ไซต์งานบีอาร์ที รถไฟฟ้าสายสีแสด
ร่างสูงกำยำในชุดเสื้อเชิ้ตลายสกอตกับกางเกงยีนส์ สวมหมวกนิรภัยและอุปกรณ์ป้องกันความปลอดภัยพร้อมสรรพ กำลังเดินตรวจงานภายในเขตเทคานก่อสร้างสถานีที่ตัวเองมีหน้าที่รับผิดชอบดูแลด้วยท่าทางคล่องแคล่วว่องไว
รวิศ อนุวัตรวงศ์ เขาคือวิศวกรเมนคอนแทรกเตอร์ หรือวิศวกรผู้รับเหมาหลักของบริษัทรถไฟฟ้า เขาเป็นหัวหน้าวิศวกรของบริษัทเอสวีจี จำกัด (มหาชน) มีหน้าที่หลักคือดูแลควบคุมงานเกี่ยวกับงานโยธาของรถไฟฟ้า เขาต้องดีลงานกับวิศวกรหนุ่มหล่อประจำไซต์อีกคนคืออัศวิน แต่พักหลังมานี้อีกฝ่ายติดแฟนจนเขานึกหมั่นไส้ อัศวินเป็นทั้งเพื่อนร่วมงานและเพื่อนสนิทที่อยู่ในก๊วนเดียวกัน
“ยังไม่ทันเลิกงานก็ดอดหนีไปเฝ้าแฟนอีกแล้วนะคุณมึง” รวิศบ่นเพื่อนสนิทที่ตอนนี้ขับรถคู่ใจออกไปโรงพยาบาลอีลิทแล้ว เขาส่ายหน้าระอา บอกเลยว่าหากเขามีแฟนละก็ จะไม่มีทางเป็นแบบนี้แน่นอน แฟนก็ส่วนแฟน ไม่มีทางรักไม่มีทางหลงจนติดเป็นแฝดอินจันอย่างที่เพื่อนสนิททำ
“สวยว่ะ”
“ใครวะมายืนในไซต์งาน ไม่รู้หรือไงว่าเป็นเขตห้ามเข้า” คนงานสองคนคุยกัน
“เดี๋ยวฉันไปเรียกพี่พีมาดูดีกว่า” พี่พีที่ว่าคือหัวหน้าคนงาน เมื่อก่อนก็เป็นคนงานธรรมดา แต่รวิศสนับสนุนผลักดันจนเลื่อนตำแหน่งขึ้นเป็นหัวหน้างาน
พีรพลเดินตามลูกน้องมาดูสาวสวยที่เข้ามายืนอยู่ในเขตก่อสร้าง “คุณเขามายืนตั้งแต่เมื่อไรทำไมไม่ไปบอกเขาว่าห้ามเข้ามา”
“พี่พีไปบอกคุณเขาดีกว่า พวกผมไม่แน่ใจ อาจเป็นแฟนคนใดคนหนึ่งของนายช่างก็ได้” คนงานคนหนึ่งวิเคราะห์
พีรพลตัดสินใจเดินไปถาม ขณะที่รวิศยืนมองดูเหตุการณ์อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล เขาเห็นว่าสาวสวยคนนั้นหันหลังอยู่ เหมือนมองไปทางถนนเบื้องหน้า แต่พอพีรพลเดินเข้าไป สาวสวยในชุดกระโปรงสีม่วงก็หันหน้ากลับมา
พระเจ้าช่วย
‘นี่คนหรือนางฟ้ากันแน่วะ ทำไมสวยขนาดนี้ เอวคอดแถมโนตมจนล้นทะลักออกมาจากเสื้อขนาดนั้น’ รวิศเผลอกลืนน้ำลายอึกใหญ่
“คุณครับ มาหาใครหรือเปล่าครับ นี่เป็นเขตพื้นที่ก่อสร้าง ห้ามเข้า” พีรพลบอกแล้วชี้มือไปที่ป้ายด้านหน้าที่มีคำว่าผู้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องห้ามเข้า
สาวน้อยที่เข้ามายืนผิดที่ผิดทางหันไปมองที่ป้ายแล้วหันกลับมาทางคนงาน ความรู้สึกผิดรีบทำให้ขอโทษเสียงเจื่อน “ฉันต้องขอโทษด้วยนะคะ พอดีว่ารถของฉันเสียเลยขอมายืนหลบแดดตรงนี้ แต่ว่าเดี๋ยวฉันไปตอนนี้เลยก็ได้ค่ะ” วันวิวาห์กำลังจะเดินออกไป แต่ว่ามีใครอีกคนเดินเข้ามาร่วมวงด้วย
คนมาใหม่ตัวสูง หน้าตานิ่งขรึมจนคนมองเดาอารมณ์ไม่ออก
“มีอะไรกันเหรอ”
“นายช่าง” พีรพลหันไปทางคนที่มาใหม่ “คือน้องเขารถเสียแล้วมายืนหลบแดดครับ”
วันวิวาห์รู้สึกไม่สบายใจอยากรีบออกไปจากไซต์งานบีอาร์ทีตรงนี้ ถ้าหากรถไม่เสียอยู่เธอคงไม่เข้ามายืนเกะกะในนี้เด็ดขาด
“น้องเขาจะไปแล้วครับนายช่าง”
“ใช่ค่ะ เดี๋ยวฉันจะรีบไปแล้วค่ะ ขอโทษคุณพี่แล้วก็คุณด้วยนะคะที่เข้ามาโดยไม่ได้รับอนุญาต” วันวิวาห์รีบยกมือไหว้ จากนั้นก็รีบเดินออกไป
รวิศเพิ่งได้สติจากคำเรียกที่อีกฝ่ายใช้กับเขา สาวน้อยคนนั้นเรียกนายพีว่าคุณพี่ ส่วนเขาเรียกว่าคุณ
“เดี๋ยวก่อน รถเสียแล้วซ่อมได้หรือยัง”
วันวิวาห์หันหน้ากลับมา จ้องตาคนที่มองเธอด้วยสายตาอ่านไม่ออก “คุณป้าของฉันเพิ่งโทร.เรียกรถมาลาก คงต้องรออีกสักพักค่ะ”
“งั้นก็รอที่นี่ก่อนก็ได้”
พีรพลเหลือบมองนายช่างใหญ่ของโครงการด้วยความประหลาดใจ ปกติอีกฝ่ายเฮี้ยบมาก ไม่เคยให้ใครทำผิดกฎระเบียบของไซต์งานเลย
วันวิวาห์ยิ้มออกมาพร้อมยกมือไหว้ “ขอบคุณมากๆ นะคะ”
“ไม่ต้องไหว้ก็ได้”
“ไม่เป็นไรค่ะ คุณป้าสอนฉันเสมอว่าถ้าใครช่วยเหลือเรา เราต้องขอบคุณ ถ้าเป็นผู้ใหญ่กว่าก็ให้ยกมือไหว้ด้วย มันเป็นธรรมเนียมที่ดีที่ควรปฏิบัติ”
รวิศเห็นท่าทางจริงจังของสาวน้อยก็คร้านจะอธิบาย เขาดึงสายตากลับมาจากเครื่องหน้าสวยๆ กระแอมครั้งหนึ่งก่อนจะพูดต่อ “ถ้าเสร็จธุระแล้วก็รีบออกไปจากที่นี่ เขตก่อสร้างไม่ใช่สถานที่ให้ใครมายืนเล่นเข้าใจไหม อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา เผื่อเธอโชคร้ายเจอปูนหล่นใส่หัวเข้าจะแย่”
รวิศเตือนทั้งที่มันไม่เคยเกิดขึ้นในไซต์งานที่เขาควบคุมดูแล แต่ว่าอุบัติเหตุก็เกิดขึ้นได้ตลอดเวลาโดยที่ไม่มีคาดคิด เขาเป็นห่วงกลัวว่าจะเกิดขึ้นกับสาวน้อยตรงหน้า
เสียงเหมือนผู้ใหญ่ดุเด็กทำให้วันวิวาห์หน้าซีด จากที่คิดว่าจะยืนหลบแดดอีกหน่อย เธอคงต้องรีบไปก่อนที่เขาจะเอ่ยปากไล่ตรงๆ ที่จริงก็ไม่อยากมายืนหรอก แดดร้อนจะตายไป รถคันเก่าของเธอน่ะสิ เกิดมาเสียอะไรตอนนี้ก็ไม่รู้
“ฉันเข้าใจแล้วค่ะ จะรีบไปเดี๋ยวนี้”
“นายช่างครับ” พีรพลสะกิดหัวหน้า “แดดร้อนขนาดนี้ น้องเขาจะไปรอที่ถนนได้ยังไงครับ เกิดเป็นลมไปจะทำยังไง อีกอย่างน้องเขาแต่งตัวมาขนาดนี้ ขืนไปยืนคงเป็นจุดสนใจให้คนมอง”
รวิศส่งสายตาเรียบขรึมไปที่พีรพล ใครใช้ให้ออกความเห็น
“ฉันก็ไม่ได้ไล่น้องเขา เมื่อกี้แค่อธิบายว่าการยืนอยู่ในเขตก่อสร้างมันอันตราย” รวิศเอ่ยเสียงไม่ดังไม่เบา ตั้งใจให้สาวน้อยได้ยินด้วย เขาไม่ได้ไล่เธอ แต่เธอคิดไปเอง “พีรพล นายต้องไปคุมลูกน้องทำงานไม่ใช่เหรอ แล้วตอนนี้มายืนทำอะไรอยู่” รวิศถามเสียงเรียบ แต่แววตาคมกริบเป็นประกายเฉียบขาด
“ครับๆ ผมจะไปพอดีเลย” พีรพลรับคำ พร้อมกับเกาหัวแกรกๆ เขาทำอะไรผิด ทำไมนายช่างต้องหัวร้อนด้วย แต่ว่าคนห่วงงานก็รีบกลับไปคุมงานที่ตัวเองต้องดูแลทันที
วันวิวาห์ลอบมองคนที่ถูกเรียกว่านายช่างหน้าดุ เขาสูงยาวเข่าดี ร่างตึงแน่นอยู่ภายใต้เสื้อเชิ้ต กางเกงยีนส์ที่สวมก็พอดีกับสะโพกสอบไปจนถึงท่อนขาเพรียว เธอเจอนายแบบมามาก แต่ไม่มีใครดูเท่เท่าเขาเลย
แต่ว่าเหงื่อเต็มหน้านี่สิ เลยทำให้ความคูลถูกหักไปห้าคะแนน วันวิวาห์หมุนตัวจะเดินออกไปหาป้าแต่ถูกเรียกไว้
“เดี๋ยวจะไปไหน รออยู่ตรงนี้ก่อน” รวิศเรียก ไม่ลืมมองรอบๆ บริเวณที่สาวสวยยืนอยู่เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีอันตรายจากของหล่นใส่หัวหรือเกะกะคนงานที่อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุ
วันวิวาห์กะพริบตาปริบๆ ใส่เขา จะว่าเธอยืนงงในดงวิศวะก็ได้ เพราะตอนนี้นายช่างที่แต่งตัวเหมือนรวิศหลายคนก็มองมาที่เธอเป็นตาเดียวแล้ว วันวิวาห์รีบหันหลังหนีเพราะรู้ว่าชุดที่สวมอยู่มันล่อแหลมสายตาคนมอง
ดวงตากลมโตมองไปที่ป้าก็ยังเห็นว่าคุยโทรศัพท์ไม่เสร็จสักที
“เอาไปใช้”
วันวิวาห์หันมาก็เห็นว่าเขายื่นร่มมาให้
“ตรงนี้ก็มีแดด เธอกางร่มไว้เถอะ ต้องไปงานต่อไม่ใช่เหรอ เกิดถูกแดดมากๆ ผิวจะเสีย”
อ้อ เขาเป็นห่วงกลัวว่าเธอจะคล้ำแดดนี่เอง แต่ว่าเขาต้องกังวลแทนเธอขนาดนี้เลยหรือ แม้จะสงสัยหากแต่วันวิวาห์ก็ยื่นมือไปรับมา “ขอบคุณนะคะ”
รวิศบอกตัวเองว่าเขาทนเห็นเหงื่อไหลเต็มใบหน้าสวยนั่นไม่ไหวจริงๆ เลยต้องไปเอาร่มที่ออฟฟิศมาให้ เขาคงช่วยเธอได้แค่นี้เท่านั้น และแค่นี้ก็ยังเป็นเรื่องยากเลยที่ยอมให้คนภายนอกเข้ามาในเขตพื้นที่ก่อสร้าง เพราะนั่นหมายถึงจะทำให้เกิดอันตรายแก่ผู้ที่เข้ามานั่นแหละ การก่อสร้างทุกงานจะต้องเน้นความปลอดภัยมาก่อนเสมอ
“ว่าแต่เธอชื่ออะไร”
“ฉันหรือคะ”
“ใช่ เธอชื่ออะไร” รวิศประเมินแล้ว สาวน้อยตรงหน้าอายุคงไม่น่าเกินสิบแปด
“ฉันชื่อวันวิวาห์ค่ะ เรียกว่ามิ้ลค์ก็ได้”
“มิ้ลค์” เขาทวนแล้วเผลอมองไปยังอวัยวะที่อยู่ต่ำกว่าคางโดยอัตโนมัติ
วันวิวาห์มองตามสายตาเขาก็รีบยกมือขึ้นปิดหน้าอก หันหลังให้ทันที ใบหน้าสวยร้อนผ่าว นึกโกรธคนเสียมารยาทที่มองหน้าอกของเธอตรงๆ
“นี่ อย่าเข้าใจผิดนะ” รวิศรีบพูดเพราะกลัวถูกเข้าใจผิด
“ฉันไม่ได้เข้าใจผิด เมื่อครู่คุณมองหน้าอกฉัน คุณจะไม่ยอมรับเหรอ” วันวิวาห์หันมาถามหน้าแดงก่ำ เธอเกือบมองว่าเขาเป็นสุภาพบุรุษแล้วเชียว
“ฉันยอมรับก็ได้ ว่ามองจริงๆ แต่ว่าที่ส่วนนั้นของเธอน่าจะมีอะไรติดอยู่”
วันวิวาห์รีบก้มมองตามที่เขาบอกทันที แล้วต้องร้องตกใจเสียงดัง เพราะหนอนชาเขียวตัวเท่านิ้วก้อยติดอยู่ที่ขอบเสื้อตรงหน้าอก
“กรี๊ด”
วันวิวาห์ร้องเสียงหลงแล้วหลับตาแน่น เธอกลัวหนอนชาเขียวมาก ตาของมันเบิกโต ลำตัวก็หยุ่นๆ รวมกันแล้วเป็นสัตว์ที่เธอขยะแขยงที่สุด