงที่พูดกับฉันอายุน่าจะราว ๆ 30 เธออยู่ในชุดเสื้อคอบัวสีขาวแขนตุ๊กตาเข้าคู่กับกางเกงขายาวสีกรมท่า ในมือมีถาดที่วางแก้วน้ำชาไว้อยู่ เธอวางที่โต๊ะใกล้ ๆ
“คนใช้เหรอ” ฉันถาม
“ใช่ค่ะ ทำไมคุณเพียงถามอย่างนั้นล่ะคะ” อีกฝ่ายเกาหัวตัวเองแกรก ๆ ด้วยความงุนงง “แล้วทำไมยังไม่อาบน้ำอีกล่ะคะ พี่กำลังจะเอาชาเข้าไปให้เลยค่ะ”
“ฉันไม่ดื่มชา แล้วนี่เจ้าของบ้านไปไหน” ฉันถามกลับไป ฉันอยากพบไอ้หน้าหล่อนั่นอีกครั้ง อยากถามให้รู้เรื่องว่าตลอดเวลาที่ฉันหลับไป เขาทำอะไรกับฉัน ถึงได้เปลี่ยนไปขนาดนี้
“มาพอดีค่ะ” เธอมองไปทางด้านหลัง ประตูห้องที่ฉันเพิ่งเดินผ่านมาถูกเปิดออก
“มายืนทำอะไรตรงนี้” เสียงทุ้มเอ่ยถาม เจ้าตัวสืบเท้าก้าวเข้ามาช้า ๆ จนถึงตัวฉัน
“ตอนที่ฉันหลับไป คุณทำอะไรฉัน”
“สภาพเธอน่าทำอะไรด้วยเหรอ”
ดวงตาของฉันพลันเบิกโพลง อ้าปากค้าง คิดคำพูดไม่ออก ได้แต่อึ้งกับคำพูดและสายตาเหยียดหยามที่อีกฝ่ายมอบให้
“ฉันหมายถึงว่า หลังจากที่รถชนแล้ว คุณเอาฉันไปรักษาที่ไหน หน้าฉันเละจนต้องศัลยกรรมเลยใช่ไหม”
“รถชนอะไรของเธอ ไปเช็กสมองบ้างนะ ถ้าไม่มีเงินก็บอกจะออกให้เอง”
“บ้านฉันก็รวยย่ะ! พาฉันกลับบ้านเดี๋ยวนี้!” ชักจะดูถูกกันมากไปหน่อยแล้ว
“ถ้ารวยจริงจะมาแต่งงานกับฉันเหรอ พ่อเธอน่ะไม่มีเงินใช้หนี้จนบ้านถูกยึด จะให้ฉันไปส่งเธอที่ไหนมิทราบ” เขากอดอกแล้วมองฉันราวกับฉันต้อยต่ำมากในสายตาเขา ยิ่งตอนที่เขาเอาลิ้นดุนกระพุ้งแก้ม ฉันก็ยิ่งอยากจะแว้ดใส่เขา เพียงแต่ตอนนี้ยังงงอยู่ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนี่คืออะไร
ฉันแต่งงานกับไอ้หน้าหล่อ
บ้านฉันถูกยึด
นี่ฉันต้องหลับไปกี่ปี ทุกอย่างถึงเป็นแบบนี้ได้
“คุณเวลล์คะ คุณปูมาหาค่ะ”
“อะไรนะ” ฉันหันไปถามแม่บ้านอีกคนที่เพิ่งเดินเข้ามา คนนี้วัยกลางคนแล้ว
แม่บ้านเบ้ปากใส่ฉันแล้วไม่ตอบคำถาม แถมยังเข้าไปฉุดแขนไอ้หน้าหล่อให้ลงไปด้วยกันอีกด้วย
คุณเวลล์ คุณปู ชื่อเหมือนตัวละครในนิยายที่ฉันอ่านเลย…
ฉันมองตามแผ่นหลังของสองคนนั้นจนสุดสายตา แล้วหันมามองอีกคนที่ยืนอยู่ด้วยกัน แววตาของเธอคล้ายกับเห็นใจที่ฉันสติไม่ดี
“พี่ลิ้นจี่…” ฉันลองเรียกดู
“คะ?”
“เป๊ะเลย” นี่มันในนิยายเรื่องที่ฉันรออ่านอยู่ชัด ๆ แล้วฉันมาอยู่ในนี้ได้อย่างไร ฉันหันหลังให้พี่ลิ้นจี่เพื่อที่จะเดินกลับมายังห้องที่ตัวเองเดินออกมา
หัวใจของฉันสั่นไหวรุนแรงเมื่อคิดคำตอบให้ตัวเองได้ ก่อนที่หยดน้ำสีใสจะไหลร่วงลงมาจากดวงตา
ฉันตายแล้วเหรอ…
“ฮึก” กลั้นสะอื้นเอาไว้ให้มากที่สุด แต่ก็ยังส่งเสียงออกมา
“คุณเพียงเป็นอะไรคะ” พี่ลิ้นจี่เดินอ้อมมายืนตรงหน้าฉัน สีหน้าของเธอบ่งบอกถึงความตกใจที่เห็นฉันร้องไห้แบบนี้
ฉันร้องไห้โฮอย่างไม่อาจกลั้น จะไม่ได้เจอพ่อแม่และน้องชายแล้วเหรอ ไหนจะเพื่อน ๆ อีก ระบายความเสียใจออกมาโดยที่พี่ลิ้นจี่คอยปลอบ
“คุณเพียงอย่าคิดมากเลยนะคะ ปล่อยให้เป็นไปตามที่ชะตากำหนดไว้ค่ะ” ฉันคิดว่าพี่ลิ้นจี่น่าจะคิดว่าฉันเสียใจเรื่องคุณเวลล์ แต่คำพูดของเธอก็พอจะทำให้ฉันรู้สึกดีขึ้นมาบ้าง
“รัก…เพียงไปอาบน้ำก่อนนะคะ” เกือบแทนตัวเองในแบบเดิม แต่นี่ฉันไม่ได้อยู่ในร่างตัวเองแล้ว ก็คงต้องปรับตัวเป็น ‘เพียง เพียงรัก’ ให้ได้