รู้ว่าแต่ห้ามใจไม่อยู่

1231 Words
ทุกคนที่นั่งอยู่ในห้องรับแขกหันมอง โดยเฉพาะเจ้าของตึกที่ส่งสายตาไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด “ฉันนึกว่าคนตาม กับคนที่ถูกไปตาม จะหายหัวไม่กลับมาข้างในแล้วเสียอีก” เสียงกระแนะกระแหนของผู้เป็นคุณหญิงเจ้าของคฤหาสน์ดังขึ้นทันทีที่สองสาวต่างวัยโผล่หน้าให้เห็น พร้อมๆ กับสายตาอีกสองคู่ของหนุ่มสาวหันมามองแวบหนึ่ง แล้วหันกลับไป             ป้าจุ้มก้มหน้ารับคำ เหมือนกับบีที่ได้แต่ทำใจไม่ให้คิดมากเรื่องนี้ เพราะเป็นเรื่องปกติที่คุณหญิงปราณีจะต่อว่าเธอและหาเรื่องแขวะเธออยู่บ่อยครั้งหากมีโอกาส คงเป็นเพราะความหมั่นไส้ในตัวเธอที่ลูกชายแผ่เมตตามายังเธอมากเกินไปกระมัง นางจึงรู้สึกไม่ถูกชะตากับเธอตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาเหยียบในตึกหลังนี้ “ใหญ่!เอาเด็กอะไรที่ไหนมา?” ดวงตาเบิกกว้าง พร้อมกับคำถามของผู้เป็นแม่ที่นั่งอยู่ในตึก               “คือ...เด็ก...”  ชายหนุ่มเองก็ยากที่จะตอบ มองผู้เป็นแม่นิ่ง แล้วหันมามองเด็กสาวที่ยืนประหม่าอยู่ด้านหลังของเขา               “ว่าไง เด็กที่ไหน บอกแม่มาให้ดีๆ นะ หากคำตอบไม่เป็นที่น่าพอใจ แม่จะไล่ตะเพิดออกไปเลยเชียว!” คำพูดและหน้าตาของผู้เป็นแม่บ่งบอกว่าเอาจริงอย่างที่พูดเป็นแน่             ชายหนุ่มจึงตัดสินใจเล่าตามความเป็นจริง เสียงถอนหายใจ ผู้เป็นแม่มองสีหน้าเอาเรื่อง "นี่หากมีใครเอาลูกสาวมาให้แกขัดดอก แกมิรับไว้หมดหรือไงตาใหญ่" ปากต่อว่าลูกชายแต่สายตาก็ส่งจิกเด็กสาว จนเธอต้องรีบหลบตาต่ำมองพื้น             “ผมคงไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีกแล้วครับแม่...รบกวนคุณแม่จัดการให้ที่อยู่ที่กินเด็กคนนี้ด้วยนะครับ" น้ำเสียงราบเรียบแต่แฝงไปด้วยความจริงจัง ทำให้ผู้เป็นแม่ยากที่จะปฏิเสธ             “แต่แม่ไม่ให้มันอยู่ฟรีหรอกนะ" สายตาเพ่งมอง พิจารณาจากหัวจรดเท้า              จะว่าขี้ริ้วขี้เหร่ก็ไม่ใช่.... ถึงจะไม่ค่อยพอใจอยู่บ้างแต่เมื่อมองดีๆ เด็กคนนี้ก็สวยน่ารักดี แม้จะรู้สึกพอใจ แต่ความเป็นจริงที่ได้เด็กผู้หญิงนี้มา ทำให้เจ้าของบ้านอย่างคุณหญิงปราณีมองเธอแค่เด็กน่าเวทนา ที่ต้องรับเลี้ยงไว้เพราะความต้องการของลูกชายเท่านั้น              "แล้วแต่คุณแม่ เรื่องค่าใช้จ่ายผมเป็นคนออกให้เอง แม่ไม่ต้องห่วง" ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นก่อนที่จะก้มลงนั่งใกล้ๆ เมื่อเห็นผู้เป็นแม่เริ่มเย็นลงบ้างแล้ว             “หมายความว่าไงค่าใช้จ่าย?” เสียงนางดังขึ้นมาใหม่อีกครั้ง             “คือ...ผมต้องการให้เธอเรียนให้จบ" ชายหนุ่มพูดเสียงราบเรียบ แต่คนสองคนที่ได้ยินถึงกับอึ้ง มองชายหนุ่มเหมือนกับว่า เขาพูดอะไรไม่ดีออกมา             “ เรียน!! นี่แกจะบ้าหรือไง เขาให้เอามาขัดดอก แล้วนี่แกจะเอามาเลี้ยง แล้วส่งเสียให้เรียน โอ๊ย!!ฉันจะเป็นลม"พูดจบร่างท้วมที่นั่งอยู่ เอามือแตะหน้าผากตัวเอง ทำท่าจะเป็นลมเสียให้ได้ กับคำพูดลูกชายที่เอ่ยออกมา             ร้อนถึงชายหนุ่มต้องรีบเข้าไปบีบนวดผู้เป็นแม่ " โถแม่ อย่าทำแบบนี้สิครับ ผมก็แค่เห็นว่าเด็กคนนี้อยู่ในวัยที่สมควรได้รับการศึกษา แม่ก็ทำบุญกับเด็กยากจนมาเยอะ แค่ให้ที่อยู่ที่กิน มันก็ไม่น่าลำบากอะไร" เหตุผลของชายหนุ่มทำให้ผู้เป็นแม่ค้อนลูกชายตาเขียว           “ทีอย่างนี้ทำมาเป็นรู้ดี ก็ได้ แม่จะถือเสียว่าเลี้ยงเด็กตกยากไว้ในบ้านสักคน" นางพูดอย่างจำใจ มองเด็กสาวกึ่งเวทนา           “อย่างนี้สิครับ ถึงจะเรียกว่าคุณหญิงปราณี  รัตรังสรรค์" เสียงทุ้มเอ่ยอย่างโล่งใจ             "แต่แกอย่าลืมที่พูดไว้ล่ะ" นางเอ่ยย้ำ             "คร้าบ" คนเป็นลูกชายพูดพลางก้มไปหาแก้มนวลของผู้เป็นมารดา แล้วก้มหอมแก้มนางฟอดใหญ่              ภาพตรงหน้าที่แสดงความรักของผู้เป็นลูก ที่มีต่อแม่ทำให้เด็กหญิงถึงกับกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่             แม่คะ แม่จะรู้ไหมว่าลูกสาวของแม่กำลังอ่อนแอเหลือเกิน... แค่แวบแรก....หัวใจสั่นระรัวพยายามเก็บอาการตื่นเต้นเอาไว้ ไม่อยากให้ใครสังเกตเห็นว่าเธอตื่นเต้นมากแค่ไหน กับการรอคอยใครสักคนที่เธอเคารพรักในความมีน้ำใจของเขา ที่เธอต้องตอบแทนด้วยการทำตัวเป็นเด็กดีมาตลอดหลายปี ตั้งใจเรียนตามความตั้งใจของคนที่ส่งเสียมาโดยตลอด            เธอได้แต่เหลือบมองเสี้ยวใบหน้าหล่อเข้ม ใบหน้าที่ไม่เคยมีรอยยิ้มเหมือนสิบปีก่อน ก็ยังคงเป็นอย่างนั้น เธออยากเห็นรอยยิ้มบนใบหน้านั้นบ้าง ว่ามันจะน่ามองแค่ไหน และนั่นมันคงจะเป็นแค่ความหวังและความฝันของเธอฝ่ายเดียวกระมัง เพราะเท่าที่เธอสังเกตเห็นอยู่ในขณะนี้ ชายหนุ่มไม่คิดจะหันมาทักทายเด็กในปกครองอย่างเธอเลย             ผิดกับเธอที่รอวันจะได้พบหน้าและขอบคุณในความเมตตาของเขา แต่เขาทำเหมือนกับว่าที่เขาทำดีกับเธอมาทั้งหมด มันไม่มีอะไรเลย เหมือนใส่เงินในขันแล้วก็ผ่านเลยไป คิดได้อย่างนั้น ขอบตาก็พลันร้อนผ่าว และที่สำคัญเขากลับมาพร้อมกับสาวสวยรูปร่างสูงเพรียวหน้าตาสะสวย               “คือ...ต้องขอโทษคุณใหญ่ด้วยนะคะ ที่ป้ามัวแต่คุยกับ...บีเพลินไปหน่อย เลยอดที่จะไปต้อนรับคุณใหญ่”             ป้าจุ้มรู้ดีว่ามันไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่อะไร แต่ก็อดไม่ได้ที่จะพูดเน้นคำบางคำให้ใครบางคนหันมาสนใจอีกคน เพราะป้าจุ้มรู้เรื่องระหว่างสองคนนี้ดี                     ชายหนุ่มมองเลยแล้วหันไปยิ้มบางๆ ให้ป้าจุ้มแทนการทักทายด้วยภาษา แล้วหันกลับเหมือนไม่ได้สนใจอะไรอีก             บีสะอึกเล็กน้อย เมื่อได้ยินคำพูดของป้าจุ้ม แต่เธอก็ได้แต่ก้มหน้านิ่ง ไม่กล้าสบตาใครทั้งนั้น เพราะตอนนี้หูอื้อตาลายท้องไส้ปั่นป่วน ขาก็พานสั่น แค่เห็นเสี้ยวหน้าของเขา แม้เขาจะไม่ได้สนใจว่าคนที่ชื่อบีจะมีตัวตน หรือยืนอยู่แถวนี้หรือไม่ และชื่อของเธอคงจะรำคาญหูหรือยังไง เขาจึงเหลือบมองเธอแวบเดียว เหมือนไม่อยากจะเห็นหน้าเธอหรืออย่างไร              "พี่ใหญ่...เมย์หิวแล้ว"  เสียงหวานที่เรียกอย่างเป็นกันเอง ทำให้ใครบางคนถึงกับเหลือบมองอย่างน้อยใจลึกๆ            เสียงหวานเอ่ยบอกฝ่ายชาย แต่ฝ่ายชายกลับไม่ได้สนองตอบ ผู้เป็นแม่เสียอีกที่เดือดร้อนกับอาการหิวของสาวสวยตรงหน้าที่ลูกชายพามา แม้จะเพิ่งเห็นหน้าแต่อาการของผู้เป็นแม่บ่งบอกว่าเห่อสาวสวยคนนี้เอามากๆ             "ไปตั้งโต๊ะอาหารได้แล้ว " น้ำเสียงที่ดูเป็นเป็นเดือดเป็นร้อน แทนสาวสวยอย่างคุณปราณีดังขึ้น ทำให้ทุกคนในที่นั้นรีบจัดการทำตามทันที                      
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD