บทที่6
“เฮ้! ยายณี ทำไมไม่บอกพี่เค้าล่ะว่าพวกเราไปงานฉลองส่งท้ายที่เรียนจบกันน่ะ แล้วอีกอย่างไม่ใช้แค่เราสองคนนะ เพื่อนที่รออยู่อีกสิบกว่าคน พี่ธิปจะไหวเหรอ..."
มนธิรากระซิบข้างหูเพื่อนรักที่ปิดปากหัวเราะชอบใจ ไม่ยักรู้ว่าเพื่อนรักตัวเองชอบแกล้งพี่ชายตัวเองแบบนี้ คิดแล้วส่ายหน้าไปมา
แม้จะรู้ว่าสิ่งที่เพื่อนรักเธอกำลังกลัวอยู่ มันก็แค่ จิ๊บๆ "เหอะน่า...ไม่ต้องกลัว พี่ชายฉันเงินเยอะ นี่ก็จะเริ่มทำงานต่อจากพ่อแล้วละ ตำแหน่งเสี่ย อนาธิป ธนเกียรติ รออยู่ตรงหน้าแล้ว" สีหน้าชื่นชมพี่ชายมีอยู่เต็มใบหน้า ทำให้ มนธิราคร้านจะเถียง
"เฮ้ เฮ้ น้องฉันเที่ยวบาร์แล้วหรือนี่ พ่อแม่รู้หรือยังเนี่ย" เมื่อแน่ใจว่าไม่ใช่ร้านอาหารอย่างที่คิดไว้ ชายหนุ่มถึงกับอ้าแขนขวางทางเดินทันที
“มองไม่ดีเลยนะ ที่ผู้หญิงจะเข้ามาในที่แบบนี้"
ชายหนุ่มอดที่จะต่อว่าไม่ได้ ส่งสายตาตำหนิไปยังน้องสาวอย่างจริงจัง แต่ชายหนุ่มไม่คิดจะส่งสายตาตำหนิไปยังผู้หญิงอีกคน เพราะเข้ารู้และแน่ใจว่าไม่ใช่ความคิดของมนธิราแน่...
เมื่อโดนสายตาตำหนิจริงจังของพี่ชาย สาวสวยก็อดที่จะเถียงไม่ได้ "พี่คะ น้องโตพอที่จะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร และตอนนี้มันก็เป็นกลางวันอยู่นะคะ พี่อย่าคิดมากสิ" ว่าไป ก็ดึงเพื่อนรักที่ยืนนิ่งเหมือนจะเห็นด้วยกับคำพูดของพี่ชาย
ไหนเพื่อนรักของเราหัวอ่อนเสียด้วยสิ...
ธาริณีเลื่อนมือโอบเอวเพื่อนรักแล้วกระแทกพี่ชายที่ยืนกั้นทางด้านหน้าไปเบาๆ แล้วเดินฉับๆเข้าด้านในทันที ปล่อยให้พี่ชายยืนอึ้งเหมือนเห็นผีตอนกลางวันไปพักหนึ่ง
“ยายณี งานนี้ต้องเป็นความคิดเธอแน่ๆ"
นิสัยห้าว ๆของน้องสาวทำให้พี่ชายมั่นใจอย่างนั้น จนอยู่สึกอึดอัดแก้ไขไม่ได้ ก็ได้แต่ยกมือขึ้นเกาศีรษะตัวเอง เหนื่อยหน่ายกับความดื้อรั้นของน้องสาวสุดสวยคนเดียวของตัวเอง
เมื่อห้ามไม่ได้ก็เข้าไปร่วมดูเหตุการณ์ก็แล้วกัน...ชายหนุ่มยกยิ้ม
เพราะรู้จักนิสัยห้าวๆ ไม่กลัวอะไร ผิดกับมนธิราที่เป็นคนเงียบๆ เงียบจนบางทีเขาเองก็นึกสงสัยว่าเธอคงมีเรื่องอะไรไม่สบายใจอย่างหนักอยู่เป็นแน่ แต่ก็ไม่อยากถามและก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของเพื่อนน้องสาวมากนัก และจนวันนี้สีหน้าของผู้หญิงคนนั้นก็ยังเหมือนเดิม เหมือนเมื่อหลายปีก่อน
ภายในร้านที่ตกแต่งไว้ค่อนข้างอับ ไม่มีหน้าต่างเหมือนร้านอาหารทั่วไป เสียงเพลงฟังขับกล่อมเบาๆ ภายในร้านทำให้ไม่รู้สึกอึดอัด อื้ออึงจนเกินไป
“เฮ้!! ทางนี้ยายณี ยายบี" เสียงตะโกนเรียกชื่อ ส่งเสียงดังบวกกับอาการโบกมือของเพื่อนๆ ทำให้คนเข้ามาใหม่ไม่ต้องเสียเวลาเดินหา
สายตาหนุ่มสาวหลายคู่ที่มองเลยไปยังชายหนุ่มที่เดินตามหลังหญิงสาวมาติดๆ บอกให้รู้ว่าหนุ่มหล่อคนนี้คงมาด้วยกัน
"ยายณี นั่นแฟนแกหรือวะ หล่อไม่เบา" เสียงแหลมเล็กตะโกนได้ยินชัดเจน เผื่อไปถึงคนรอบข้าง
"เฮ้ย! ไม่ใช่" ถามมาเร็ว ตอบเร็วกลับไปทันที
สาวสวยในชุดเดรสเปิดไหล่อุทาน “อ้าว! ไม่ใช่แฟนแก ก็แฟนยายบีน่ะสิ” เสียงเดิมคนเดิมถามกลับ เหมือนกลัวว่าใครจะชิงถามเสียก่อน นัยน์ตาเบิกกว้างอย่างคอยลุ้น
ทั้งสามอึ้งไม่คิดว่าเพื่อนกลุ่มเดียวกันจะถามเวอร์จนตอบรับไม่ทัน แล้วเสียงพูดก็ดังขึ้นพร้อมๆ กันหลายเสียง แต่มีจุดประสงค์เดียวกัน นั่นคือผู้ชายคนที่เดินมาด้วยเป็นใครกันแน่?
“ไปกันใหญ่แล้วยายฟาง นี่มันพี่ชายฉันย่ะ จำไม่ได้หรือไง แกก็เคยเจอมาแล้วไม่ใช่หรือ?” เสียงตอบอย่างเหนื่อยหน่าย ว่าแล้วที่ไม่อยากให้พี่ชายมาด้วยก็เพราะแบบนี้แหละ...ส่ายหน้าไปมา
“เออ...จริงด้วยว่ะ แต่นั่นมันก็หลายปีแล้ว แต่ตอนนี้หล่อ...จีบได้ป่ะ" เสียงเพื่อนสาวที่ชื่อฟางในชุดหวานแขนกุดสั้นเลยเข่า นั่งไขว้ขาพาดโชว์เรียวขาขาวเห็นมาแต่ไกล เอ่ยทีเล่นทีจริงมองสายตาหวานเยิ้ม
ธาริณี ต้องรีบกันท่าเอาไว้ " ไม่ได้! ฉันมีคนหมายตาไว้แล้ว ที่จะมาเป็นพี่สะใภ้ฉัน" แล้วเหล่ตาไปยังเพื่อนที่ยืนอยู่ใกล้อย่างทีเล่นทีจริงเช่นกัน
“ว้า...” เพื่อนหญิงที่ชื่อฟางครางเสียงออกมาเบาๆ ทำหน้าเสียดาย
การกระทำของธาริณีที่พูดพลางหันมองไปยังเพื่อนรักนั้น คนที่เธอมองไม่มีโอกาสได้เห็นเพราะมัวแต่ส่งยิ้มให้เพื่อนๆ ในกลุ่มอยู่ แต่งานนี้คนที่ได้ยินเต็มๆ และเห็นเหตุการณ์ อย่างอนาธิปหัวใจพองโตคับอก คิดจะตบรางวัลให้กับน้องสาว เพราะเขาเองก็ไม่คิดจะรังเกียจมนธิราอยู่แล้ว หากเป็นไปได้เขาอยากให้น้องเป็นแม่สื่อแม่ชัก แต่สิ่งที่เขากลัวคือเรื่องราวที่ชายหนุ่มเคยได้ยินมา มนธิราอยู่ใต้อาณัติของใครบางคน...
อนาธิปเริ่มคลายสีหน้าเมื่อเห็นว่าเพื่อนของน้องสาวไม่มีท่าทีรุ่มร่าม ทั้งเพื่อนผู้ชายและเพื่อนผู้หญิง แถมยังรักใคร่หยอกล้อกันไปมาสนุกไปอีกแบบ
แล้วที่ว่ารับเลี้ยงตลอดงานมันรวมเข้าด้วยกันหรือเปล่าล่ะ... ชายหนุ่มคิดถึงตอนนี้ อยากจับน้องสาวมาตีก้นเสียให้เข็ด
ทุกคนในกลุ่มจัดการหาที่นั่งเรียบร้อย โดยมีอนาธิปนั่งข้างมนธิรา และธาริณีนั่งอีกด้าน งานนี้มนธิราถูกนั่งขนาบโดยพี่น้องตระกูลธนเกียรติ