ตอนที่9 อยู่แบบคนเจียมตัว

1125 Words
บทที่9 มนธิราถอนหายใจ ก่อนจะเดินไปอีกด้านซึ่งเป็นห้องสำหรับเธอที่นอนมาเป็นสิบปีแล้วอย่างเคยชิน แม้มันจะมืดสลัวเห็นทางเดินแค่ลาง ๆ “เพิ่งกลับหรือ?” เสียงทุ้มห้วนๆ ดังขึ้นในความมืด ทำให้มนธิราถึงกับสะดุ้ง มองหาต้นเสียง             “อุ๊ย!!”            "เป็นอะไร แค่นี้ก็ตกใจ" เสียงทุ้มเอ่ยอีกครั้ง พร้อมกับร่างใหญ่ที่อยู่ในชุดกางเกงสแล็กสีดำเนื้อดี โดยสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวเดินออกมาจากมุมมืด และหยุดอยู่ตรงหน้าหญิงสาว โดยทิ้งระยะห่างไม่มากนัก "เอ่อ...คือ...เอ่อ" จะดีใจหรือตกใจดีล่ะ ในเมื่อผู้ชายที่เธอใฝ่ฝันอยากให้เขารู้และสนใจว่ามีเธออยู่บนโลกใบนี้ และต้องการจะพูดคุยกับเขามายืนอยู่ตรงหน้านี้แล้ว แต่เธอยังไม่ได้ทำใจ มันจึงทำให้เธอได้แต่ยืนอ้ำอึ้ง กำมือเข้าหากัน แข้งขาก็พลันอ่อนแรง              นี่เราเป็นอะไร...กลัวจนพูดอะไรไม่ออกเลยหรือ!             “ตกลงตอบได้หรือยัง ว่าเพิ่งกลับหรือ แล้วออกไปแบบนี้บ่อยใช่ไหม" ชายหนุ่มเอ่ยคำถามเพิ่มไปอีกข้อ             “....” เงียบ เขารู้ว่าเธอไปไหนหรือ เขาเห็นหรือใครบอก ...ใบหน้าขาวซีดขึ้น ยิ่งมองเห็นสายตาดุๆ นั้นเธอยิ่งหน้าซีดลงไปอีก ใจเต้นแรง เริ่มแซงหน้าตาที่ซีดของเธอไปแล้วงานนี้             “ว่าไง?! " เสียงทุ้มเพิ่มน้ำหนักเสียง             “อึก!!!" เธอปิดปากเสียงดังอยู่ในลำคอ หน้าก็ดุพออยู่แล้ว ยิ่งได้เสียงที่ดังเพิ่มเข้ามามันทำให้เธออยากร้องไห้ ขอบตาร้อนผ่าวขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้             "คือ...บี...บีนัดกินเลี้ยงกับเพื่อน...ส่งท้ายช่วงเรียนจบ อ่ะค่ะ" เสียงแผ่วเบาหลบตาไม่กล้ามองชายตรงหน้า             “อ้อ...เรียนจบแล้วหรือ แล้วทำไมไม่บอกฉันล่ะ" เสียงที่ดูเบาลง ทำให้มนธิราเงยหน้ามองคนที่พูด ด้วยไม่อยากจะเชื่อว่าจะได้ยินประโยคหลังจากเขา               บีมีโอกาสบอกคุณหรือไง... อีกอย่างคุณคงไม่ได้สนใจอะไร ขนาดเด็กในปกครองเรียนจบ คุณยังไม่รู้เลย...เธอแอบเถียงในใจ มองหน้าชายหนุ่มอย่างไม่เข้าใจ และเหมือนชายหนุ่มจะอ่านสายตานั้นออก             “เรียนจบก็ดีแล้ว จะได้ไปช่วยงานฉัน..." คนหน้าดุเอ่ยไปอีกเรื่อง น้ำเสียงยังหนักแน่น ก่อนจะเดินหลีกออกไปเหมือนรู้สึกรำคาญอะไรขึ้นมา              มนธิรามองตามหลังแกร่งนั้นจนลับหายเข้าไปในตึก ก่อนจะถอนหายใจยาว "ก็จริงสินะ มันคงถึงเวลา ที่ต้องทำงานชดใช้เขาแล้วนิ" มนธิราเอ่ยพลางก้าวเท้าไปยังห้องของตัวเองที่เห็นอยู่ข้างหน้า             ธาดากลับเข้าห้องตัวเองจัดแจงถอดเสื้อผ้า เขาเสียเวลายืนคอยเด็กในปกครองเป็นชั่วโมงกว่าเธอจะกลับมา กะว่าจะกล่าวสั่งสอนเสียใหม่ แต่พอได้ยินคำพูดเหตุผลของเธอ ทำให้เขาเสียเองที่ต้องคิดหาคำพูดเสียใหม่ (แผนใหม่)           “แล้วเธอจะรู้...ว่ามันไม่ง่ายอย่างที่คิด มนธิรา" มุมปาก กระตุกยิ้ม ก่อนจะถอดเสื้อผ้า คว้าผ้าขนหนูเข้าห้องน้ำ เพราะรู้สึกเหนียวตัวตั้งแต่เพิ่งกลับมา แต่ที่ไม่ได้จัดการกับตัวเองให้เรียบร้อย เพราะมัวแต่ดักรอใครบางคน และตอนนี้มันคงได้เวลาชำระตัวเอง และความรู้สึกเสียที....             "แม่ครับ..."             ชายหนุ่มเรียกมารดาที่นั่งอยู่ในห้องโถงหลังจากที่ทานอาหารเช้าเสร็จ อยากจะถามตั้งแต่ตอนทานข้าว แต่กลัวว่าผู้เป็นแม่จะหมดอารมณ์ ทานข้าวเสียก่อน เลยหยุดความคิดที่จะถาม และตอนนี้โอกาสมันเหมาะ เรื่องที่เขาอยากถามและจะบอกผู้เป็นแม่ก่อน มันยากเหลือเกินหากผู้เป็นแม่คัดค้าน แต่ยังไงเขาก็ต้องเอาเธอไปทำงานให้ได้และอยู่ใกล้สายตาเขามากที่สุด             เรื่องอะไรผู้หญิงที่อยู่ในความปกครองของเขา เขาจะยอมให้เธอเป็นอิสระอยู่นอกสายตาของเขา...             "มีอะไรหรือ?" ผู้เป็นแม่ถาม พลางมองลูกชายอันเป็นสุดที่รัก             ชายหนุ่มรู้สึกอึดอัดลำบากใจ ก่อนจะตัดสินใจเอ่ย "แม่ครับ...หากผมจะเอามนธิราไปทำงานกับผม เอ่อ...คือไปทำงานที่บริษัทน่ะครับ คุณแม่จะว่าไง" ไม่มีครั้งไหนที่เขาจะรู้สึกประหม่าอย่างนี้มาก่อน             “ก็เอาสิ... สิทธิ์ของลูกมีอยู่แล้วนิ" นางบอกน้ำเสียงเรียบ แม้จะรู้สึกตกใจอยู่บ้าง แต่ก็เก็บอาการเอาไว้            เรื่องอะไรจะให้ปลาย่างที่สดใหม่ไปอยู่ใกล้แมว...             เปลี่ยนคำสุภาษิตเสียใหม่ เพราะเธอไม่คิดจะฝากผู้หญิงสวยๆ ไว้ใกล้ลูกชายเป็นอันขาด แต่นี่มันเป็นความประสงค์ของเจ้าตัว จึงไม่อยากเอ่ยแย้งอะไรให้ลูกชายหงุดหงิด จึงจำใจปล่อยไปก่อน             “จริงหรือครับ” ชายหนุ่มถามย้ำอีกครั้งเพื่อให้แน่ใจ ไม่มีอาการแตกตื่นตกใจอะไร อย่างที่ชายหนุ่มคิดกลัวเอาไว้             “ก็จริงน่ะสิ ที่บ้านมีคนใช้หลายคนแล้ว ขาดนางบีไปสักคนคงไม่เป็นไรหรอก"             น้ำเสียงเอ่ยบอกเหตุผลออกไป โดยไม่คิดมาก และไม่เอะใจอะไรมากมาย ก็แค่เด็กรับใช้คนหนึ่ง และมั่นใจว่าลูกชายคงไม่สนใจอะไรในตัวเด็กกะโปโลแบบนั้น ในเมื่อลูกชายเขามีสาวสวยอย่างเมรีแนบข้างอยู่แล้ว             “แล้วจะเอาไปทำงานเมื่อไหร่ล่ะ แล้วจะเอาไปอยู่ที่นั่นเลยหรือเปล่า" ชายตาชำเหลืองมองลูกชาย เพราะนางรู้ดีว่าลูกชายมีที่พักส่วนตัวอยู่แล้วที่บริษัทนอกชานเมือง ถึงอยากจะให้ลูกชายอยู่ใกล้ๆ กลับบ้านทุกวัน แต่เมื่อรู้เหตุผลที่ ลูกชายต้องพักที่นั่นเพราะระยะทางไกลเกินไปหากจะกลับไปกลับมา และก็เป็นความคิดของนางเอง ที่จะให้ลูกชายพักอยู่ใกล้ที่ทำงาน เพราะความสะดวกกับการทำงาน และปลอดภัยจากรถราบนท้องถนน             “ก็ว่าจะพาไปวันนี้ และพักอยู่ที่ทำงานเลย"             “แล้วบอกนางบีมันหรือยัง ว่าจะพาไปด้วยน่ะ"              “ให้ป้าจุ้มไปบอกแล้วครับ"                         ชายหนุ่มเอ่ยเสียงเรียบ แปลกใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมเขาจึงตัดสินใจวานให้ป้าจุ้มไปบอก ทั้งที่จริงมันไม่ใช่เรื่องแปลกหากมันเป็นความประสงค์ของเขา มนธิราไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธอย่างแน่นอน            “ว่าไงนะคะ!?” เสียงแหลมเล็กดังขึ้นอย่างตกใจ เมื่อได้ยินคำพูดที่ป้าจุ้มได้รับคำสั่งมาบอกอีกที            
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD