“งั้นลองกุหลับ จามานสิ”
เขาผายมือไปที่ขนมตรงหน้า ฟาตินตักขนมดังกล่าวทาน
“พระองค์ไม่ทานหรือเพคะ”
“ไม่ล่ะ ฉันไม่ชอบทานขนมหวาน แต่ชอบทานอะไรหวานๆ”
ท้ายประโยคสายตาคมกริบทอดมองมายังเธอ
ฟาตินทานได้อีกนิดก็อิ่ม เธอแทบทำตัวไม่ถูกเมื่อต้องเป็นฝ่ายทานและให้อีกฝ่ายเป็นผู้มอง
“รับชาหรือกาแฟดี”
การสิ้นสุดของมื้ออาหารคือเครื่องดื่มเลิศรสตบท้าย หญิงสาวขอรับเป็นชาและจิบตามมารยาทเท่านั้น
“อยากเที่ยวชมพระราชวังโอซานหรือไม่”
เขาถามขึ้นเมื่อสิ้นสุดมื้ออาหารแล้วจริงๆ
“เพคะ”
หญิงสาวตอบรับ ลุกขึ้นเมื่อทาสรับใช้ที่อยู่บริเวณนั้นเดินมาเลื่อนเก้าอี้ให้เธออย่างอ่อนน้อม
“ตามฉันมาสิ”
เขากล่าวเสียงนิ่มแต่ทรงไปด้วยอำนาจ ฟาตินเดินตามร่างสูงออกไปจากตำหนักกว้าง ตอนเด็กๆ เธอมีโอกาสได้ชื่นชมกับพระราชวังโอซานบ้างแล้ว แต่การได้ชมอีกครั้งเต็มๆ ตาทำให้นึกทึ่งในความหรูหราอลังการที่ในอดีตไม่ได้เป็นเช่นนี้
“ชอบที่นี่หรือไม่ หากจะอยู่นานๆ ฉันจะยินดียิ่ง”
“หากพระองค์ไม่รังเกียจ หม่อมฉันถือว่าเป็นเกียรติยิ่งที่ได้พำนักอยู่ที่นี่เพคะ”
“ไปเถอะ ฉันจะพาเธอไปเยี่ยมชมตำหนักของฉัน”
เขาเอ่ยเชื้อเชิญ
แต่คำว่า “ตำหนักของฉัน”
ทำให้ฟาตินใจเต้นแรง ถึงเวลาแล้วสินะที่เธอจะได้ทำตามแผนการที่วางไว้
“เพคะ”
ฟาตินรับคำไม่อิดออด สุลต่านหนุ่มกอบกุมมือน้อยนุ่มนิ่มเอาไว้ จับจูงไปยังตำหนักอันโอ่อ่าวิจิตรอลังการเบื้องหน้า
“เธออยู่โซโมโรส แล้วไม่เคยมาที่โอซาเนียเลยเหรอ”
เขาถามขึ้น ฟาตินเม้มริมฝีปาเล็กน้อยก่อนจะคลายออก เพื่อหาคำพูดมาตอบเขา
“ไม่เคยเพคะ”
เธอปดคำโต หลีกเลี่ยงที่จะพูดเรื่องในอดีต รอฮิมไม่ว่ากระไร เพียงแค่พยักหน้าแสร้งทำเป็นรับรู้
ฟาตินลอบผ่อนลมหายใจแผ่วเบาด้วยความโล่งอก เมื่อเธอไม่ต้องถูกตรวจค้นจากองครักษ์ของเขา หากในเวลาอื่นเธอคงไม่รอดพ้นเป็นแน่ ถ้าได้พกพาอาวุธร้ายแรงเช่นนี้เข้าไปในตำหนักสุลต่านประมุขผู้นำประเทศ
ดีที่เธอเข้าวังมากับริฟฮานเพื่อนของผู้เป็นลุง จึงมิได้ถูกตรวจค้นตอนเดินทางเข้ามา...
เพียงผ่านพ้นเข้ามาในตำหนัก ฟาตินแทบไม่ทันตั้งตัว เมื่อโดนริมฝีปากร้อนชื้นเข้าจู่โจม เธอเกร็งร่างในคราแรก ก่อนจะโอนอ่อนให้ เมื่อสำนึกได้ว่าไม่ควรขัดขืนให้เขาขุ่นใจ
ปลายลิ้นสากเข้าเกี่ยวกระหวัดดูดรัดลิ้นน้อย กวาดต้อนเอาหยาดน้ำหวานอย่างเอาแต่ใจ
รอฮิมผละริมฝีปากที่ดูดดื่มกับริมฝีปากหวาน ทำท่าจะตวัดอุ้มหญิงสาว แต่ฟาตินผวาหลบ
ถ้าเขาอุ้มแนบร่างอาจสัมผัสกับสิ่งที่เธอซุกแนบมากับขาก็เป็นได้ และมั่นใจว่าสุลต่านเช่นเขาฉลาดพอที่จะรู้ว่ามันคืออะไร ฐานะของเขาย่อมต้องระวังตัวอยู่ตลอดเวลาเมื่ออยู่กับคนแปลกหน้าแม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นผู้หญิงก็ตาม
“หม่อมฉันกลัวพระองค์หนักเพคะ”
ร่างอรชรเดินหนีไปยังเตียงกว้าง
อย่างไรเสียหากเธอชักช้าจะเสียการณ์ ต้องรีบลงมือให้เร็วที่สุด…
ร่างสูงใหญ่เดินตามร่างหอมกรุ่นที่ทรุดนั่งบนเตียงกว้างคล้ายรอคอยเขาอยู่ แต่เมื่อเดินไปหา เธอทำท่าจะหนีไปอีก
เขากระชากเรียวแขนกลมกลึงเอาไว้ บดเบียดเรือนร่างสูงใหญ่เข้าหา กดร่างหล่อนนอนหงายบนเตียงกว้าง
“ฉันปรารถนาเธอนักแองจี้”
เขาเรียกชื่อเล่นของเธออย่างสนิทสนม ริมฝีปากร้อนบดเบียดจุมพิตเรียวปากสีชมพูสด มือใหญ่กอบกุมทรวงสาวเพื่อเคล้นคลึง ก่อนเลื่อนมือลงไปด้านล่างเพื่อจะสอดเข้าใต้กระโปรงที่ยาวกรอมเท้า
ฟาตินออกแรงพลิกร่างสูงให้นอนหงายทันที ก่อนที่เขาจะได้สัมผัสกับบางอย่างที่ขาเธอ หญิงสาวขึ้นทาบทับ ดวงตาสวยเฉี่ยวมองสบอย่างท้าทาย
“เคยมีคนบอกเธอหรือไม่ว่าดวงตาของเธอสะกดให้คนมองลุ่มหลงเพียงใด”
รอฮิมลูบมือหนาไปตามเค้าโครงหน้างดงามผุดผาด เขากำลังเตรียมรับมือกับความฉลาดของเธอ แต่คนเช่นสุลต่านรอฮิมไม่มีวันฉลาดน้อยกว่าหญิงสาวที่ฝีมือเทียบเขาไม่ได้เช่นนี้เป็นแน่
ฟาตินไม่ตอบแต่ก้มใบหน้าประทับจุมพิตบนริมฝีปากหยักลึก สุลต่านรูปงามกดท้ายทอยของเธอเอาไว้เพื่อจูบตอบเร่าร้อน กระหายในเรือนร่างหอมจรุงที่ทาบทับบนร่างเขาอย่างที่สุด
มือบอบบางเริ่มลงมือปลดอาภรณ์ออกจากกายหนา เธอกดจูบบนผิวเรียบแน่นของเขาทุกครั้งที่สัมผัสเรือนกาย ดวงตาสวยเฉี่ยวช้อนขึ้นมองยั่วยุอารมณ์ มือน้อยปลดผ้าคลุมผมบางเบาออกจากศีรษะ
เส้นผมสีน้ำตาลเข้มยาวถึงเอวคอดสยายไปรอบกรอบหน้าสวยคมงดงาม รอฮิมมองด้วยสายตาลุ่มหลงนอนนิ่ง มองเธออย่างเสน่หา
“ปิดตานะเพคะฝ่าบาท”
ฟาตินก้มลงกระซิบ จูบใบหูขาวสะอาดและแก้มสากเบาๆ รอฮิมถึงกับคำรามลั่นใช้อุ้งมือทั้งสองกอบกุมใบหน้าหญิงสาวเอาไว้แล้วยกใบหน้าขึ้นระดมจูบดุเดือดจนฟาตินแทบขาดใจตายเสียให้รู้แล้วรู้รอด
“คืนนี้หม่อมฉันจะทำให้ฝ่าบาทมีความสุขนะเพคะ”
“เราอยากมีความสุขตลอดไปได้หรือไม่”
รอฮิมจับมือน้อยเอาไว้เมื่อหญิงสาวทำท่าจะปิดตา
“หม่อมฉันยินดีทำให้พระองค์มีความสุขตลอดไปเพคะ”
“แองจี้ เธอสัญญาแล้ว หญิงสาวที่สัญญากับฉันเช่นนี้ จะต้องอยู่กับฉันตลอดไป ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เธอก็ต้องอยู่กับฉันตลอดไป”
คำพูดของเขาดูเรื่อยๆ แต่สะท้อนอยู่ในอกเพราะมันแฝงไปด้วยความจริงจัง
“แสดงว่ามีหญิงสาวมากมายสัญญากับพระองค์หรือเพคะ” เธอเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม
“ไม่ เธอคนเดียวเท่านั้น ฉันไม่เคยต้องการหญิงสาวคนใดไปตลอดชีวิตเช่นเธอ”
รอฮิมยกมือน้อยขึ้นจุมพิต เธอแสร้งเอียงอายไม่กล้าสบสายตาแพรวพราวกรุ้มกริ่มนั้น แต่หัวใจเธอมันสั่นทุกครั้งที่สบตาเขา
“หม่อมฉันควรเชื่อฝ่าบาทดีหรือไม่เพคะ”
ฟาตินยกผ้าคลุมผมหอมกรุ่นหมายจะปิดตาชายหนุ่ม รอฮิมดึงผ้าคลุมผมไปสูดดมกลิ่นหอมของเรือนผมเสียก่อน เขามองตาเธอไม่วาง ก่อนหลุบตาลงมองอกอวบอิ่มที่ซุกซ่อนอยู่ภายใต้อาภรณ์เนื้อดีสีทองอร่าม
“ฉันจะพิสูจน์ให้เธอเชื่อเอง”
รอฮิมดึงผ้าไปปิดตาเสียเอง ฟาตินยิ้มหวานส่งให้ ช่วยกระชับผ้าปิดตาเขา แล้วก้มลงจูบระไปตามแผงอกกว้าง มือบอบบางเอื้อมไปสอดใต้ขาของตัวเองเพื่อดึงอาวุธออกมา ฟาตินยกมีดสั้นขึ้นหมายจะแทงชายหนุ่มให้ตาย เธอจะปักตรงขั้วหัวใจเขา แต่...
“จะทำอะไร”
รอฮิมยกมือขึ้นจับมือบอบบางเอาไว้ แล้วพลิกร่างหญิงสาวลงด้านล่าง มืออีกข้างกระชากผ้าปิดหน้าออก
“โอ๊ย!”
ฟาตินร้องด้วยความเจ็บเมื่อถูกบีบแขนจนมีดในมือร่วงหล่น เธอนึกทึ่งในประสาทสัมผัสของเขานัก
รอฮิมไม่เคยไว้ใจใคร เขาอยู่ในฐานะที่มีคนหมายเอาชีวิตมากมาย แม้แต่ผู้หญิงก็ตามที แต่เพราะนั่น เขารู้ตัวอยู่ก่อนหน้า จากฝีมือการสืบข่าวของการิมที่เขารู้ว่าไม่เคยพลาด เขาเองเป็นคนเรียกเธอเข้าพบเอง แม้จะถูกคนสนิทห้ามไว้ก็ตามที
สุลต่านหนุ่มรู้การเคลื่อนไหวทุกอย่างของหญิงสาว แม้แต่ผู้เป็นอาของเธอที่มาพบเธอในช่วงเวลาสั้นๆ ดูท่าว่าเขาคงต้องทำอะไรอีกหลายอย่าง อัมรานดูเหมือนจะไม่ห้ามปรามหลานสาวเลยแม้แต่น้อย เขาวิเคราะห์สถานการณ์ไปอีกอย่างหนึ่ง
“ฉันไม่เคยยอมให้ผู้หญิงคนไหนปิดตาเวลาร่วมรักกัน”
เขาบอกเธอเสียงเครียด
หากเขายอมให้ใครก็ได้ปิดตา นั่นหมายถึงชีวิตของเขาอาจไม่ปลอดภัย แต่ที่ยอมเล่นตามเธอ เพราะว่าอยากจะรู้ว่าเธอจะทำอันใด
ฟาตินตกใจเล็กน้อยเท่านั้น ก่อนจะสงบนิ่งดังเดิม มองคนเหนือร่างเพื่อประเมินสถานการณ์
“เธอจะฆ่าฉันรึ”
รอฮิมกระชากร่างอรชรเต็มแรงจนหญิงสาวเสียหลักล้มลงฟาตินงอเข่ากระแทกที่ส่วนกลางของร่างใหญ่เมื่อได้จังหวะ อาศัยความเร็วผลักร่างสูงให้พ้นตัว รีบกระโดดลงจากเตียงนอนกว้าง