ในตอนเที่ยงเกือบบ่ายโยธามาหาองค์อินทร์ที่บ้าน และนำกระเป๋าที่รับปากเพื่อนๆ ว่าจะนำมาให้หญิงสาวมาให้เธอด้วย ปกติเวลามาบ้านจะเห็นองค์อินทร์ช่วยแม่ขายข้าวราดแกงเสมอ ยิ่งเวลาเที่ยงใกล้บ่ายแบบนี้คนยิ่งเยอะ แต่แปลกทำไมไม่เห็นเพื่อนมาช่วยที่ร้านหน้าบ้านเลย
“สวัสดีครับคุณแม่” โยธาเดินเข้าไปทักทายท่านที่กำลังตักกับข้าวราดแกงให้ลูกค้าอยู่
“ไหว้พระเถอะลูก ว่าแต่มาหายัยอินทร์เหรอลูก” ถามเพื่อนลูกสาวพร้อมกับส่งจานที่ตักกับข้าวราดให้ลูกค้าส่งให้ลูกค้า “ขอบคุณนะคะ ทานให้อร่อยนะจ๊ะ” ลูกค้าก็ยิ้มรับคำพูดของแม่ค้าและจานพร้อมจ่ายเงินแล้วเดินไปนั่งโต๊ะที่ว่างอยู่ทันที
“ครับแม่เตย แล้วเนี่ยอินทร์ตื่นรึยังครับ”
“ยังเลยลูก ไม่รู้ว่ากลับมาตอนไหน สงสัยจะสนุกกันมากสินะเมื่อคืน” นางถามเพื่อนลูกสาว เพราะลูกสาวมาถึงบ้านตีสี่กว่า
“นานๆ ทีครับแม่เตย” เขาตอบสั้นๆ โดยไม่บอกท่านว่าเมื่อคืนนี้องค์อินทร์หายไปตั้งแต่ห้าทุ่ม
“พ่อโยเข้าไปในบ้านเลยลูก คิดซะว่าเป็นบ้านตัวเองเหมือนทุกครั้งเลยนะ เพราะตอนนี้แม่ยุ่งจริงๆ ลูกค้าก็เยอะอยู่ อยากกินน้ำก็รินเองเลยนะในครัว”
“ไม่เป็นไรครับ ผมช่วยแม่เตยดีกว่าครับ” เขานำกระเป๋าสะพายใบเล็กขององค์อินทร์ที่ถือติดมือมาด้วยไปวางไว้ที่วางของด้านหลังท่านแล้วปลดกระดุมแขนเสื้อเชิ้ตขึ้นถึงข้อศอกทั้งสองข้าง แล้วมาช่วยท่านขายข้าวแกง
“มีน้ำใจจริงพ่อคุณ” เตยหอมเอ่ยชมเพื่อนของลูกสาว และรู้ดีว่าเพื่อนขององค์อินทร์คนนี้คิดมากกว่าเพื่อนกับลูกสาวตน
“ทานอะไรสั่งได้เลยครับ หนึ่งอย่างสามสิบบาท สองอย่างบวกเพิ่มห้าบาท ถ้าเพิ่มไข่ดาวก็ห้าบาทครับ” ความที่ช่วยท่านขายข้าวราดแกงบ่อยจะว่าไปมาบ่อยนั่นเองเลยคล่องมือและพูดคล่อง
เตยหอมมองเพื่อนลูกสาวแล้วขยับไปยืนอีกมุมเพื่อตักกับข้าวให้ลูกค้าเหมือนกัน นางทำกับข้าววันละห้าอย่างเพราะห้าอย่างก็เหนื่อยมากแล้ว เพราะต้องตื่นตั้งแต่ตีสามไปจ่ายตลาดสดเองทุกเช้า จะหยุดทุกวันเสาร์และวันอาทิตย์เพื่อพักผ่อน
บ่ายสองกว่าคนหมดอาหารที่ขายก็หมดข้าวก็หมดนางก็เก็บร้านโดยมีโยธาช่วยเหมือนเดิม เก็บร้านเสร็จล้างถ้วยจานทำความสะอาดโต๊ะ ปิดร้านก็พากันเข้าไปด้านในบ้านหลังน้อยที่อยู่หลังร้าน บ้านเป็นบ้านชั้นเดียวขนาดเล็กน่าอยู่สำหรับสองแม่ลูก และข้างๆ บ้านก็เป็นสวนผักสวนครัวที่เตยหอมกับลูกสาวช่วยกันปลูกไว้ทานเองและมาประกอบอาหารไว้ขายบ้าง
“ดูสิจนแม่ขายของหมดยัยอินทร์ก็ยังไม่ตื่นเลยพ่อโย เดี๋ยวแม่ไปเอาน้ำมาให้นะ แล้วจะไปตามยัยอินทร์มา ว่าแต่เราหิวไหม แม่มีกับข้าวที่แบ่งไว้อยู่นะ เดี๋ยวแม่ไปอุ่นมาให้เราทาน” นางเอ่ยกับเพื่อนลูกสาว
“ขอบคุณครับแม่เตย ผมจัดการเองได้ครับ แม่เตยบอกว่าให้ทำตัวเหมือนอยู่บ้านตัวเอง แม่เตยไปดูอินทร์เถอะครับ ทำไมถึงนอนไม่ยอมตื่นเลย เนี่ยก็บ่ายสองจะบ่ายสามแล้ว” โยธาบอกท่าน
“งั้นจัดการเองเลยนะพ่อโย คิดว่าเป็นบ้านตัวเองเลยลูก ถ้างั้นกับข้าวก็อุ่นเองเลยนะถ้าหิว แม่ไปตามยัยอินทร์ก่อน นอนอะไรนักหนา”
ว่าแล้วก็เดินไปยังทางห้องนอนของลูกสาว ส่วนโยธาก็ลุกจากโซฟาตัวเล็กที่ตนนั่งไปยังห้องครัวขนาดเล็กที่มีประตูเปิดออกไปทางหลังบ้าน
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
เสียงรบกวนหน้าห้องปลุกให้คนที่กำลังนอนสั่นหนาวในห้องต้องปรือตาตื่นขึ้นมา หนังตาหนักอึ้งเพราะพิษไข้ เธอมาถึงบ้านรู้สึกตัวรุมๆ ก็หายาทานก่อนจะอาบน้ำนอน แต่ไข้ก็ไม่ลดลงอย่างที่คิด องค์อินทร์ดันร่างอ่อนเพลียตัวเองลุกขึ้นจากเตียงเพื่อไปเปิดประตูห้องให้ผู้มารบกวนที่เคาะดังไม่หยุดตอนนี้
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
“ยัยอินทร์ตื่นรึยังลูก พ่อโยมาหาแน่ะ” นางเคาะประตูและร้องตะโกนบอกเจ้าของห้องแต่เหมือนว่าคนข้างในห้องจะยังไม่ตื่นเลยเปลี่ยนเป็นทุบประตูแทน
ปัง! ปัง! ปัง!
“ยัยอินทร์เป็นอะไรรึเปล่าลูก” ร้องตะโกนถามดังกว่าเดิมและกำลังจะทุบตีประตูอีกแต่ได้ยินเสียงปลดล็อกประตูจากข้างในห้องก่อน
แก๊ก!
แอ๊ด!
เสียงปลดล็อกพร้อมกับประตูถูกดึงจากข้างใน
“มีอะไรคะแม่เตย”
เธอพิงขอบประตูถามทัน ใบหน้าสวยใสเปล่งปลั่งบัดนี้ซีดเซียวเห็นได้ชัดจนคนเป็นแม่ต้องรีบเข้าไปประคองลูกสาวที่พิงขอบประตูไว้ ถ้าไม่มีขอบประตูคงล้มแน่นอน
“ไม่สบายเหรอลูก ตัวร้อนจี๋เลย” โอบกอดเอวเล็กมืออังหน้าผากมนก็ได้รับความร้อนที่ผิดปกติจนต้องรีบชักมือกลับ แล้วโอบเอวเล็กประคองพาเดินกลับไปยังเตียงนุ่ม
“อินทร์หนาวแม่ อินทร์หนาว อือ”
เธอครางบอกแม่เมื่อท่านพามานอนยังเตียงพร้อมกับดึงผ้าห่มมาห่มให้เธอ และเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าของลูกสาวเพราะจำได้ว่าลูกสาวมีผ้าห่มเก็บไว้ในตู้เสื้อผ้า และพอได้มาก็นำกลับมาห่มทับผืนก่อนหน้าอีก
“ยังหนาวอยู่ไหมลูก เดี๋ยวแม่ไปเอาผ้าและน้ำมาเช็ดตัวให้นะลูก แล้วกินยารึยัง กินข้าวไหมลูก แม่ทำโจ๊กให้นะอินทร์” นางบอกอย่างเป็นห่วงและลืมไปเลยว่าตอนนี้เพื่อนของลูกสาวมารออยู่
“หนาวค่ะแม่ แม่เตยกอดอินทร์หน่อยได้ไหมคะ” เธอคว้ามือเหี่ยวของท่านรั้งไว้พร้อมกับอ้อนเสียงแผ่ว
“เดี๋ยวแม่มากอดนะ แต่ตอนนี้ลูกต้องเช็ดตัวก่อน” นางแกะมือลูกสาวที่จับมือตนแต่ยังไม่ทันได้เดินจากไปองค์อินทร์ก็เรียกรั้งไว้อีก
“มะ...ไม่นะคะ อินทร์ไม่เช็ดตัว”
เธอให้แม่เช็ดตัวให้ไม่ได้ เพราะตามเนื้อตัวของเธอมีแต่รอยของคนบาปต่ำทรามเต็มร่างกาย โดยเฉพาะเนินอกและหน้าท้องและซอกคอก็มี ถ้าหากว่าท่านสังเกตตอนนี้คงถามเธอแล้วว่ารอยอะไร
“ไม่เช็ดตัวแล้วไข้จะลดได้ยังไง ลูกคนนี้พูดแปลก”
“อินทร์หนาวแม่เตย อินทร์ไม่อยากเช็ดตัว แม่เตยทำโจ๊กให้อินทร์ทานนะคะ และอินทร์กินยาก็จะหลับ เดี๋ยวยาออกฤทธิ์ก็น่าจะหายค่ะ” เธอบอกท่าน
“แต่แม่ว่า...” ยังพูดไม่ทันจบคนป่วยก็พูดแทรกขึ้นมาก่อน
“นะคะแม่เตย กินข้าวกินยาไข้ก็ลดเองค่ะ อีกอย่างอินทร์ก็กินยาไปแล้วรอบหนึ่ง รอแต่จะให้ออกฤทธิ์เท่านั้นค่ะ” เธออ้างเหตุผลให้ท่าน
“งั้นก็เอาผ้าเย็นมาแปะหน้าผากไว้ก็ดีถ้าไม่เช็ดตัว”
“ค่ะแม่เตย” เธอเห็นด้วยแล้วกระชับชายผ้าห่มที่คอตัวเองแน่นเพื่อปิดบังราคีของคนต่ำทรามไว้ให้มิดตาท่าน
“งั้นเดี๋ยวแม่ไปเอาผ้าเย็นมาแปะหน้าผากให้นะลูก แล้วจะไปทำโจ๊กและนำยาลดไข้มาให้กิน ออ พ่อโยมาหาลูกนะ มาตั้งแต่บ่ายแล้วมาช่วยแม่ขายข้าวราดแกงจนปิดร้านเห็นบอกเอากระเป๋ามาให้ลูกน่ะ งั้นแม่บอกพ่อโยก่อนนะว่าลูกไม่สบาย จะให้พ่อโยกลับบ้านไปก่อนวันหลังค่อยมาหาลูกใหม่”
“ฝากแม่เตยขอบคุณโยด้วยนะคะ บอกโยว่าวันหลังค่อยนัดเจอกันค่ะ วันนี้อินทร์ไม่สะดวกจริงๆ แคก!” แล้วก็ไอออกมาในตอนท้าย
“งั้นก็นอนพักเถอะลูก เดี๋ยวแม่ปิดแอร์เปิดหน้าต่างให้นะลูก”
“ค่ะแม่เตย” แล้วเธอก็ขยับตัวหันหลังให้ทันพร้อมกับท่านเดินออกจากห้องไป