เธอเหมือนบิดาของเธอนัก แต่เขายังไม่อยากปรานีเธอตอนนี้ เพราะนั่นหมายถึงว่า เขาจะจบชีวิตลงทันที หากยอมอ่อนข้อให้ เขาต้องกำราบทำให้เธอสู้ไม่ได้และยอมทุกอย่าง ถึงจะชนะเธอได้
และสุดท้ายจะได้รู้ว่าเธอคิดจะฆ่าเขาทำไม
“หมดเวลาสนุกแล้วแองจี้ ฉันเหนื่อยเต็มทนแล้วอยากรักเธอใจจะขาดอยู่แล้ว”
มือใหญ่กระชากแขนเรียวกลมกลึงกลับมาอีกรอบด้วยความรู้สึกหลากหลาย ความต้องการรุนแรงจนเขาไม่อาจรออีกต่อไป
“โอ๊ย!!!” ฟาตินร้องด้วยความเจ็บ เมื่อสะโพกผายกระแทกกับพื้นเตียงอีกครา เขาไม่มีความสงสารเห็นใจ แต่เธอเองไม่ต้องการความสมเพชจากเขาเช่นกัน
“อยากทำอะไรก็ทำ อยากฆ่าให้ตายก็ฆ่าเสียเลยสิ”
ฟาตินเบี่ยงใบหน้าหนีเมื่อร่างสูงใหญ่ขึ้นทาบทับ
“ฉันทำแน่ แต่ไม่ใช่ฆ่าเธอให้ตายในตอนนี้ แต่จะทำให้ค่อยๆ ทรมานจนสิ้นใจไปเอง บอกมาว่าใครส่งเธอมา”
เขาบีบปลายคางเธอแน่นบังคับให้หันมาสบตา เค้นเอาความจริงอีกครั้ง
เพราะการที่เธอมาฆ่าเขาแบบนี้มันต้องไม่ใช่เรื่องเล่นๆ เป็นแน่ ฟาตินเม้มปากแน่น มองจ้องตาเขาไม่วาง ตัดความกลัวออกไป เขาสบกับแววตาที่ไม่ได้มีความเกรงกลัวคู่นี้ ถึงกับกัดกรามกรอด ตระหนักว่าเจ้าหล่อนคงไม่ยอมปริปากอันใดอย่างแน่นอน
“ได้... ถ้าเธอไม่ปริปาก ก็รับความทรมานไปคนเดียวแล้วกัน ถ้าเปลี่ยนใจตอนไหนค่อยบอกยังไม่สาย”
รอฮิมซบใบหน้าลงขบดูดเรือนร่างสาว ทึ้งเสื้อผ้าที่ยังค้างคาอยู่ออกจนหมด ฟาตินกรีดร้องเสียงดัง หลับตาแน่น ยอมรับชะตากรรม เธอเหนื่อยล้าเหลือเกินแล้วที่จะต่อกรกับเขาในตอนนี้
รอฮิมยิ้มร้าย เมื่อเห็นอีกฝ่ายนอนหลับตาแน่นเหมือนท่อนไม้
“ฉันอยากรู้ว่าเธอจะนอนนิ่งแบบนี้ได้นานสักเท่าไหร่กัน แต่ดีเหมือนกันไม่ต้องออกแรงให้เหนื่อย”
เขาหัวเราะหึๆ ฉกใบหน้าซุกซบลิ้มรสผิวผุดผ่อง
ฟาตินเม้มปากแน่นขึ้นจนเจ็บร้าวไปหมด สายตาคมเข้มเหลือบมองเพียงนิด แล้วตวัดลิ้นเลียยอดถันสีชมพูสด หญิงสาวหลับตาแน่นมือเกร็งจิกเข้าเนื้อจนเจ็บ ก่อนเผลออุทานด้วยความเจ็บเสียวเมื่อไรฟันคมกัดที่ยอดถันย้ำๆ หลายๆ ครั้ง
“อ๊ะ!!!”
“ฉันนึกว่าเธอจะอดทนกว่านี้”
เขาเยาะเย้ยถากถาง จับหญิงสาวพลิกคว่ำพลิกหงายงับดูดเหมือนเด็กได้ของเล่นชิ้นใหม่ หรือไม่ก็อาหารรสเลิศให้กลืนกินอย่างสำราญใจ
“สิ้นฤทธิ์แล้วรึ” เขางับหูขาวเนียนแทรกชิวหาสอดเข้าหา เรือนร่างนุ่มนิ่มหอมหวานทำให้เขาหลงลืมเรื่องราวบาดหมางไปชั่วขณะ รอฮิมบีบคางเรียวแล้วสอดแทรกลิ้นเข้าดูดกลืนความหวานอีกครา
ฟาตินอยากต่อต้าน แต่อ่อนล้าอ่อนแรง เธอเพียงแต่ถอยลิ้นหนี พยายามเบี่ยงหน้าหนีเท่าที่ยังมีแรงที่น้อยนิดเต็มที
“อย่า!!!” ฟาตินผวาเมื่อเขากระชากเรียวขาออกจากกันจนกว้าง เธอปัดป้องปกปิดผลักไสเรือนร่างสูงใหญ่ด้วยความตกใจ
“ทำเป็นไม่เคยไปได้ อย่าดีดดิ้นไปหน่อยเลย”
เขากระชากชุดของตัวเองออก จดจ่อความแข็งแกร่งที่เนินเนื้อสีชมพูสด ฟาตินกระถดถอยหนี
“ไม่” เธอส่ายหน้าหนีหวาดหวั่น กายสั่นยะเยือก
“อย่าทำเป็นไม่เคยไปหน่อยเลย แต่ทำสีหน้าแบบนี้ตื่นเต้นดีชะมัด”
เขาไม่พูดพร่ำทำเพลงกระแทกกายเสือกสอด ลึกเข้าสู่ความเป็นอิสตรี
“โอ๊ย!!! เจ็บ คนสารเลว” ฟาตินระดมกำปั้นทุบตีร่างสูงใหญ่ด้วยความเจ็บปวด
“ฤทธิ์มากนักนะ” เขาเขย่าแขนจนหญิงสาวหัวสั่นคลอน
“ปล่อยนะ ฮึกๆ ฮือ คนเลว... เจ็บ”
เธอกัดฟันร้องด้วยความเจ็บปวด ส่ายหน้าอย่างสิ้นฤทธิ์ หมดแรงกำลังที่จะต่อสู้กับความป่าเถื่อนของเขา
“อยากได้รับการปรนนิบัติดีเยี่ยมหรือไง ถ้าอยากได้ก็ตอบมา แต่ถ้ายังไม่ยอมบอกว่าใครส่งเธอมา ก็รับโทษทัณฑ์ไปคนเดียวเถอะ”
สะโพกแกร่งบดร่างเข้าหา เขาต้องนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ ความฟิตแน่นที่รัดรึงตัวตนแข็งกร้าว เขาอยากรู้ว่าอาของเธอมีส่วนรู้เห็นเรื่องนี้หรือไม่ แต่เธอพยศนัก ไม่ยอมเอ่ยปากอันใดเลยสักนิด
“ไม่คิดว่าจะยังบริสุทธิ์ แต่ก็ดี ฉันไม่ชอบของเหลือเดนจากใคร” รอฮิมกล่าวอย่างพึงพอใจ ไม่คิดว่าหญิงสาวจะยังบริสุทธิ์ผุดผ่อง เขาใช้หลังมือไล้ไปตามแก้มนวล ฟาตินสะบัดหน้าหนี เขาจึงกดกายเข้าหา
“อ๊ะ! คนบ้า” เธอถลึงตาใส่เขาด้วยใบหน้าแดงก่ำ
“ระวังคำพูดหน่อย เธอนี่มันน่าจริงๆ”
สุลต่านหนุ่มเอ่ยเตือน ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยมีใครใช้คำพูดแบบนี้กับเขามาก่อน เธอกล้ามากที่ด่าทอเขาด้วยคำพูดแบบนี้
“ทำไมต้องระวัง”
ฟาตินเถียงพยายามดันหน้าท้องแกร่งให้ออกห่างไปจากกายเธอ แต่เขาฝังล้ำลึกนัก ยิ่งขยับยิ่งเจ็บยิ่งเสียว แถมเรือนร่างแกร่งฝังกายลงมาแนบชิดมิดเม้นไม่ยอมถอดถอย
... ร่างสูงใหญ่ผลักไสมือบอบบางออกห่างแล้วกระชับสะโพกผายยกขึ้นจากพื้นเตียง
“โอ๊ย!” ฟาตินครางเสียงหลงเมื่อเขาเริ่มขยับกาย ใบหน้าคมเข้มหล่อเหลาสไตล์หนุ่มอาหรับถึงกับเหยเกเมื่อความรัดรึงคับแน่นบีบรัดทุกทิศทาง
เขาบดขยี้เกสรสาวเคล้นคลึงปุ่มกระสันนารีเพื่อให้หล่อนเสียวซ่านกระตุ้นหยาดน้ำหวานภายในออกมารับการชำแรกของเรือนกายกำยำ เพื่อทำให้การสอดประสานสะดวกและลดความเจ็บลง
รอฮิมขยับระรัวเร็วขึ้น แหงนเงยใบหน้าขึ้นด้านบนเพื่อปล่อยเสียงคราง ความเสียวซ่านแล่นพล่านไปทั่วร่าง แม้เธอจะพยายามข่มใจไม่ให้หลงไปกับอารมณ์หวามที่ไม่เคยพานพบมาก่อน แต่มันเกินจะยับยั้งชั่งใจ
“ร้องสิแองจี้ ร้องดังๆ จะทรมานอยู่ทำไม”
รอฮิมกระซิบสั่ง เขาอยากได้ยินเสียงหวานๆ ของเธอ ริมฝีปากร้อนดูดเม้มใบหูหอมกรุ่น เคลื่อนฝ่ามือเข้าฟอนเฟ้นเคล้นคลึงทรวงสาว
ฟาตินกรีดร้องสุดเสียงปลดปล่อยอารมณ์รุนแรงที่โจมตีเธอเหมือนคลื่นยักษ์ใหญ่ หล่อนร้องด้วยความเจ็บปนเสียวซ่านที่กระหน่ำจากร่างสูง
“ร้องสิ เสียงเธอหวานจะตาย ต่อไปฉันจะให้เธอร้องแบบนี้ทุกวัน วันละหลายๆ ครั้ง”
แค่คำพูดก็บาดลึกถึงทรวงใน ฟาตินรู้สึกสั่นสะท้านรุนแรงเมื่อได้รับฟังประโยคชวนขนลุกนั้น
“อ๊า... ขยับแบบนั้นล่ะดีมาก แม่เชลยสาวคนสวย โอ้... แน่นสุดๆ แทบหายใจไม่ออก” รอฮิมคำรามสั่งเสียงพร่าด้วยใบหน้าแดงก่ำ ก้มลงบดขยี้ริมฝีปากสาวด้วยความกระหาย รสชาติอันลึกล้ำของเนื้อนวลนางใต้ร่างทำให้เขาติดอกติดใจได้ไม่ยาก
ความทรมานสิ้นสุดลงด้วยการปลดปล่อยลำธารร้อนในกายสาว สุลต่านหนุ่มผละออกห่างทอดสายตาดุกร้าวมองร่างที่บอบช้ำบนเตียง
“เก็บแรงเอาไว้ ต่อจากนี้เธอจะไม่ได้นอนไปอีกนาน”
ฟาตินสะบัดหน้าให้หลุดจากมือใหญ่ที่บีบปลายคาง ท่าทีแสนพยศทำให้รอฮิมคำรามกระหึ่มในลำคอ
“ฤทธิ์มากนักนะ” เขาบีบปลายคางให้หญิงสาวหันมาสบตา ก้มลงบดขยี้ริมฝีปากที่แดงช้ำ ฟาตินงับลิ้นของชายหนุ่มเต็มแรง แม้จะอ่อนแรงแต่ไม่ยอมอ่อนข้อเด็ดขาด
รอฮิมผละห่าง “แล้วเธอจะรู้ว่าความทรมานแสนหวานมันเป็นยังไงแม่เชลยสาว”
รอฮิมกระซิบบอกเสียงคุกคาม เขาดุนปลายลิ้นกับริมฝีปากด้วยความเจ็บ มองร่างเชลยสาวที่ไม่แม้จะคิดอ่อนข้อให้เขาสักนิด
ฟาตินยังมองเขาด้วยดวงตาแข็งกร้าวแม้กายจะขยับเคลื่อนไหวไม่ได้ก็ตามที...
อัมรานเดินวนไปมาอยู่ในห้องรับรองด้วยความร้อนรุ่มในหัวใจ เขาไม่อยากให้ฟาตินไปคิดเข่นฆ่าสุลต่านรอฮิม เพราะเรื่องราวมันจะบานปลายจนเขาก็คงช่วยไม่ได้
แม้หลานสาวจะบอกว่าไม่ได้คิดฆ่าสุลต่านรอฮิม แต่เขาอดกลัวแววตาคู่นั้นของฟาตินไม่ได้
สุลต่านรอฮิมไม่ใช่คนโง่ และเขาก็กลัวเหลือเกิน กลัวว่าหลานสาวจะถูกจับได้ ถ้าถึงเวลานั้น เขาควรทำเช่นไรดี ยอมให้เธอโดนประหารชีวิต หรือช่วยเหลือเอาไว้